เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 90 อย่าดูถูกลั่วลั่ว
บทที่ 90 อย่าดูถูกลั่วลั่ว
ฉู่ลั่วกลับเข้าไปในห้องนอน วางกระเป๋าสะพายลง ก่อนจะไปนั่งสมาธิที่ระเบียง
ระบบที่ไม่ได้ออกมานาน จู่ ๆ ก็โผล่ออกมากะทันหัน
[นายหญิง จิตใจของท่านกำลังปั่นป่วนมาก!]
ฉู่ลั่วตอบหน้านิ่ง “เปล่านี่”
[ผมรู้สึกได้ถึง… ไม่ผมไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น!]
ความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอดอันแข็งแกร่งทำให้ระบบเปลี่ยนคำพูด
[นายหญิง ท่านไม่คิดจะไปที่วัดผีนั่นจริงหรือ?]
ฉู่ลั่วเงียบแทนคำตอบ “…”
[ที่จริงท่านคิดจะไปใช่ไหม?]
เธอยังคงหลับตา ใบหน้าเรียบเฉยปราศจากการเปลี่ยนแปลง
ระบบเงียบไปสักพัก ก็พูดออกมาอีกว่า
[นายหญิง มีเรื่องที่ผมต้องบอกกับท่าน วัดผีแห่งนั้นทำร้ายผู้คนมากมาย ถ้าท่านสามารถแก้อาถรรพ์วัดผีได้ พลังโชคชะตาที่ท่านจะได้รับมากกว่าพลังโชคชะตาที่ท่านได้จากไลฟ์สตรีมเสียอีก]
ฉู่ลั่วถึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา “บอกมาให้ละเอียดซิ”
[ช่วงนี้ผมไม่ได้มารบกวนท่าน เพราะไปอัปเกรดมา หลังจากอัปเกรดแล้วความสามารถในการรับรู้ของผมก็แข็งแกร่งขึ้น ผมสามารถรับรู้ได้ว่าวัดผีแห่งนั้นจะนำพลังโชคชะตามากมายมาให้]
ระบบเน้นย้ำ
[ถ้าท่านแก้อาถรรพ์วัดผีได้ โชคที่ท่านได้รับมาจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน]
ฉู่ลั่วครุ่นคิดอยู่สักพัก “…เข้าใจแล้ว”
เธอหลับตา ผ่านไปสักพักหนึ่ง “ลูกรักสวรรค์สามารถทำให้คนรู้สึกสับสนได้หรือเปล่า?”
[อะไรนะ?]
ฉู่ลั่วพูด “…ไม่มีอะไร”
ระบบเงียบไปสักพัก ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
[นายหญิง ท่านรู้สึกว่าท่าทีของซ่งเชียนหย่าที่มีต่อท่านเปลี่ยนไปมากใช่ไหม?]
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
[ลูกรักสวรรค์เดิมทีก็เป็นที่รักของสวรรค์อยู่แล้ว คนที่อยู่รอบตัวเธอล้วนรักและเอ็นดูเธออย่างไม่มีเงื่อนไข]
ฉู่ลั่วเอ่ยตอบ “เข้าใจแล้ว”
…
ตอนเย็น
ฉู่เหว่ยฮ่าวกับลูกชายกลับมา พอกลับมาถึงซ่งเชียนหย่าก็ดึงมือฉู่เหว่ยฮ่าวไว้ บอกว่าฉู่ลั่วไม่ยอมช่วยฉู่หร่าน
“เธอกับหร่านหร่านเป็นพี่น้องกัน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เธอไม่ยอมช่วยหร่านหร่านเลย!” ซ่งเชียนหย่ามีสีหน้าผิดหวัง “ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเธอรู้เรื่องรู้ราวขึ้นแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”
ฉู่เหว่ยฮ่าวก็ถอนหายใจออกมา “เดี๋ยวผมจะพูดกล่อมลั่วลั่วให้เอง”
เวลาอาหารเย็น ฉู่หร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ทั้งที่ตายังบวมแดง และทานอาหารเย็นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ซ่งเชียนหย่าคอยปลอบโยน ฉู่เหว่ยฮ่าวก็สงสารลูกเช่นกัน
ท้ายที่สุด เขาก็ตบโต๊ะเสียงดังปัง “หร่านหร่านไม่ต้องร้องแล้ว ลั่วลั่วจะไปแน่นอน!”
ฉู่เหิงที่ไม่รู้เรื่องอะไร “ไปไหนครับ?”
ฉู่เหว่ยฮ่าวเล่าเรื่องของฉู่หร่านกับอันเชี่ยนให้ฟัง “ตอนนี้ตระกูลอันโทษหร่านหร่าน ถ้าไม่ไปเอาดวงชะตาของอันเชี่ยนออกมา พวกเขาก็จะเอาดวงชะตาของหร่านหร่านไปใส่ไว้ในวัดผีเหมือนกัน”
“วัดผีแค่ฟังชื่อก็รู้ว่าไม่ใช่สถานที่ที่ดีแน่นอน จะเอาดวงชะตาของหร่านหร่านไปใส่ไว้ได้ยังไง…”
“พ่อครับ แม่ครับ!” ฉู่เหิงพูดแทรกฉู่เหว่ยฮ่าว และมองพวกเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “พ่อกับแม่ก็รู้ว่าวัดผีไม่ใช่สถานที่ที่ดี ก็ยังจะให้ลั่วลั่วเข้าไป”
เขามองฉู่ลั่วที่ทานอาหารเย็นโดยไม่สนใจอะไรก็รู้สึกเจ็บปวด
“พ่อกับแม่เรียกลั่วลั่วกลับมา เพื่อจะให้เธอไปในที่ที่อันตรายแทนฉู่หร่านเหรอ?” เขาหลงคิดไปว่าเพราะแม่คิดถึงฉู่ลั่ว ถึงได้เรียกกลับมา
แต่คิดไม่ถึงว่า จะเรียกกลับมาเพราะฉู่หร่าน
ฉู่เหว่ยฮ่าวถูกดุเข้าก็รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย “ลั่วลั่วเป็นน้องสาว พี่สาวเจอเรื่องแบบนี้ เธอช่วยเหลือสักหน่อยจะเป็นอะไรไป”
“สำหรับคนอื่นอาจจะอันตราย แต่สำหรับเธอไม่ใช่เรื่องอันตรายนี่” ซ่งเชียนหย่าเอ่ย “ลั่วลั่วเก่งมากนะ อาเหิง ลูกอย่าดูถูกลั่วลั่วเชียวนะ”
ฉู่เหิงมองพ่อแม่ที่ไร้เหตุผลก็สูดลมหายใจเข้าลึก เขาเดินเข้าไปหาฉู่ลั่ว แล้วคว้าแขนของเธอเอาไว้ “ไปเถอะ กลับบ้านเล็กกัน”
ฉู่ลั่วอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกพี่ชายใหญ่ลากออกมาข้างนอกเสียก่อน
เขาขับรถไปส่งเธอที่บ้านเล็กด้วยตัวเอง
ตอนนั่งอยู่ในรถ ฉู่เหิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ขอโทษนะ พี่คิดว่าพ่อกับแม่จะเลิกลำเอียงแล้วซะอีก”
แต่ฉู่ลั่วกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “พวกเขาไม่ได้เพิ่งจะมาลำเอียงได้แค่วันสองวัน ไม่ต้องโกรธหรอกค่ะ”
“…” ฉู่เหิงพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “วัดผีนั่น เธออย่าไปเลยนะ บนโลกนี้มีนักพรตระดับสูงตั้งหลายคน พี่ไม่เชื่อหรอกว่านอกจากเธอแล้วจะไม่มีใครจัดการได้ พี่จะไปหาคนอื่นดู”
ฉู่เหิงส่งฉู่ลั่วเดินเข้าไปในบ้าน ถึงขับรถกลับบ้านตระกูลฉู่