เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - SPIN-OFF บทที่ 40
SPIN-OFF บทที่ 40
โครม เคร้ง!
            เสียงเก้าอี้หงายไปด้านหลังเพราะการลุกขึ้นอย่างกะหันหัน และเสียงร่วงหล่นของส้อมของช้อนที่ถืออยู่ดังกึกก้องไปทั่วห้องอาหาร
            “โอเคไหมเทีย?”
            ท่านพ่อเดินเข้ามาหาข้าด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดแล้วเอ่ยถาม
            “รีบไปพาดอกเตอร์เอสทีร่ามาเร็ว!”
            ท่านปู่ตะโกนใส่เหล่าลูกจ้างที่พลอยตกใจกันไปตามๆ กัน
            “ยังไหวอยู่ค่ะท่านพ่อ แล้วก็ไม่ใช่ที่นี่แต่ช่วยบอกให้เอสทีร่าไปที่ห้องคลอดทีนะคะ”
            แม้จะเร็วกว่าวันที่กำหนดเอาไว้ แต่ห้องสำหรับการคลอดลูกในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะอาดสะอ้านได้ถูกเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว
            สถานที่นั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับการตรวจร่างกายอย่างจริงจัง
            “พอจะยืนขึ้นแล้วเดินได้ไหมเทีย?”
            “พวกเราช่วยประคองเอง!”
            สองแฝดรีบเดินเข้ามาด้านข้างแล้วยื่นแขนออกมา
            หากเป็นตอนปกติข้าคงปฏิเสธไปว่าสามารถเดินคนเดียวได้ แต่เพราะไม่รู้ว่าอาการเจ็บท้องจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไร ดังนั้นระวังไว้ก่อนคงจะดีกว่า
“ขอบใจนะ”
            ข้ารับการประคองที่มั่นคงจากสองแฝด และในตอนที่มาถึงห้องคลอด ก็พบว่าเอสทีร่ามารออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว
            “จากตรงนี้ไปให้ข้าจะช่วยดูแลท่านเจ้าตระกูลเองค่ะ ทุกท่านกรุณารอด้านนอกนะคะ”
            เอสทีร่ากล่าวกับคนอื่นในครอบครัวที่ทำท่าจะเดินตามเข้ามาราวกับจะสิง
            นับแต่ตอนนี้ไป จนกว่าเด็กจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย คำพูดของเอสทีร่าคือกฎ
            ข้าโบกมือให้คนอื่นๆ ในครอบครัวพลางกล่าวว่า
            “ทุกคน ไว้เจอกันนะคะ”
            ทั้งที่ในความคิดของข้ามันคือคำบอกลาง่ายๆ ที่กล่าวเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศแท้ๆ
            แต่ใบหน้าของคนอื่นๆ ในครอบครัวกลับยิ่งเหยเกมากกว่าเดิม
            “ถ้าต้องการอะไรก็บอกได้เสมอเลยนะ”
            “ดอกเตอร์เอสทีร่า ฝากเทียกับเด็กด้วยนะคะ”
            ท่านปู่กับชานาเนสพูดออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
            “ทุกคนไม่ต้องกังวลกันมากเกินไปค่ะ ยังไม่แน่ใจเลยว่าใช่อาการเจ็บท้องคลอดจริงหรือเปล่า”
            ทั้งที่พูดออกไปแบบนั้นแท้ๆ
            “เป็นอาการเจ็บท้องคลอดถูกต้องแล้วค่ะ ต้องเตรียมตัวแล้วค่ะท่านเจ้าตระกูล”
            “มันไม่เร็ว…เกินไปหน่อยเหรอ?”
            “ถึงจะเร็วไปบ้าง แต่เด็กพัฒนาอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว เพราะงั้นไม่เป็นอะไรค่ะ”
            “งั้นก็ค่อยยังชั่วนะ…”
            ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การคลอดออกมาตอนครบกำหนดก็น่าจะดีที่สุดแท้ๆ
            “นิสัยใจร้อนเหมือนใครกันเนี่ย”
            เสียงถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ออกมาพร้อมกับคำพูดที่ข้าบ่นกับตนเอง
ก๊อกก๊อก
            “ท่านเจ้าตระกูล แคทเธอรีนเองค่ะ”
“อือ เข้ามาสิ”
            หลังจากเข้ามาในห้องรับรองที่อยู่ในห้องคลอด แคทเธอรีนก็เอ่ยถามข้าอย่างระมัดระวัง
            “ให้ส่งคนไปแจ้งฝ่าบาทไหมคะ?”
“อ๊ะ จริงสิ นั่นสินะ”
            เป็นเพราะไร้สติมาก ข้าก็เลยลืมเรื่องของเฟเรสไปชั่วขณะหนึ่ง
            แล้วทำไมจะต้องมาเจ็บท้องคลอดก่อนจะถึงวันลาคลอดแค่หนึ่งวันด้วยเนี่ย
            สีหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บใจถูกวาดออกมาโดยอัตโนมัติ
“อือ ฝากด้วยนะ แคทเธอรีน”
            ข้ามองภาพด้านหลังของแคทเธอรีนที่เดินออกจากห้องคลอดไปด้วยฝีเท้าเร่งรีบ ก่อนเบนสายตาออกไปด้านนอก
“ฝนตกหนักเลยแฮะ”
            ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตั้งแต่เช้าตรู่ กำลังมีฝนห่าใหญ่ตกลงมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
            “เฟเรสจะเป็นอะไรไหมนะ”
            คงจะพุ่งมาทันทีที่ได้ยินข่าวแน่ๆ
            ข้าพึมพำเพื่อเกลี้ยกล่อมลูกที่น่าจะกำลังฟังอยู่
            “เรามาอดทนรอจนกว่าคุณพ่อจะมากันเถอะ เข้าใจไหม?”
***
            “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
            เฟเรสหลุบตามองสารถีของพระราชวังที่ก้มศีรษะลงไม่หยุดพลางขมวดคิ้วเงียบๆ
            วันนี้เป็นวันที่แปลกมาตั้งแต่เช้าแล้ว
            จิตใจที่ไม่สงบอย่างน่าประหลาด ตอนอยู่ในห้องน้ำก็พลาดทำขวดใส่น้ำมันหอมแตกไปขวดหนึ่ง
            ความรู้สึกไม่สบายใจทำให้เขาไม่อยากออกห่างจากเทีย แต่เมื่อตั้งใจจะจัดการเรื่องงานให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมสำหรับลาคลอด เขาก็ไม่มีทางเลือก
            สุดท้ายแล้ว เขาก็ออกเดินทางมายังพระราชวังด้วยจิตใจอันหนักอึ้ง
            แต่ทว่าระหว่างทางฝนห่าใหญ่กลับเทลงมาอย่างหนัก ก่อนที่ล้อของรถม้าจะหลุดออกในที่สุด
            แถมยังมาหลุดตรงจุดที่อยู่ห่างพระราชวังกลางซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางไม่ไกลนักอีกด้วย
            “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ! เป็นความผิดของกระหม่อมที่สะเพร่าในการดูแลพ่ะย่ะค่ะ!”
            เฟเรสรู้ว่าคนผู้นี้เป็นคนขยันหมั่นเพียรและมีฝีมือในการขี่ม้า
            เพียงแค่การฝ่าฝนที่สาดเทลงมาเช่นนั้นจนเกือบถึงพระราชวังได้อย่างปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่โชคดีแล้ว
            “กระหม่อมจะไปเรียกรถม้าคันใหม่มาให้พ่ะย่ะค่ะ”
            อัศวินที่คุ้มกันรถม้าเดินเข้ามาแล้วค้อมศีรษะลง
            “ช่างเถอะ เก็บรถม้าไป”
            เฟเรสก้าวลงจากรถม้าอย่างรวดเร็วพลางกล่าว
            “ข้าอยากเดินคนเดียว ไม่ต้องตามมา”
            อยากเดินเล่นในพระราชวังสักหน่อยเพื่อสลัดความรู้สึกอันแปลกประหลาดนี้ออกไป
            เขาก้าวเดินไปตามทางอยู่แบบนั้นสักพัก
            แม้จะยังมีฝนโปรยปรายลงมาแต่เขาก็ไม่สนใจ
            ทว่าการเดินเล่นที่เริ่มต้นขึ้นเพื่อผ่อนคลายอารมณ์กลับนานกว่าที่คิด
            เพราะเขาเดินไปทั่วทุกหนทุกแห่งของป่าอันกว้างใหญ่ในพระราชวัง
            ไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
            จวบจนผ่านไปสักพักใหญ่ เฟเรสถึงได้มุ่งหน้าไปทางพระราชวังกลางอีกครั้ง
            แต่จิตใจที่ยังไม่แจ่มใสกลับหนักอึ้งพอๆ กับชุดคลุมที่เปียกชุ่มด้วยฝนที่โปรยลงมา
            “คงต้องรีบกลับไปลอมบาร์เดียแล้ว”
            ในตอนที่เฟเรสซึ่งตัดสินใจเช่นนั้นได้ในที่สุด เหยียบลงบนถนนตรงหน้าพระราชวังกลางพอดีนั่นเอง
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!”
            ริกนีเต้ รูมันที่เดินวนไปวนมาอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เห็นเขาและวิ่งถลันเข้ามา
            “สารด่วนจากลอมบาร์เดียพ่ะย่ะค่ะ! ท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย…!”
            ไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบายต่อจากนั้นอีกแล้ว
            เฟเรสเริ่มวิ่งออกไปทั้งอย่างนั้น
            วันนี้ เขาไม่ควรออกมาจากคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเลย
            เขาควรจะเฝ้าอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา
            “เตรียมรถม้าไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
            ริกนีเต้ตะโกน
            แต่เฟเรสไม่ขึ้นไปบนรถม้า
            เขาจับสายบังเหียนของม้าที่ยืนอยู่ตัวหน้าสุดแทน จากนั้นออกคำสั่ง
            “ใส่อานม้า”
            เขาไม่มีเวลามามัวนั่งรถม้าเพื่อเดินทางไปจนถึงลอมบาร์เดียอย่างผ่อนคลายแล้ว
            ริกนีเต้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสมกับที่เป็นผู้ช่วยของเฟเรสมานาน
            เขาแยกม้าออกจากรถม้าด้วยความชำนาญ จากนั้นใส่อานสำหรับใช้ชั่วคราวในยามฉุกเฉินไว้ข้างบนนั้น
            เฟเรสกระโดดขึ้นม้าทันทีที่ริกนีเต้ถอยหลังไป
            จากนั้นม้าก็พุ่งทะยานออกไปราวกับจะขุดดินที่เละเทะออกมา
            “อ่า ทำไมกันเนี่ย”
            ริกนีเต้ที่เตรียมการได้อย่างรวดเร็วแม้ไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง แหงนหน้ามองฟ้าแล้วถอนหายใจออกมา
            บนท้องฟ้าที่มืดมิด ฝนห่าใหญ่กำลังเทลงมาอีกครั้งราวกับไม่เคยซามาก่อน
***
            “เหมือนจะคลอดเร็วกว่าที่คิดค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”
            “ฮ่าฮ่า เพราะงั้นเลยเจ็บถึงขนาดนี้สินะ”
            ไม่ใช่เสียงหัวเราะที่ออกมาเพราะรู้สึกขำขันจริงๆ
            เป็นการแสร้งหัวเราะที่ข้าทำออกมาเมื่อเจ็บปวดมากเกินไป
“อดทนอีกหน่อยนะ”
            ชานาเนสช่วยเช็ดเหงื่อที่หน้าผากพลางกล่าว
            เดิมทีชานาเนสก็รออยู่ด้านนอกห้องกับคนอื่นๆ ในครอบครัว
            แต่พออาการเจ็บท้องรุนแรงขึ้นทีละน้อย เอสทีร่าก็แนะนำให้ข้าพาใครสักคนเข้ามาอยู่ข้างๆ ข้าก็เลยเรียกชานาเนสเข้ามา
            “ในตอนปกติข้าก็นับถือท่านป้าอยู่แล้วนะคะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
            “แต่ตั้งแต่วันนี้ไปจะยิ่งนับถือมากขึ้นไปอีกค่ะ แค่คนเดียวยังเจ็บถึงขนาดนี้ ท่านคลอดฝาแฝดออกมาได้ยังไงกันคะเนี่ย”
“เจ้าพูดอะไรอีกแล้วเนี่ย”
            ชานาเนสหัวเราะออกมาเบาๆ
            “ดูจากการที่ยังพูดเล่นแบบนั้นได้แสดงว่ายังพอทนได้สินะ”
            “ยังได้อยู่ค่ะ เพราะพอเจ็บแล้วจู่ๆ กลับมาเป็นปกติแบบนี้อีก ข้ารู้สึกเหมือนแกล้งป่วยอยู่เลยน่ะค่ะ”
            “นั่นสินะ แต่ค่อยยังชั่วนะที่ยังเจ็บท้องแค่ระดับนั้น เพราะคนที่ต้องมายังไม่มาเลย”
            ชานาเนสที่กล่าวคำพูดแทงใจดำออกมาเช่นนั้นเอ่ยถามแคทเธอรีน
            “แคทเธอรีน เจ้าแน่ใจนะว่าส่งคนไปที่พระราชวังแล้ว?”
            “ค่ะ แต่น่าจะมาช้าเพราะฝนตกหนักค่ะ”
            ข้าพยักหน้าให้กับคำพูดนั้น
            ฝนกำลังตกลงมาอย่างรุนแรงเสียจนเสียงฝนที่กระทบกับหน้าต่างดังหนวกหู
            แม้แต่ในฤดูฝนข้าก็ยังไม่เคยเห็นฝนที่ตกหนักขนาดนี้มาก่อน
            “ไม่เป็นไรค่ะท่านป้า เด็กยังไม่ได้จะคลอดออกมาเสียเดี๋ยวนี้สักหน่อยค่ะ”
            ชานาเนสทอดสายตามองข้าที่ยิ้มพลางพูดอย่างนั้นนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
            “ถ้าพ่อของเจ้าที่อยู่ด้านนอกกล้าหาญได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้าก็คงจะดี”
            “ท่านพ่อเป็นอะไรเหรอคะ?”
            “ถ้าใครเห็นคงคิดว่าไม่ใช่เจ้า แต่เป็นแคลอฮันที่เจ็บท้องคลอดต่างหาก”
“ฮ่าฮ่า”
            ในคราวนี้เป็นเสียงหัวเราะที่ไร้เรี่ยวแรงแล้ว
            สำหรับท่านพ่อ การคลอดยากของท่านแม่เป็นเรื่องที่ฝังใจ
            แต่ในตอนนี้ข้ากลับกำลังคลอดลูกอยู่ ดังนั้นจะกังวลมากก็ไม่แปลก
            มิหนำซ้ำเดิมทีท่านพ่อของข้าก็จิตใจอ่อนไหวอยู่แล้วด้วย
            “ท่านพ่อก็คงจะลำบากแย่เลยค่ะ”
            “ลำบากอะไรล่ะ แม้แต่ในวันนั้นชาห์นก็ลำบากอยู่คนเดียว”
            ชานาเนสช่วยเช็ดเหงื่อที่ไม่รู้ว่าผุดขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไรพลางเดาะลิ้น
            จากนั้นก็กล่าวขึ้น
            “เพราะฉะนั้น ต่อให้เจ้าจะทนไม่ไหวก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะ เทีย”
            “อ่า…”
            พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
            แต่ในไม่ช้าข้าก็ส่ายหน้า
            “ข้าไม่เป็นไรค่ะ”
            เป็นความจริง
            ข้าไม่เป็นไรจริงๆ นะ
            ยังพอทนได้เพราะอาการเจ็บท้องก็ยังไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น
            ยังมีแคทเธอรีน เอสทีร่า แล้วก็ชานาเนสที่อยู่ด้านข้างด้วย
            เพราะฉะนั้น ข้าน่ะ
“ข้าไม่…”
ก๊อกก๊อก
            เสียงเคาะประตูต่ำๆ ดังก้องไปทั่วห้องคลอด
“เทีย”
            น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่อของข้า
            แคทเธอรีนรีบเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
            เวลาเดียวกับที่กลิ่นที่ผสมผสานระหว่างน้ำกับดินพัดเข้ามาทันที
            เฟเรสยืนอยู่ตรงประตูโดยที่มีน้ำกำลังหยดติ๋งติ๋งลงมาจากเส้นผมสีดำ
 
                                         
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
         
                                     
                                     
                                     
                                     
		 
		 
		 
		