เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 352 ภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุด
มินานหลี่ซิวหยวนก็เดินกลับมาจากด้านหลังเขา และมุ่งมายังที่ พานักของนักพรตชิงอวิ๋นด้วยความรีบร ้อน
ต้องบอกว่าเวลานี้นักพรตชิงอวิ๋นรู ้สึกพออกพอใจเป็ นอย่างมาก
หลังจากได้รู ้คุณสมบัติวิถีเซียนของเย่ฉางชิง ก็มิต่างอะไรกับ การที่ข้อข้องใจถูกคลี่คลายลง
ขอเพียงสานักชิงหยางมิล่มสลายในน้ามือเขา เช่นนั้นเขาก็มิ ต้องรู ้สึกละอายใจต่อเหล่าบรรพจารย์แล้ว
ยิ่งกว่านั้นด้วยพรสวรรค์ที่เย่ฉางชิงแสดงออกมาในเวลานี้ เชื่อ ว่าการจะเข้าเป็ นศิษย์สายในของนิกายกระบี่สวรรค์ จะต้องมิมีปัญหา อย่างแน่นอน
เช่นนี้สานักชิงหยางก็จะกลับมารุ่งเรืองดังเช่นในอดีต และอาจจะ สามารถเลื่อนขึ้นเป็ นสานักอันดับสามได้อีกครั้ง หรือสูงกว่านั้นก็ เป็ นได้
อีกทั้งเขายังรู ้ดีว่าหลายปีมานี้ตบะบารมีของตัวเองหยุดชะงักมิ สามารถบรรลุขั้นที่สูงกว่าได้มานานแล้ว หากชีวิตที่เหลืออยู่มิได้รับ โอกาสและวาสนาที่ยิ่งใหญ่แล้วล่ะก็ เกรงว่าคงยากที่จะบรรลุได้อีก
ขณะนั้นหลี่ซิวหยวนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ และเดิน เข้ามาอย่างรีบร ้อน
กลับพบว่านักพรตชิงอวิ๋นกาลังหลับตาพริ้มลงทั้งสองข้าง ถือชา ร ้อนเอาไว้ในมือหนึ่งถ้วย และนั่งตากแดดอยู่บนเก้าอี้อย่างสบาย อารมณ์
“อาจารย์ขอรับ ! ”
หลี่ซิวหยวนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไป ตรงหน้าของนักพรตชิงอวิ๋น
“ซิวหยวน เจ้าจะพาฉางชิงไปบาเพ็ญเพียรที่ด้านหลังเขาแล้วใช่ หรือไม่ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นยังคงหลับตาพริ้ม ขณะเอ่ยถามขึ้นมาเรียบ ๆ
หลี่ซิวหยวน “……”
‘หรือว่าในสายตาท่าน ข้า หลี่ซิวหยวน เป็ นคนมิเอาไหนเพียง นั้นเชียวหรือ ? ’
‘ตอนนี้มันเวลาไหนกันแล้ว ? ’
‘หากเป็ นเช่นทุกวัน ข้าบาเพ็ญเพียรไปเกือบสามถึงสี่ชั่วยาม แล้ว ! ’
‘แต่สิ่งที่สาคัญกว่าการพาศิษย์น้องเย่ ไปบาเพ็ญเพียรที่ด้านหลัง เขาก็คือ’
‘ตอนนี้ศิษย์น้องเย่ได้เกิดรู ้แจ้งในแผ่นหินรูปทรงกระบี่แผ่นนั้นไป แล้ว เป็ นข้าที่ทนมองความอัปยศเช่นนั้นมิได้ จึงได้หนีกลับมา ต่างหากเล่า ! ’
‘ตอนนี้ดูท่าแล้ว ท่านคงต้องการใช ้อัจฉริยะที่ไร ้เทียมทานเช่น ศิษย์น้องเย่ มากระตุ้นข้าจริง ๆ สินะ ! ’
‘มิใช่สิ ! ’
‘นี่มันคือการตัดกาลังใจกันชัด ๆ ! ’
“อาจารย์ ศิษย์กลับมาจากด้านหลังเขาแล้วต่างหากขอรับ”
หลี่ซิวหยวนนิ่งเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อีกอย่าง… ศิษย์จะ มาแจ้งให้ทราบว่าจะมิขอสอนเขาอีกแล้ว”
“อัจฉริยะที่ไร ้เทียมทานเช่นศิษย์น้องเย่ ศิษย์มิอาจสั่งสอนได้จริง ๆ ขอรับ ! ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักพรตชิงอวิ๋นที่มีสีหน้าท่าทางสบายอกสบาย ใจก็พลันลืมตาขึ้น
ทว่าเมื่อเขาเห็นใบหน้าท้อแท้ใจของหลี่ซิวหยวนแล้ว เขากลับ มิได้เผยสีหน้าใด ๆ ออกมา เพียงแค่ส่ายหน้าไปมายิ้ม ๆ เท่านั้น
“ซิวหยวน อาจารย์รู ้ดีว่าเจ้าก าลังรู ้สึกเช่นไรอยู่”
นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยด้วยน้าเสียงสงบนิ่ง “คราแรกที่อาจารย์เจอ ฉางชิงก็รู ้สึกว่าลักษณะท่าทางของเขานั้นโดดเด่นเป็ นอย่างมาก แต่ ต้องยอมรับว่าอาจารย์เองก็ประเมินเขาต่าเกินไป”
“การที่เจ้าได้อยู่กับผู้ที่ไร ้เทียมทานเช่นนี้ อีกทั้งยังต้องสอนหลัก พื้นฐานในการบาเพ็ญเพียรให้เขาอีก สาหรับเจ้าแล้วย่อมอดมิได้ที่ จะรู ้สึกกดดัน”
เอ่ยถึงตรงนี้นักพรตชิงอวิ๋นก็หยุดชะงักเล็กน้อย พลางกวาดตา มองหลี่ซิวหยวนที่มีท่าทีนิ่งขรึม “แต่หากเจ้าลองเปลี่ยนมุมมองดู ก็จะ รู ้ว่านี่ถือเป็ นเรื่องที่ดีสาหรับเจ้าด้วย…”
วินาทีต่อมา ยังมิทันที่นักพรตชิงอวิ๋นจะเอ่ยจบ
“อาจารย์ สิ่งที่ท่านกล่าวมาข้าล้วนเข้าใจดี”
ในที่สุดหลี่ซิวหยวนก็ทนมิไหวอีกต่อไป จึงได้เอ่ยขัดขึ้นมาอย่าง มิเกรงใจอีก “แต่หากศิษย์บอกว่า… ศิษย์น้องเย่… เมื่อครู่นี้ได้เกิดการ รู ้แจ้งในแผ่นหินรูปทรงกระบี่ ที่อยู่ตรงด้านหลังเขาแผ่นนั้นด้วยเล่า ขอรับ ? ”
“อะไรนะ ! ”
นักพรตชิงอวิ๋นมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีอย่างห้ามมิได้ ก่อนจะลุก พรวดพราดขึ้น
จึงทาให้ชาที่อยู่ในมือสาดไปทั่วทั้งตัว
“ซิวหยวน เจ้ามิได้โกหกใช่หรือไม่ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นแววตาเป็ นประกาย พลางเอ่ยถามด้วยสีหน้า ตื่นเต้นยินดี “ฉางชิง… ฉางชิง เขารู ้แจ้งในแผ่นหินทรงกระบี่จริง ๆ งั้นหรือ ? ”
“หากมิใช่เรื่องจริง เช่นนั้นศิษย์จะมาออกมาทาไมกันขอรับ ? ”
หลี่ซิวหยวนพยักหน้ารับ พลางกล่าวอีกว่า “มิเพียงเท่านั้น เมื่อ ครู่นี้ศิษย์ยังสัมผัสได้ถึงเจตจานงแห่งกระบี่ ที่แผ่ออกมาจากร่างของ ศิษย์น้องเย่อย่างชัดเจนด้วยขอรับ อีกทั้งยังสะท้อนกับเจตจานงแห่ง กระบี่ที่แผ่ออกมาจากแผ่นหินทรงกระบี่นั้นด้วย…”
ทว่านักพรตชิงอวิ๋นกลับมิรอฟังหลี่ซิวหยวนเอ่ยจนจบอีกแล้ว
เพราะตอนนี้นักพรตชิงอวิ๋นนั้นได้หายตัวไปเรียบร ้อยแล้ว หาได้ ใส่ใจคาขอของหลี่ซิวหยวนไม่
วินาทีต่อมา หลี่ซิวหยวนที่ยังนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม ท่าทางเต็มไปด้วย ความสับสน
‘นี่คือท่าทีที่มีต่ออัจฉริยะกับคนไร ้ค่าเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘จะเกินไปแล้ว ! ’
‘แม้อยู่ส านักชิงหยางมาหลายปี ก่อนหน้านี้ก็ยังมิได้รู ้สึกอะไร’
‘การปฏิบัติเช่นนี้จะมากเกินไปแล้ว ! ’
‘มิเหลือทางลงให้ข้าเลย ! ’
คิดได้เช่นนั้น หลี่ซิวหยวนก็อดมิได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
ก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่เขากลับมาจากด้านหลังเขา
เขาได้วางแผนเอาไว้ว่าหากอาจารย์ปฏิเสธค าขอร ้อง เขาจะขู่ ออกจากส านักชิงหยางซะ
แต่ถือว่ายังโชคดีที่เมื่อครู่เขามิได้เอ่ยออกไป มิเช่นนั้นคงถูกไล่ ออกจริง ๆ ไปแล้ว
…………………………
ขณะเดียวกัน
ณ ส านักชิงหยาง
เวลานี้เย่ฉางชิงยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าแผ่นหินทรงกระบี่ ที่ผุ กร่อนจนเหลือเพียงโครงร่าง
ต้องบอกว่าการรู ้แจ้งในบางสิ่งจากแผ่นหินโบราณแผ่นนี้ เขาเอง ก็รู ้สึกตกตะลึงมิน้อย
ในวินาทีแรกที่หลี่ซิวหยวนพาเขามาถึงด้านหลังเขาแห่งนี้นั้น
เขาก็สัมผัสได้ว่าบนแผ่นหินแผ่นนี้มีไอพลังบางอย่างลอยวนอยู่
จากนั้นเขาก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าแผ่นหิน
ทว่าหลังจากที่เขาลองเพ่งสมาธิเข้าไปยังแผ่นหิน
วินาทีต่อมาเหมือนเขาได้เปิ ดผนึกการถ่ายทอดเคล็ดวิชา บางอย่างเข้าโดยบังเอิญ และแผ่นหินตรงหน้าก็เริ่มแปรปรวนในทันที
บนแผ่นหินที่ดูเก่าแก่แผ่นนี้ มีสัญลักษณ์ทรงดาบโบราณจานวน มากปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแสงสลัวส่องประกาย ออกมาอีกด้วย
ผ่านไปมิกี่อึดใจ
สัญลักษณ์ทรงดาบนับมิถ้วนปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นหิน
ในตอนนั้นเอง ตรงกลางแผ่นหินก็ได้ปรากฏร่างของมนุษย์สีทอง ร่างหนึ่งขึ้นมา
ในมือกุมกระบี่ยาวเล่มหนึ่งเอาไว้นิ่ง ๆ และมิได้มีการเคลื่อนไหว ใด ๆ
แต่มิรู ้เพราะเหตุใดเพียงแค่มนุษย์จิ๋วสีทองถือกระบี่เอาไว้นิ่ง ๆ ก็ ให้รู ้สึกว่ามหามรรคานั้นเรียบง่ายได้อย่างประหลาด
ผ่านไปมิกี่อึดใจ
มนุษย์จิ๋วสีทองนั้นก็เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป
โดยมิได้ถือกระบี่เอานิ่ง ๆ เช่นเมื่อครู่นี้อีกแล้ว แต่ได้มีการออก ท่วงท่ากระบี่ให้ดูอีกด้วย
โดยเริ่มจากท่วงท่ากระบี่พื้นฐานธรรมดา ที่เป็ นไปตามแบบแผน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปท่วงท่ากระบี่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็ นซับซ ้อนขึ้น
ขณะเดียวกันเมื่อท่วงท่ากระบี่เริ่มซับซ ้อนมากขึ้น
มนุษย์จิ๋วสีทองกลับสามารถแยกร่างจากหนึ่งเป็ นสองได้ ทาให้ ตอนนี้มีมนุษย์จิ๋วสีทองเพิ่มขึ้นเป็ นสองร่าง
อีกทั้งท่วงท่าการออกกระบี่ที่มนุษย์จิ๋วสีทองขนาดเล็กสองร่าง แสดงออกมานั้น มิเพียงแต่มีความซับซ ้อนเพิ่มมากขึ้นแล้ว ท่วงท่า กระบี่ก็ยังแตกต่างกันอีกด้วย
จนเมื่อเวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เมื่อท่วงท่าการออกกระบี่มีความ ซับซ ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
มนุษย์จิ๋วสีทองก็ได้แยกร่างเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จนสุดท้ายก็ ได้มีมนุษย์จิ๋วสีทองปรากฎขึ้นนับร ้อย
ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์จิ๋วสีทองขนาดเล็กมากมายเหล่านี้ กลับแสดง ท่วงท่ากระบี่ที่ซับซ ้อนและแตกต่างกันไปอีกด้วย
ภาพที่เห็นจึงน่าตกตะลึงเป็ นอย่างมาก !
จนมิรู ้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด
เมื่อบนแผ่นหินเต็มไปด้วยมนุษย์จิ๋วสีทอง ที่แสดงท่วงท่ากระบี่ที่ แตกต่างกันไป อีกทั้งยังดูซับซ ้อนและมีการเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นภาพอันแปลกประหลาดภาพหนึ่งก็เกิดขึ้น
มนุษย์จิ๋วสีทองนับร ้อยเหล่านั้นได้ผสานร่างเข้าด้วยกัน ก่อนที่ ท่วงท่ากระบี่ก็ดูเหมือนจะเริ่มง่ายขึ้น
จนท้ายที่สุดเมื่อมนุษย์จิ๋วสีทองขนาดเล็กนับมิถ้วนผสานกาย เข้าด้วยกันแล้ว ก็กลายร่างกลายเป็ นมนุษย์สีทองขนาดเล็กที่ถือ กระบี่เอาไว้นิ่ง ๆ อีกครั้ง
ก่อนที่มนุษย์สีทองขนาดเล็กที่ถือกระบี่อยู่จะค่อย ๆ จางหายไป ในอากาศ และแปรเปลี่ยนเป็ นอักษรโบราณคาหนึ่งขึ้นมาแทน
ภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุด !
เมื่อเห็นอักษรโบราณคานี้
เย่ฉางชิงที่ในสมองเต็มไปด้วยภาพมนุษย์สีทองขนาดเล็ก ก็ได้ ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“จากง่ายไปซับซ ้อน จากซับซ ้อนกลับสู่เริ่มต้น แม้ทั้งหมดนี้หาก ดูเผินจะมิได้ความแตกต่างอะไรกันมากนัก แต่ความจริงนั้นกลับ ต่างกันราวฟ้ ากับดิน”
เย่ฉางชิงที่สามารถเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งนี้ได้ จึงพึมพากับ แผ่นหินว่า “ภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุด เป็ นเช่นนี้นี่เอง”
คิดได้เช่นนั้นเย่ฉางชิงก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนอด มิได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
“สมกับเป็ นสานักเซียนลึกลับ ทุกที่ล้วนมีโอกาสและวาสนาอัน ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ! ”