novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 322 ใครช่วยเหลือใครกันแน่

  1. Home
  2. เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]
  3. บทที่ 322 ใครช่วยเหลือใครกันแน่
Prev
Next

บทที่ 322 ใครช่วยเหลือใครกันแน่

ฉู่เหินรู้สึกได้ถึงพลังกดดันที่เกิดขึ้นรอบกาย

เมื่อหันไปมองด้านหลัง เขาก็เห็นว่าผู้พูดคือแม่ทัพตวนตวนจากหน่วยนักรบเมฆานั่นเอง

ร่างกายสูงใหญ่ใส่ชุดเกราะเหล็ก พลังลมปราณแผ่ออกมาหนาแน่น

ชาวเมืองหยุนเมิ่งค่อนข้างให้ความเคารพนายทหารจากหน่วยนักรบเมฆาไม่ต่างจากนักบวชของวิหารเทพกระบี่ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ที่ปราบปรามโจรสลัดซึ่งออกอาละวาดในน่านน้ำของจักรวรรดิเป่ยไห่มายาวนานหลายปี

“ท่านจะพาตัวเขาไปหรือ?” ถังกู่จินกลับมาได้สติอีกครั้งก็แค่นหัวเราะ “เยว่หงเซียง ไป๋ชินหยุนและฮันปู้ฟู่ ทั้งหมดนับเป็นคนใกล้ชิดของหลินเป่ยเฉิน เรายังไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ จึงต้องจับกุมตัวเอาไว้ก่อน เพื่อทำการสืบสวนในภายหลัง”

แม่ทัพตวนตวนขมวดคิ้ว

หลิงจุนเซวียนอดไม่ได้ต้องคำรามออกมาว่า “ท่านไม่ได้ยินหรือไง นักพรตหญิงชินบอกว่าเยว่หงเซียงกับมี่หรู่หยานเป็นเหยื่อที่ถูกมือมืดนำแมลงปีศาจมาปล่อยใส่ตัว ส่วนไป๋ชินหยุนกับฮันปู้ฟู่ได้รับลูกหลงจนเกือบเสียชีวิต แล้วพวกเขาจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร?”

ถังกู่จินตอบกลับน้ำเสียงเย็นชา “ดูเหมือนว่าท่านเจ้าเมืองหลินจะอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้นานมากเกินไปแล้ว สมองคงไม่ได้ใช้งานสักเท่าไหร่ ในเมื่อเยว่หงเซียงถูกมือมืดนำแมลงปิศาจมาปล่อยใส่ตัว นั่นย่อมหมายความว่าคนร้ายต้องเป็นคนใกล้ตัวนางอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าไป๋ชินหยุนกับฮันปู้ฟู่ได้รับลูกหลงจนเกือบเสียชีวิต แล้วตกลงพวกเขาเสียชีวิตหรือไม่? ถ้าไม่เสียชีวิตท่านจะเล่นลูกไม้อันใดอีก?”

หลิงจุนเซวียนกัดฟันกรอดด้วยความเดือดดาล แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร แม่ทัพใหญ่ตวนตวนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “ด้วยความเคารพนะใต้เท้า แต่ฮันปู้ฟู่ต้องมากับพวกเราเท่านั้น เพราะเขามีสถานะเป็นคนของกองทัพแล้ว…”

พูดจบ แม่ทัพร่างใหญ่ก็ล้วงแผ่นป้ายสีทองคำออกมา

ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มอวดดีของถังกู่จินเมื่อเห็นแผ่นป้ายทองคำนั้น รอยยิ้มก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“ตกลง ฮันปู้ฟู่เป็นของพวกท่าน เชิญนำตัวเขาไปได้ตามสบาย”

ถังกู่จินรีบเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างรวดเร็ว

แม่ทัพตวนตวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ยิ้มและพูดว่า “ใต้เท้าถังทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เจ้าของแผ่นป้ายทองคำนี้จะเป็นผู้ที่บอกเองว่า ท่านไม่สามารถแตะต้องสมาชิกครอบครัวตระกูลฮันคนอื่นๆ ได้เด็ดขาด”

ถังกู่จินยังคงยิ้มแย้มด้วยความเป็นมิตร

“เข้าใจแล้ว”

ผู้ตรวจการมณฑลลอบกัดฟันด้วยความเจ็บใจ

แต่หลังจากนั้น เขาก็พูดอ้อมแอ้มออกมาว่า “แต่ข้าคงต้องขอเตือนท่านแม่ทัพสักหน่อย ว่าฮันปู้ฟู่ยังมีสถานะเป็นผู้ต้องสงสัย หากกองทัพรับตัวเขาไป จงคิดถึงผลที่จะตามมาให้ดี”

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใต้เท้าต้องเป็นกังวลหรอก” แม่ทัพตวนตวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เฉินเจี้ยนหนานซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพตวนตวนรีบเดินเข้ามาอุ้มร่างของฮันปู้ฟู่ขึ้นทันที

นักพรตหญิงชินลังเลเล็กน้อยก่อนพยักหน้า

สุดท้าย แม่ทัพตวนตวนและผู้ติดตามก็นำตัวฮันปู้ฟู่จากไป

นักพรตหญิงชินอุ้มร่างเยว่หงเซียงเดินตรงเข้าไปด้านในวิหาร พวกของฉู่เหินลังเลเพียงเล็กน้อยก็อุ้มร่างไป๋ชินหยุนตามไปติดๆ

“พวกเจ้าหยุดให้กับข้าเดี๋ยวนี้…” ถังกู่จินคำรามออกมาด้วยความฉุนเฉียว

แต่เขาเพิ่งจะยกมือขึ้นเท่านั้น คำพูดยังไม่ทันกล่าวจบประโยคด้วยซ้ำ

เคล้ง!

ลำแสงสายหนึ่งสว่างวาบจากข้างกายของนักพรตหญิงชิน แล้วใบมีดเล่มหนึ่งก็พุ่งมาปักอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างเท้าทั้งสองข้างของถังกู่จิน รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากใบมีดนั้นอย่างรุนแรง

ถังกู่จินกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว

เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกแล้ว

ถังกู่จินได้แต่ยืนมองกลุ่ม ‘ผู้ต้องสงสัย’ ถูกพาตัวจากไป

ในเวลาเดียวกันนั้น เงาร่างหลายสายก็ทิ้งตัวกลับลงมาจากกลางอากาศ

“กราบเรียนใต้เท้า หลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีไปได้แล้วขอรับ”

“เราตามหาเขาไม่เจอเลย”

หัวหน้ากลุ่มมือปราบที่ตามล่าหลินเป่ยเฉินคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นและรายงานเสียงเครียด

ว่าอย่างไรนะ?

หลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีไปได้อย่างนั้นหรือ?

ถังกู่จินหันมามองหน้าไป๋ไห่ชินโดยทันที

อีกฝ่ายหนึ่งยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์

ถังกู่จินถึงกับเงียบงันไปอึดใจใหญ่ สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “เราวางกำลังทหารปิดล้อมเอาไว้ทั่วเมืองแล้ว มันไม่มีทางหลบหนีออกไปไหนได้เด็ดขาด…”

“พวกเจ้ารีบออกประกาศเดี๋ยวนี้ว่าผู้ใดที่สามารถจับตัวหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ ข้ามีรางวัลมอบให้หมื่นเหรียญทองคำ หรือใครที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมตัวเด็กคนนั้นได้ ข้าก็จะมีรางวัลมอบให้ 1 พันเหรียญทองคำเช่นกัน ส่วนผู้ใดให้ที่พักพิงหรือมีส่วนช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินในการหลบหนี ให้ถือว่ามีความผิดในฐานสมรู้ร่วมคิดและจะต้องได้รับโทษในฐานะสาวกปีศาจ”

“รับทราบขอรับ”

หัวหน้าหน่วยมือปราบรับคำสั่งเสร็จเรียบร้อยก็กระโดดหายไปอีกครั้ง

หลังจากนั้น ถังกู่จินก็หันมามองหน้าหลิงจุนเซวียน “ท่านเจ้าเมืองหลิง เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าคงรักษามารยาทต่อไปอีกไม่ได้ ข้าขอออกคำสั่งให้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านต้องให้ความร่วมมือในการตามล่าตัวหลินเป่ยเฉิน กรุณาสั่งปิดประตูเมืองหยุนเมิ่งและเปิดการใช้งานค่ายอาคมกักบริเวณเดี๋ยวนี้ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่จากหน่วยมือปราบประจำเมืองและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาทุกคน ก็ต้องมาช่วยเหลือในการตามล่าตัวหลินเป่ยเฉินเช่นกัน”

หลิงจุนเซวียนรับคำในลำคอ “ไม่มีปัญหา”

เขารู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำตัวขัดแย้งกับถังกู่จินอีกต่อไป

ชายผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการมณฑลพูดว่า “ประเสริฐ ถ้าอย่างนั้นข้าขอออกคำสั่งให้ปิดสถานศึกษากระบี่ที่สาม จับกุมตัวคนสนิททุกคนที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน จับกุมตัวญาติพี่น้องทุกคนของเยว่หงเซียง มี่หรู่หยานและไป๋ชินหยุน รวมถึงผู้ใดที่เคยติดต่อกับหลินเป่ยเฉิน ก็ให้นำตัวมาสอบสวนทั้งหมด รวมถึงบรรดาร้านค้าและหอการค้าทั้งหลายที่ทำการซื้อขายโฆษณากับเขาก็ห้ามละเว้นเด็ดขาด!”

“ผู้น้อยรับคำบัญชา”

เจ้าหน้าที่มือปราบอีกกลุ่มหนึ่งรับคำบัญชาแยกตัวเดินออกไป

…

มี่หรู่หยานค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

รู้สึกปวดระบมไปทั่วร่างกาย

รอบตัวมีแต่ความมืดสลัว

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ

“อ๊ะ…ที่นี่ที่ไหนกัน?”

เด็กสาวพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนพื้นดิน เมื่อลุกขึ้นนั่ง ความเจ็บปวดตลอดร่างกายก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ในเวลาเดียวกันนั้น มี่หรู่หยานรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บและนางถึงได้รู้ตัวว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นดูเหมือนจะฉีกขาดไปหมดแล้ว

บัดนี้มีเพียงเสื้อคลุมของมือกระบี่ผู้หนึ่งห่อหุ้มร่างกายกึ่งเปลือยของนางเอาไว้

ความคิดที่น่าหวาดกลัวทำให้มี่หรู่หยานขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

แต่เมื่อลองเลื่อนมือลงไปคลำดูที่ช่วงล่างของร่างกาย มี่หรู่หยานก็ต้องโล่งใจเมื่อพบว่าตรงส่วนนั้นไม่ได้มีร่องรอยฉีกขาดตามที่หวาดกลัว

และความเจ็บปวดที่พบเจอในขณะนี้ น่าจะเป็นผลมาจากการที่ร่างกายมีกระดูกแตกหัก มากกว่าจะเป็นการเจ็บปวดเพราะถูกข่มขืน

“ตื่นแล้วหรือ?”

เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างตัว

นั่นคือเสียงของหลินเป่ยเฉิน เมื่อได้ยินเสียงของเขา มี่หรู่หยานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่รู้ตัว นางรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยขึ้นมาอย่างประหลาด “ที่นี่คือที่ไหนหรือเจ้าคะ? ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เด็กสาวพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวด ใช้สายตาสำรวจมองรอบกาย จึงได้พบว่าบัดนี้ตนเองกำลังอยู่ในกระท่อมหลังเล็กๆ บนพื้นดินเต็มไปด้วยกองฟาง ด้านนอกมีแต่ความเงียบสงบ น่าจะเป็นกระท่อมน้อยที่ตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง

หลินเป่ยเฉินนั่งเอนตัวพิงผนัง ยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง ที่ปากของเขาคาบฟางอยู่เส้นหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำถาม หลินเป่ยเฉินก็ตอบด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่… คุณหนูมี่ เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยหรือ?”

มี่หรู่หยานส่ายหน้า “ข้าจำได้เพียงขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีรับรางวัล แล้วอยู่ดีๆ ทุกอย่างก็เริ่มพร่าเลือน ก่อนจะเกิดความรู้สึกร้อนวูบที่บริเวณหัวใจ ข้าพยายามโคจรพลังลมปราณขับไล่อาการนั้น แล้วข้าก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย…”

หลินเป่ยเฉินหันมาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมี่หรู่หยาน

เขาพยายามจับพิรุธเด็กสาว

แต่โชคร้ายที่เด็กหนุ่มพบว่านางไม่มีพิรุธเลย

นั่นทำให้เรื่องราวทุกอย่างน่าปวดหัวมากขึ้น

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พวกเขาหลบหนีออกมาจากพิธีมอบรางวัลเป็นเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองไม่ควรหลบหนีไปพร้อมกับปีศาจมี่หรู่หยานมากไปกว่านี้

แต่จังหวะที่เขาตั้งใจจะทิ้งนางกลางทาง พลังปีศาจในตัวมี่หรู่หยานพลันสลายหายไป เด็กสาวค่อยๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง นางล้มลงไปนอนสลบอยู่บนพื้นดิน เสื้อผ้าที่สวมใส่ฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี เรือนร่างที่งดงามของนางแทบเปลือยเปล่าประดุจดั่งดอกไม้บริสุทธิ์ที่ปลิดปลิวลงจากกิ่งก้านในฤดูหนาวอันโหดร้าย

หลินเป่ยเฉินพยายามตัดใจทิ้งนางเอาไว้ตรงนั้นหลายครั้ง แต่เมื่อนึกถึงชะตากรรมว่าถ้ามีโจรป่ามาพบเจอมี่หรู่หยานในสภาพเช่นนี้เข้า มี่หรู่หยานก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็น สุดท้ายแล้วเขาจึงต้องพานางหลบหนีมาด้วยและมาซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมน้อยหลังนี้ ซึ่งเป็นกระท่อมของใครก็ไม่ทราบ

เมื่อเห็นว่ามี่หรู่หยานจำอะไรไม่ได้ หลินเป่ยเฉินจึงต้องรับหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นางรับฟัง

หลังจากรับฟังจบลงแล้ว ใบหน้าของมี่หรู่หยานก็ซีดขาวปราศจากสีเลือด

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” เด็กสาวพูดออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

หลินเป่ยเฉินไม่ตอบคำใด

เขาเข้าใจความรู้สึกของมี่หรู่หยาน

การกลายร่างเป็นปีศาจต่อหน้าชาวเมืองจำนวนมาก ถือเป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวอีกแล้ว มิหนำซ้ำ มันยังเป็นความผิดที่ทำให้ครอบครัวของนางต้องเดือดร้อนไปด้วย

แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้พูดคำปลอบโยนออกมา

เพราะเขายังคงไม่แน่ใจว่ามี่หรู่หยานตั้งใจใส่ร้ายเขาจริงๆ หรือไม่?

เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะกลายร่างเป็นปีศาจโดยไม่มีเหตุผล

บางสิ่งบางอย่างบอกหลินเป่ยเฉินว่าในร่างกายของมี่หรู่หยานมีอันตรายซ่อนอยู่ ในเมื่อบัดนี้นางก็ได้สติสามารถดูแลตนเองได้แล้ว เขากับนางก็ควรจะแยกทางกันที่ตรงนี้ดีกว่า

แต่ตอนที่หลินเป่ยเฉินกำลังจะพูดคำบอกลาออกไป เสียงที่คุ้นหูเขาก็ดังขึ้น

“ติ๊ง!”

เป็นเสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือนั่นเอง