เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2677 ตระกูลกัว / ตอนที่ 2678 ชื่อ
ตอนที่ 2677 ตระกูลกัว
หญิงวัยกลางคนอีกคนผลักองครักษ์ที่ยืนขวางทางออกแล้วรีบวิ่งเข้ามา นางดึงตัวลูกหลานตระกูลกัวเหล่านั้นมาดูทีละคน ตามลูกชายของตนเอง “ลูกชายข้าเล่า? ลูกชายข้าอยู่ไหน? ซิ่นเ เจี๋ยของข้าเล่า?” พวกเจ้าเห็นซิ่นเจี๋ยหรือไม่? ซิ่นเจี๋ยอยู่ไหน?”
หญิงวัยกลางคนถามด้วยความร้อนรน นางฉุดกระชากจนทำให้บางคนเจ็บแผลจนส่งเสียงสูดปาก
“ซิ่นเจี๋ยตายแล้ว” ลูกหลานตระกูลกัวคนหนึ่งบอก “เขาตายแล้ว”
หญิงวัยกลางคนได้ยินก็ผงะถอยหลัง เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “ตายแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร! ซิ่นเจี๋ยของข้าเป็นเด็กที่เก่งกาจขนาดนั้น จะตายได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อ!”
“เขาตายแล้ว ตายแล้วจริงๆ” ลูกหลานตระกูลกัวอีกคนเอ่ยเสริม พูดจบ หญิงวัยกลางคนคนนั้นพุ่งตัวเข้ามากระชากคอเสื้อของเขา “ตายแล้ว? ตายแล้วจริงหรือ? ทำไมพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ? ทำไมพวกเจ้าไม่ช่วยเขา? ฮือ…ข้าไม่เชื่อหรอก ไม่เชื่อ…”
นางทุบตีลูกหลานตระกูลกัวคนนั้น ส่งผลให้เขาสูดปากด้วยความเจ็บแผล
“เอาล่ะ! ดึงนางออกไป!” ผู้นำตระกูลกัวขมวดคิ้วออกคำสั่ง จากนั้นเสียงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ไม่เห็นหรือว่าเขามีแผล? ทำอย่างนี้ใช้ได้เสียที่ไหน!”
หญิงวัยกลางคนถูกลากออกไปทั้งที่ยังร้องไห้คร่ำครวญ นางนั่งลงไปกับพื้น ข้างหลังมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งรีบก้าวเข้ามา หลังจากถามแล้วก็ได้ความว่าลูกชายของตนเองก็ตายแล้วเหมือนกัน สีหน้าของเขาซีดเผือดไปทั้งดวง
เพียงแต่ เขาไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญเหมือนหญิงวัยกลางคน เพียงถามว่า “เขาตายอย่างไร?” สายตากวาดมองผ่านร่างของลูกหลานตระกูลกัวพวกนั้น เห็นพวกเขาแต่ละคนล้วนบาดเจ็บสาหัส หัวใจของเ เขาพลันหนักอึ้งจมดิ่งขึ้นมา
“ตอนแรกพวกเราเจอฝูงหมาป่าโจมตีก่อน จากนั้นก็เจออสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัวรวมถึงสัตว์ร้ายอีกหลายสิบตัวรุมโจมตี พวกเราบาดเจ็บอยู่แล้ว ยังต้องมาสู้สุดชีวิตในสถานการณ์อย่างนั้นอีก ก เพราะอย่างนี้ จึงมีคนล้มตายไปหลายคน ส่วนคนที่รอดมาได้ต่างก็มีสภาพบาดเจ็บและเหนื่อยอย่างที่เห็น”
ชายหนุ่มคนที่มีอายุมากกว่าคนอื่นเล่าด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง เขามองผู้นำตระกูลและชายวัยกลางคนคนนั้น ก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่เพียงเท่านี้ ท่านลุงซุนยังถูกหมาป่าอสูรกัดอย่างแรง เข ขาเกือบเสียขาไปข้างหนึ่ง นอกจากนี้ เขายังบาดเจ็บอีกหลายแห่ง ผู้อาวุโสสูงสุดยิ่งแล้วใหญ่ เขาบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีราชาหมาป่าอสูรให้ถอยทัพ อวัยวะภายในเสียหาย บาดแผลภายนอกติ ดเชื้อจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด”
ได้ฟังอย่างนั้น พวกคนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนต่างก็ตะลึงพรึงเพริด ต้องเป็นสถานการณ์ที่โหดร้ายและป่าเถื่อนขนาดไหนถึงได้มีคนบาดเจ็บมากมายขนาดนี้? ต้องโหดร้ายขนาด ไหนถึงได้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดและท่านลุงซุนที่นำกลุ่มมีอันตรายถึงชีวิตอย่างนี้ได้?
“เร็วเข้า! ส่งคนไปรอรับผู้อาวุโสสูงสุดกับคนอื่นๆ ที่หลังเขา” ผู้นำตระกูลตั้งสติได้ก็รีบตะโกนสั่งทันที
ชายวัยกลางคนเงียบกริบ ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “ถูกอสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัวและสัตว์ร้ายหลายสิบตัวรุมโจมตี แล้วพวกเจ้ารอดมาได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มที่อายุมากที่สุดได้ยินคำถามก็พลันสะดุดใจ ลอบทอดถอนใจ ‘สมแล้วที่เป็นคนสำคัญในตระกูล เอ่ยปากก็ถามตรงประเด็นทันที เพียงแต่ แม้พวกเราจะรู้เรื่องดี แต่กลับไม่อาจเอ่ยปากส่ งเดชได้’
เขาจึงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า “เรื่องนี้ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมจะรายงานพวกท่านอย่างละเอียดเอง” เอ่ยจบ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
แต่ชายวัยกลางคนที่ได้ยินคำตอบอย่างนั้นสายตาไหวระริก ไม่ยอมพูด? หรือจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นั่น? ชั่วขณะหนึ่ง เขาครุ่นคิดเงียบๆ กระทั่งคนที่ไปรอรับหลังเขาพยุงคนเจ็บกลับมา ท่ามกลางคนบาดเจ็บ ผู้อาวุโสสูงสุดเองก็ถูกพยุงกลับมาด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนี้ กลับมีคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนอีกสามคน
………………………………….
ตอนที่ 2678 ชื่อ
“ผู้นำตระกูล” ผู้อาวุโสสูงสุดขานเรียก ขณะตั้งใจจะคารวะ ผู้นำตระกูลกัวก็รีบเข้ามาประคองเขาไว้ก่อน
“ผู้อาวุโสสูงสุดบาดเจ็บอยู่ ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” ผู้นำตระกูลกัวว่า มองลูกหลานตระกูลกัวเหล่านี้ที่พยุงกันกลับมา ก่อนเอ่ยว่า “กลับมาก็ดีแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ จั ดการแผลเสียหน่อย!”
ทุกคนรับคำ ก่อนจะประคองกันแยกย้าย เหลือเพียงผู้อาวุโสสูงสุดรวมถึงเฟิ่งจิ่วและสองพี่น้องตระกูลเซี่ย ส่วนหญิงวัยกลางคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญถูกชายวัยกลางคนสั่งบ่าวรับใช้ให้ป ประคองกลับเรือนไปแล้ว เวลานี้ เขาจ้องพวกเฟิ่งจิ่ว ก่อนถามว่า “ไม่ทราบว่าพวกเจ้าคือ?”
“แค่กๆๆ!” ผู้อาวุโสสูงสุดกระแอมไอขึ้นมา
ผู้นำตระกูลกัวที่อยู่ข้างๆ เห็นเขาไอก็เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด กลับเรือนไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะให้คนไปดูอาการท่าน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“ดี” ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้า ก่อนกล่าวกับผู้นำตระกูลว่า “ผู้นำตระกูลโปรดต้อนรับสามท่านนี้อย่างดีด้วย”
ผู้นำตระกูลกัวสะดุดใจเล็กน้อย เขาหันไปมองพวกเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปตอบคำผู้อาวุโสสูงสุด “ผู้อาวุโสสูงสุดวางใจได้”
ผู้อาวุโสสูงสุดหันไปพยักหน้าให้พวกเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะปล่อยให้องครักษ์สองคนประคองกลับเรือน
กัวซิ่นหนิงยืนอยู่ด้านหนึ่ง พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้าพาพวกเขาไปพักก่อนก็แล้วกัน!”
“ได้ ไปเถอะ!” ผู้นำตระกูลกัวรับคำ หันไปมองเฟิ่งจิ่วรวมถึงสองพี่น้องตระกูลเซี่ย ยิ้มเอ่ยว่า “ทั้งสามเชิญพักที่จวนของข้าก่อนชั่วคราว พักผ่อนให้เต็มที่ หากต้องการอะไรสั่งบ่าว วรับใช้ได้เลย”
“ขอบคุณผู้นำตระกูล” ทั้งสามรับคำ จากนั้นก็ตามกัวซิ่นหนิงออกไป
ชายวัยกลางคนคนเดิมอดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาก้าวเข้าไป เอ่ยว่า “ผู้นำตระกูล สามนี้เป็นใครควรถามให้ชัดเจน เหตุใดจึงปล่อยให้พวกเขาไปแล้วเล่า?”
ผู้นำตระกูลกัวมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดก็บอกแล้วต้องต้อนรับพวกเขาให้ดี นั่นย่อมต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร รอให้ผู้อาวุโสสูงสุดกับ อาวุโสซุนพักผ่อนก่อนแล้วค่อยคุยกันอย่างละเอียดก็แล้วกัน!”
ชายวัยกลางคนกำหมัด สุดท้ายก็พยักหน้า ก่อนจะหันตัวเดินออกไป
ผู้นำตระกูลกัวมองเขา ลอบทอดถอนใจเงียบๆ ใครเล่าจะคาดคิด การออกเดินทางครั้งนี้จะทำให้สูญเสียลูกหลานตระกูลกัวไปหลายคนอย่างนี้? เพียงแต่ สรรพสิ่งไม่จีรังยั่งยืน โลกภายนอกโหดร้าย เส้นทางแห่งเซียนเดิมก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว ใครจะบอกได้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก?
กัวซิ่นหนิงพาพวกเขาสามคนมาที่เรือนหลังหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “พวกเจ้าพักที่เรือนนี้ก่อนก็แล้วกัน! ที่นี่มีห้องหลายห้อง พวกเจ้าอยู่ด้วยกันก็ดูแลกันเอง หากมีอะไรอีกก็สั่ งบ่าวรับใช้ได้ ข้าค่อยมาหาพวกเจ้าตอนหัวค่ำ”
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำ พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นเขาหันตัวเดินออกไป
เซี่ยซือซือผลักประตูเข้าไปดูห้องหับเหล่านั้น ก่อนถามว่า “เสี่ยวจิ่ว พวกเราจะพักที่นี่หรือ? พวกเราจะอยู่นานเท่าไร?”
เฟิ่งจิ่วหันไปมองเซี่ยอวี้ถัง “เจ้าไปสืบข่าวมาหน่อย ที่นี่อยู่ห่างจากบ้านของพวกเจ้าไกลขนาดไหน อีกอย่าง สั่งให้คนเตรียมน้ำร้อนให้ข้าด้วย ข้าจะอาบน้ำ”
“ได้” เซี่ยอวี้ถังรับคำ เขาหันไปกำชับน้องสาวเขาประโยคหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากเรือนไป
เพราะเฟิ่งจิ่วคอยปกป้องพวกเขาตลอดการเส้นทาง กอปรกับสัตว์คู่พันธสัญญาของเขาก็เป็นเฟิ่งจิ่วที่ช่วยผูกให้ ฉะนั้นสำหรับเขา ตำแหน่งของเฟิ่งจิ่วในใจของเขาได้เปลี่ยนไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้พอถูกเขาสั่งจึงไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว
“เจ้าตัวน้อย มานี่” เฟิ่งจิ่วนั่งลงข้างโต๊ะหินในลานสวน ก่อนจะกวักมือเรียกหมาป่าสีเงินที่กำลังวิ่งเล่นไปทั่ว
“นายท่าน ท่านยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ข้าเลย” หมาป่าสีเงินกระโดดโลดเต้น มองเธออย่างประจบเอาใจ