เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 504 เปลวเพลิงล้นฟ้า
ตอนที่ 504 เปลวเพลิงล้นฟ้า
……………………………………………………………………..
เมื่อกระบี่เซียนพากระเรียนกระดาษน้อยจากไป มังกรเฒ่าซึ่งอมยิ้มมาตลอดเก็บสีหน้าทันที เขาหันกลับไปมองตรงจวนบาดาล แม้บอกว่าจะมอบหมายงาน แต่ความจริงธิดามังกรกับบุตรมังกรล้วนอยู่จวนบาดาลใต้เกาะเล็กบางแห่งของทะเลตะวันออก พวกเขาอยู่กับเจ้าแม่มังกร มีแค่มังกรเฒ่าอยู่ที่นี่ลำพัง
“เฮ้อ…”
มังกรเฒ่าถอนหายใจ มองยักษ์ตนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง ฝ่ายหลังเห็นมังกรเฒ่ากวาดสายตามา เขารีบเดินเข้าไปคารวะ
“ประมุขมังกรมีเรื่องใดกำชับหรือ”
“อืม เมื่อครู่จี้หยวนใช้กระบี่เซียนส่งสารมา มีเรื่องด่วนเชิญข้าไป ข้าต้องไปข้างนอก บางทีอาจไม่ได้กลับมาในเวลาอันสั้น บอกพวกรั่วหลีกับเฟิงเอ๋อร์ว่าไม่ต้องรีบตามหาข้า”
“ขอรับ!”
ยักษ์รับคำสั่งแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าว
“ประมุขมังกร หากอ๋องอิงกับเทพีแม่น้ำถามว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่… ข้าเกรงว่าอ๋องอิงกับเทพีแม่น้ำจะคิดมาก ห่วงความปลอดภัยของท่านกับท่านจี้”
มังกรเฒ่ามองมันเล็กน้อย เข้าใจว่าเขาอยากรู้แน่ชัดว่าการเดินทางนี้มีอันตรายหรือไม่ คิดแล้วรู้สึกว่าควรตอบส่วนหนึ่ง
“ไม่มีเรื่องอันตรายอะไร จี้หยวนต้องการหลอมสมบัติวิเศษร้ายกาจชิ้นหนึ่ง แต่ขาดคนช่วย ข้าจะไปช่วยหนุนเขาอีกแรง”
ยักษ์ตนนี้คือผู้ช่วยจี้หยวนจับปลาเมื่อตอนนั้น ปัจจุบันเป็นหนึ่งในหัวหน้ายักษ์แล้ว เฉียบแหลมอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินมังกรเฒ่ากล่าวเช่นนี้ เขาค่อยสบายใจพลางพูดเสริม
“ประมุขมังกรต้องการให้เตรียมอะไรหรือไม่”
“ไม่จำเป็น ข้าจะไปแล้ว ไปเร็วหน่อยย่อมได้เห็นวิธีการหลอมอาวุธของจี้หยวนเร็วขึ้น”
หลังจากประมุขมังกรพูดประโยคนี้ ยักษ์รู้สึกเพียงว่าโดยรอบปราณมังกรพวยพุ่ง กระแสน้ำกลางจวนบาดาลกระเพื่อมไม่หยุด เมื่อได้สติกลับมาเงาร่างประมุขมังกรตรงหน้าหายไปแล้ว
บนแม่น้ำเทียมฟ้า
ผิวน้ำระเบิดเป็นละอองดังปึง คลื่นยักษ์เปี่ยมอานุภาพมากมายพลิกผิวน้ำสองด้าน สุดท้ายกลายเป็นคลื่นเล็กกระทบฝั่ง บนฟ้าสูงมายามังกรสายหนึ่งลอยขึ้นฟ้า
เห็นเพียงมังกรชือมหึมายาวนับร้อยจั้งตัวหนึ่งคุมวาโยอสนีท่องเหิน ทุกหนแห่งที่เคลื่อนผ่านพยับเมฆหนาแน่นฟ้าคำราม กระทั่งมังกรชือลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ลักษณ์ประหลาดตรงชั้นเมฆเบื้องล่างเริ่มบรรเทาลง
“โฮก…”
เสียงมังกรคำรามสะท้านเก้าชั้นฟ้า ถึงขั้นสะเทือนจนมรสุมบนนภาสูงแตกสลาย
…
เขาเก้ายอด ห้องรับแขกสวนหมอกเมฆบนยอดเขาเซียนมาเยือน ต่อให้ข้างนอกมีผนึกป้องกันแน่นหนา ผ่านไปสิบกว่าวันยังปรากฏลักษณ์ประหลาดมากมาย
ช่วงนี้เมฆหมอกรอบสวนหมอกเมฆยิ่งเหมือนแสงอรุณหรือแสงสายัณห์ตลอด ทุกอย่างถูกแสงเพลิงสะท้อนจนแดงฉาน แน่นอนว่าแสงเพลิงนี้มาจากห้องรับแขก แค่ภาพมายากลับทำให้ที่นี่เกิดแสงเพลิงปรวนแปรไม่หยุด
แม้แต่ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนที่คุ้มกันยังต้องถอยไปเฝ้านอกสวนหมอกเมฆ บ้างถึงขั้นเหยียบเมฆลอยกลางอากาศ
บางครั้งใช่ว่าอยากคุมจิตวิญญาณกับประคองสติแล้วสามารถทำได้จริง ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนเข้าใจลึกซึ้งว่าอะไรคือจิตตามมรรคไม่อาจควบคุม
ขอเพียงอยู่ในผนึก แค่ใกล้ห้องรับรองนั้น มรรคซ่อนเร้นหมุนวนทั่วเขตแดนนั่นย่อมส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างสุดซึ้ง มรรควิถีไม่พอย่อมยืนไม่อยู่ ถึงขั้นอาจรู้สึกเหมือนโดนแผดเผา
ตอนนี้ฉางอี้กับผู้อาวุโสอีกคนยืนบนหมอกเมฆกลางอากาศ มองแสงธรรมคลุมเครือกลางสวนหมอกเมฆ ก่อนทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
“ผู้สูงส่งหยั่งรู้นัยเร้นลับมรรคอัศจรรย์ คนทั่วไปเห็นย่อมเกิดภาพหลอนสติหลุด… เฮ้อ พลังปราณตื้นเขินนัก!”
ได้ยินศิษย์พี่ร่วมสำนักทอดถอนใจเช่นนี้ ฉางอี้เองเข้าใจความรู้สึก
“บรรพจารย์เจ้าสำนักเคยพูดว่ารุ่นอาจารย์ลุงจู้ อาจารย์ลุงจู้มีหวังก้าวสู่ระดับอัศจรรย์ กลายเป็นผู้ฝึกเซียนสูงส่งมากที่สุด ท่านจี้มีโอกาสสูงว่าเป็นผู้สูงส่งเซียนแท้ ได้ยินว่าขอทานชราแซ่หลู่ ทั้งแต่งตัวเช่นนี้ มีโอกาสสูงว่าเป็นผู้ออกจากสำนักฟ้าดั้งเดิม สหายยุทธ์จูจากเขาล้อมหยกก็ร้ายกาจ…พวกเขาสี่คนปิดด่านฝึกปราณพร้อมกัน ผู้ฝึกปราณทั่วไปเห็นลักษณ์ประหลาด ควบคุมจิตใจได้อย่างไรเล่า!”
ฉางอี้กับศิษย์พี่ร่วมสำนักมองสวนหมอกเมฆ จากนั้นค่อยกวาดสายตาขึ้นข้างบนช้าๆ ท่ามกลางภาพมายาเห็นว่ามีเปลวเพลิงสีเทาแดงลุกโชนทั่วฟ้า
“เกรงว่าผนึกของพวกเราคงควบคุมลักษณ์ประหลาดไม่อยู่แล้ว”
“ใช่ สวนหมอกเมฆกลายเป็นสวนหมอกเมฆเข้าจริงแล้ว”
ทั้งสองคนกับผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนคนอื่นไม่ดิ้นรนนานแล้ว คิดปกปิดลักษณ์ประหลาดที่นี่ เว้นระยะห่างปลอดภัย ดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว เรื่องที่เหลือต้องปล่อยไปตามยถากรรม
บนยอดเขาเซียนมาเยือน ผู้ฝึกปราณรับแขกแห่งเขาเก้ายอดล้วนบำเพ็ญอยู่บนยอดเขา
ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณหลายห้องเหาะเหินออกมากลางอากาศ พวกเขาเพิ่งเห็นลักษณ์ประหลาดทะเลเพลิงระหว่างฝึกปราณ
“เกิดอะไรขึ้น”
“พวกเจ้ารู้สึกเหมือนกันใช่หรือไม่”
“ใช่ ไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไร”
“หรือว่ามีมารภายนอกแปลงกาย ลอบเข้าถ้ำสวรรค์เก้ายอด คิดหาโอกาสทำให้พวกเราธาตุไฟเข้าแทรก”
“ไม่มีทาง! ไม่พูดถึงว่ามารภายนอกไม่มีความสามารถเข้าถ้ำสวรรค์ภูเขาเซียน ต่อให้เข้ามาได้ ตอนนี้ยอดเขาเซียนมาเยือนผู้สูงส่งนับไม่ถ้วน กล้าบุ่มบ่ามมาที่นี่คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วกระมัง”
ยามวิพากษ์วิจารณ์ ทอดมองเชิงเขารอบทิศ พวกเขาเห็นแสงธรรมมากมายพุ่งออกมา บ้างเหยียบเมฆ บ้างควบคุมลม บ้างเหยียบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เห็นชัดว่าบรรดาผู้ฝึกปราณต่างถิ่นซึ่งมาร่วมงานชุมนุม ผู้มีสัญชาตญาณฉับไวไม่น้อยถูกทำให้ตกใจ ออกมาตรวจสอบสถานการณ์
มีแสงเคลื่อนสายหนึ่งลอยมาตรงยอดเขาเซียนมาเยือน กลายเป็นหญิงสาวชุดขาวคนหนึ่ง คารวะผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอด
“สหายยุทธ์เขาเก้ายอดทุกท่าน ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรหรือไม่ เกิดจากค่ายกลเขาเก้ายอดหรือไม่”
ผู้ฝึกปราณรับแขกแห่งเขาเก้ายอดคารวะตอบ ก่อนกล่าวตอบตามความเป็นจริง
“ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะค่ายกลเขาเก้ายอด พวกเรายังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด กำลังตรวจสอบ”
ตอนนี้ในห้องรับแขกสวนหมอกเมฆ สองมือจูหยวนจื่อราวภาพมายา แยกพลังห้าธาตุจากวัตถุวิญญาณธาตุทองไม่หยุด ราวกับเปลี่ยนที่นี่เป็นค่ายกลวิญญาณทอง
มีพลังวิญญาณทองแทรกซึมเข้าเส้นไหมซึ่งถูกคุ้มกันแน่นหนาอย่างต่อเนื่อง อักษรบัญชาบนเส้นไหมล้วนเปล่งแสงออกมา ดูดซับพลังวิญญาณทองโดยรอบ ขณะเดียวกันยังต้านทานกำลังไฟด้วย
“ท่านจี้ เพิ่มระดับกำลังไฟอีกหน่อย เปลี่ยนที่นี่เป็นเตาโอสถเชื่อมสะพานทองของท่าน หลอมไหมทองเหมือนหลอมโอสถ นอกจากเพลิงหยินหยางกับธาตุทอง ข้าไม่อยากให้ที่นี่มีพลังห้าธาตุอื่น ใช้เพลิงเตาโอสถกดดันวิญญาณทองจนยอมประสาน!”
จี้หยวนเลิกคิ้ว สามคนนี้ล้วนเป็นผู้ร้ายกาจ เขายกระดับกำลังเพลิงสมาธิหลายครั้งแล้ว หากเปลี่ยนเป็นสถานการณ์ปกติ ตัวเขาคงรู้สึกว่าอันตรายแล้ว แต่จูหยวนจื่อยังบอกว่าไม่พอ
เพียงแต่มีสามคนนี้อยู่กลับเพิ่มความกล้าและยกระดับความกล้าได้กล้าเสี่ยงของจี้หยวน ใช่ว่าเขาควบคุมเพลิงสมาธิไม่ได้ ต่อให้คลาดเคลื่อนบ้างก็มีอีกสามคนคอยช่วย
“ได้ ท่านทั้งสามคอยเฝ้าสามด่าน เมื่อวิวัฒน์เตาโอสถที่นี่ ถ้าคนหนึ่งไม่ไหว เพลิงสมาธิอาจเผาพวกเรา!”
“ท่านจี้โปรดวางใจ!”
“ท่านแค่ลงมือก็พอ!”
“ลงมือเถอะ!”
ทั้งสามคนล้วนมั่นใจในพลังปราณของตน ใช่ว่าตอนนี้จี้หยวนใช้เพลิงสมาธิมาโจมตีพวกเขา อีกทั้งยังคอยควบคุมเพลิงอยู่ สี่คนร่วมแรง แม้ว่าเพลิงสมาธิร้ายกาจ แต่คงพลิกฟ้าไม่ได้
สถานการณ์เช่นนี้ทำเพื่อหลอมสมบัติวิเศษ ใครต่างไม่ยอมแพ้โดยไร้เหตุผล จี้หยวนก็เช่นกัน
ครู่ต่อมาเขตแดนภูผาธาราเหมือนจริงปรากฏ ในสายตาจี้หยวนกับอีกสามคนไม่ได้อยู่กลางห้องรับแขกสวนหมอกเมฆแล้ว หากแต่นั่งล้อมกันอยู่บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง
โดยรอบมีเขาเขียวต้นไม้ขจี มีบ่อบึงกระแสธาร มีสุริยันจันทราดารา ถึงขั้นมีเมฆมงคลสีเหลืองล้อมรอบ สิ่งสะดุุดตาที่สุดคือเตาโอสถมหึมาตรงหน้า บนนั้นมีดาราอักษรวิญญาณแผ่ทั่ว ทั้งมีแสงอัศจรรย์นานัปการส่องประกาย
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ต่อให้พวกขอทานชราเตรียมใจมาก่อนก็เผลอแบ่งสมาธิอย่างอดไม่ได้
“สหายยุทธ์ทุกท่าน ตอนนี้แหละ!”
เสียงแผ่วเบาของจี้หยวนดังขึ้น สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ฝาครอบเตาโอสถซึ่งต่างจากภาพเสมือนจริงตรงหน้าลอยขึ้นช้าๆ
ฮูม…
ตูม…
ความร้อนล้นฟ้าพวยพุ่ง เปลวเพลิงออกจากเตาโอสถ ใบหน้าทั้งสี่คนถูกสะท้อนเป็นสีเทาแดง รวมถึงจี้หยวนด้วย
“ทุกท่านช่วยข้าด้วย!”
จูหยวนจื่อตะโกนลั่น ในมือแสงธรรมเจิดจ้า คนอื่นลงมือช่วยเหลือทันที ส่วนเส้นไหมซึ่งกลายเป็นสีทองและปราณธาตุทองที่วนเวียนโดยรอบกลับวนอยู่เหนือเตาโอสถ ไม่กล้าทิ้งตัวลงทะเลเพลิง แค่อยู่บนฟ้าใช้กำลังไฟหลอม
ตอนนี้บนโลกภายนอก ยอดเขาเซียนมาเยือน แสงเคลื่อนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา แม้แต่ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนยังอยู่ที่นี่ ด้วยภูเขาแห่งนี้อยู่ไม่ได้แล้ว
บนยอดเขาหลักศูนย์กลางเขาเก้ายอด แสงหลายสายลอยเด่น เหาะเหินมาทางยอดเขาเซียนมาเยือนอย่างรวดเร็ว
“ที่นี่คือมรรคสถานเขาเก้ายอดของพวกเรา สหายยุทธ์จากที่ใดสำแดงวิชาที่นี่”
ในสายตาเหล่าผู้สูงส่งแห่งเขาเก้ายอด ยอดเขาเซียนมาเยือนทั้งลูกอยู่กลางเปลวไฟโหมกระหน่ำ ทั้งเห็นเตาโอสถมหึมาปกคลุมยอดเขารางๆ เปลวเพลิงเป็นสีเทาแดง วูบไหวไม่ลุกโชน แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ทั้งไม่ใช่เพลิงแท้จริง แต่กลับทำให้คนเห็นเหตุการณ์ร้อนใจ ยากเข้าใกล้
แน่นอนว่าผู้สูงส่งที่มางานชุมนุมเซียนพเนจรมีไม่น้อย ตอนนี้ผู้ฝึกเซียนพลังปราณไม่ธรรมดามรรควิถีไม่ตื้นเขินหลายคนเพ่งตาทิพย์ตรวจสอบอยู่นอกยอดเขาเซียนมาเยือน
ภายในนั้นมีหญิงสาวถือแส้หางม้าคนหนึ่ง นางผมยาวถึงเอว จอนผมซ้ายขวาพันเชือกมัดผมสีแดง ปล่อยผมถึงข้างฝ่าเท้า หากจี้หยวนกับผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกเห็นใบหน้ากับการแต่งกายงามผุดผ่องนี้ พวกเขาย่อมจำได้ว่าคือผู้ฝึกปราณหญิงแห่งสำนักยรรยงที่เคยมีวาสนาพบกัน
“บรรพจารย์ ท่านทราบว่าเกิดปัญหาตรงไหนหรือไม่ ดูท่าว่าคนของเขาเก้ายอดคงไม่ทราบ!”
ด้านข้างมีคนรุ่นเยาว์เอ่ยถามผู้ฝึกปราณหญิงคนนี้ หวังว่าจะทราบข้อมูลจากบรรพจารย์บ้าง
หญิงสาวมองคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ด้านข้าง พบว่ามีบางคนถึงขั้นตื่นตระหนกอยู่บ้าง นางหลับตาเล็กน้อย จากนั้นค่อยลืมตา ยื่นมือชี้สวนหมอกเมฆริมยอดเขาเซียนมาเยือน
“ตรงนั้นมีผู้สูงส่งสำแดงวิชา ทั้งมีร่องรอยผนึก แต่ผนึกถูกทำลายแล้ว ไม่เป็นไร… เตาโอสถใหญ่นัก…”