เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 141 ซูเย่ vs หลี่เคอหมิง
บทที่ 141 ซูเย่ vs หลี่เคอหมิง
เช้าวันรุ่งขึ้น
ว่านเฉิงหยางและหลิวชิงเฟิง สองปรมาจารย์แพทย์แผนจีนปรากฏตัวที่สมาคมแพทย์แผนจีนมณฑลฉี
ทันทีที่รู้ว่าเกิดเรื่องกับท่านฮัว เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ทั้งสองคนวางทุกอย่างที่ทำอยู่และรีบรุดหน้ามา พวกเขาถึงตั้งแต่เมื่อวาน พอรู้ว่าไม่เป็นไรแล้วถึงโล่งอก ไม่ไปรบกวนฮัวเห รินเชิง
เวลานั้นท่านฮัวพาซูเย่และหลี่เคอหมิงมารออยู่แล้ว
“ตาฮัว นายเป็นยังไงบ้าง”
ทันทีที่มาถึงสวนด้านหลังสมาคมแพทย์แผนจีนและได้เจอท่านฮัว ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนทั้งสองคนก็รีบเดินเข้ามาหาท่านฮัว แต่ละคนจับมือท่านฮัวคนละข้างโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มตรวจ จชีพจรให้ท่านฮัว
“ไม่เป็นไร ยังมีชีวิตต่อไปได้” ท่านฮัวยิ้มรับ
ในบรรดาสิบปรมาจารย์แพทย์แผนจีน ว่านชิงหยางและหลิวชิงเฟิงสนิทกับเขาที่สุด นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตอนเขารับซูเย่เป็นศิษย์ ว่านเฉิงหยางและหลิวชิงเฟิงอยู่ด้วยทั้งคู่
“ร่างกายอ่อนแอมาก”
หลังตรวจชีพจร ว่านเฉิงหยางขมวดคิ้วพลางกล่าว “ครั้งนี้พิษที่นายโดนแรงไม่เบาเลยนะ ทำลายชี่จีของนายได้ขนาดนี้ ดีที่พิษไปไม่ถึงหยวนหยาง แต่ก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีจึงจะฟื้น คืนชี่จีกลับมาได้”
“นายโดนพิษอะไร?”
หลิวชิงเฟิงพยักหน้า และถามอย่างห่วงใย “พิษธรรมดาไม่อาจทำลายชี่จีได้ถึงเพียงนี้ แต่หากเป็นพิษร้ายแรงถึงแก่ชีวิต อวัยวะภายในและหยวนหยางของนายกลับไม่ได้รับความเสียหายเลยสักนิด ผิ ดปกตินะนี่”
“เหอะ ๆ”
ท่านฮัวหัวเราะ หันมองซูเย่และเอ่ยขึ้น “น่าจะเป็นพวกยาพิษเคมี ดีที่ลูกศิษย์ของฉันช่วยได้ทันเวลา ช่วยขับสารพิษทั้งหมดออกจากร่างฉัน”
เมื่อได้ฟัง
ว่านเฉิงหยางและหลิวชิงเฟิงหันมองซูเย่พร้อมกันด้วยสีหน้าตะลึงระคนปลื้มใจ
“ไม่เลว ๆ”
ว่านเฉิงหยางยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะมองเขาและพูดขึ้น “ศิษย์หลานของฉันคนนี้มีความสามารถแข็งแกร่งมาก ที่ช่วยอาจารย์นายถอนพิษครั้งนี้ใช้วิชาอาคมใช่ไหม?”
“ถือว่าใช่ครับ” ซูเย่พยักหน้า
“แบบนี้นี่เอง”
คิ้วที่ขมวดเป็นปมในตอนแรกของหลิวชิงเฟิงคลายออกในบัดดล
เขาคิดไม่ตกว่ามีวิธีอะไรที่ขับพิษร้ายแรงออกจากร่างกายได้ แต่ไม่ทำลายหยวนหยางและอวัยวะภายใน
หากเป็นวิชาอาคม ทุกอย่างก็เข้าใจได้
ยังไงซะ
ความมหัศจรรย์ของวิชาอาคมทำความเข้าใจได้ยากจริง ๆ
“เจอตัวคนวางยาพิษรึยัง”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนทั้งสองถามอย่างเป็นห่วง
“ยัง ตำรวจกำลังสืบกันอยู่ เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องฉันเถอะ”
ท่านฮัวพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่เชิญพวกนายมาครั้งนี้เพื่อให้พวกนายช่วยเป็นพยานให้กับฝีมือแพทย์ของศิษย์ผู้ไม่เอาไหนของฉันสองคน”
“หืม?”
ว่านเฉิงหยางและหลิวชิงเฟิงผงะไปพร้อมกัน
ทั้งสองมองท่านฮัวด้วยสีหน้าฉงน ก่อนจะกวาดสายตาผ่านซูเย่และหลี่เคอหมิง
“ฝีมือแพทย์ของลูกศิษย์นายสองคนนี้ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราเป็นพยานหรอกมั้ง”
ว่านเฉิงหยางกล่าว ข้ามคำว่าไม่เอาไหนไป บอกว่าไม่เอาไหนมันใช่เหรอ?
“พวกนายเพิ่งจับชีพจรให้ฉัน พวกนายคิดว่าสถานการณ์ของฉันตอนนี้จะไปเข้าร่วมการประลองในวันมะรืนไหวเหรอ”
ท่านฮัวยิ้มเฝื่อน ๆ
เมื่อได้ฟัง ว่านเฉิงหยางและหลิวชิงเฟิงชะงักไปและเข้าใจทันที
เวลานั้น ประธานสู่แห่งสมาคมแพทย์แผนจีนมณฑลก็มาถึง
“สวัสดีครับปรมาจารย์แพทย์แผนจีนทั้งสามท่าน”
ประธานสู่ยิ้มน้อย ๆ และเอ่ยขึ้น “ได้พบปรมาจารย์แพทย์แผนจีนถึงสามท่านในคราเดียว เป็นบุญของผมจริง ๆ”
ทั้งสามคนหัวเราะพร้อมกัน
แม้ว่าประธานสู่จะไม่ใช่ปรมาจารย์แพทย์แผนจีน แต่ก็เป็นถึงประธานสมาคม ปกติสนิทกับปรมาจารย์แพทย์แผนจีนทั้งหลายมาก เจอกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
“ตาฮัว นายแน่ใจเหรอว่าจะให้พวกเขาประลองแทนนาย”
ว่านเฉิงหยางขมวดคิ้วพลางถาม
“ที่จริงนายไม่ต้องเข้าประลองก็ได้ หรือเลื่อนการประลองไปอีกครึ่งปี”
หลิวชิงเฟิงกล่อม “เราเชิญแพทย์แผนจีนพื้นบ้านมาเจอกันหน่อยไหม? ให้พวกเขาช่วยตรวจร่างกายของนายด้วย”
“ไม่ต้องหรอก”
ท่านฮัวยิ้มและส่ายหัวพร้อมกล่าว “ในเมื่อรับคำท้าแล้วก็ต้องมีสัจจะ หากไม่ใช่ว่าร่างกายนี้แบกรับไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันต้องลุยด้วยตัวเองแน่นอน”
“ถึงลูกศิษย์สองคนของนายจะมีฝีมือไม่เลว แต่ถ้าเทียบกับนาย…..”
ความหมายของหลิวชิงเฟิงชัดเจนมาก
“ฉันยอมให้หนึ่งในพวกเขาออกศึกแทนฉัน ย่อมเป็นเพราะฉันเชื่อใจพวกเขา” ท่านฮัวเอ่ย
อีกด้าน
ประธานสู่ก็อึ้งมากเช่นกัน
เมื่อวานเขาได้รับสายจากท่านฮัว ขอให้ช่วยเตรียมคนไข้สองคน เดิมคิดว่าเพื่อการอื่น ไม่คิดว่าจะเป็นสาเหตุนี้
“ฝากด้วยนะประธานสู่”
ท่านฮัวหันมองประธานสู่
“วางใจได้ครับ ทำตามที่คุณบอกมาเมื่อวานเรียบร้อย”
ประธานสู่พยักหน้าและบอก ก่อนจะเหลือบมองซูเย่อย่างไม่ตั้งใจ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนเจ้าเด็กคนนี้กลายเป็นหมอรู้แจ้งใต้จมูกเขา นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไหร่เอง จะออกศึกแทนปรมาจารย์แพทย์แผนจีนระดับประเทศแล้ว!
“ไปกันเถอะ” ท่านฮัวพยักหน้า โบกมือพร้อมกล่าว
ประธานสู่เดินนำอยู่ด้านหน้า
คนอื่น ๆ ตามมาติด ๆ คนทั้งหมดมาถึงสนามสอบขนาดใหญ่ในสมาคมแพทย์แผนจีนมณฑลอย่างรวดเร็ว
เดิมทีที่แห่งนี้ใช้แผ่นกั้นเคลื่อนที่คั่นเป็นห้องผู้ป่วยขนาดเล็กมากมาย แต่เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีการสอบ แผ่นกั้นเคลื่อนที่ทั้งหมดจึงถูกเก็บไป จนสนามสอบดูกว้างขวางเป็นพิเศษ
คล้อยตามหลังทุกคนเข้ามา
เจ้าหน้าที่ในสนามสอบหันหลังออกไป
ตรงกลางสนามสอบ
มีเตียงสำหรับฝังเข็มและนวดสองเตียง
เวลานั้น คนไข้สองคนที่ประธานสู่หามานอนอยู่บนเตียงแล้ว
“สองคนนี้คือผู้ป่วยที่ประธานสู่ตั้งใจหามา”
ท่านฮัวบอกกับซูเย่และหลี่เคอหมิง “สิ่งที่พวกเธอต้องทำคือใช้วิธีที่ฉันสอนในการรักษา”
เมื่อได้ฟัง หลิวชิงเฟิงและว่านเฉิงหยางสบตากันอึ้ง ๆ ก่อนจะถาม “ตาฮัว นายสอนไปหมดแล้วเหรอ”
“เฉียดประตูนรกมาแล้ว จะต้องกั๊กอะไรอีก”
ท่านฮัวพยักหน้าพร้อมกล่าว “สิ่งที่ต้องสอนก็สอนไปหมดแล้ว จะให้นำติดตัวไปใต้ดินด้วยคงไม่ได้หรอก”
“คุ้มค่าแล้ว”
ว่านเฉิงหยางยิ้มและพยักหน้า
สายตากวาดผ่านซูเย่เป็นครั้งคราว
ได้ศิษย์ดีมาสอน ถือเป็นหนึ่งในเรื่องโชคดี!
“มาสิศิษย์น้อง”
หลี่เคอหมิงมองซูเย่ ยิ้มและพูดด้วยความสะท้อนใจ “ไม่คิดเลยนะ หนึ่งปีก่อนฉันยังสอนนายฝังเข็มอยู่เลย หนึ่งปีต่อมาเราสองคนได้ประลองกันในสนามสอบเดียวกันเสียแล้ว”
“อาจารย์หลี่”
ซูเย่ประสานมือเรียกหลี่เคอหมิง ก่อนจะยิ้มเบา ๆ “ศิษย์พี่ ศิษย์น้องต้องแสดงความด้อยให้เชยชมซะแล้ว”
“ยิ่งนายเก่งเท่าไหร่ฉันยิ่งดีใจ” หลี่เคอหมิงพยักหน้ายิ้ม ๆ
“เริ่มได้” ท่านฮัวออกคำสั่งด้วยรอยยิ้ม
ซูเย่และหลี่เคอหมิงหยิบถุงเข็มเงินที่สมาคมแพทย์แผนจีนเตรียมไว้ก่อนหน้าขึ้นมาพาดบ่าพร้อมกัน ก่อนจะต่างคนต่างเดินไปหาคนไข้
เมื่อตรวจดูอาการของคนไข้ได้นิดหน่อย ทั้งสองก็ตรวจชีพจรให้คนไข้พร้อมกัน
หลังจากตรวจด้วยขั้นตอนทั้งสี่เสร็จ หลี่เคอหมิงก็ได้แนวทางการรักษา
ง่ายมาก
สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือเพิ่มประสิทธิภาพของตับไตของคนไข้ ป้องกันไม่ให้ตับไตของคนไข้เสื่อมสภาพ
จะสร้างความแข็งแรงที่หัวใจต้องสร้างความแข็งแรงที่ตับก่อน หากตับแข็งแรงเมื่อไหร่ การมองเห็นของคนไข้ที่ถูกกระทบจากโรคเบาหวานย่อมฟื้นสภาพ
หลังจากเสริมประสิทธิภาพความร้อนของหัวใจแล้ว ความร้อนที่เข้าไปในตับก็จะเพิ่มขึ้นตาม เวลานั้นร่างกายจะขจัดไขมันและน้ำตาลในเลือดที่เกินออกมาอัตโนมัติ
หากรักษาตามแนวทางนี้ ขอเพียงทำได้ถึงขั้นสุดท้าย คนไข้ย่อมไม่กำเริบอีก
ดูจากการตรวจทั้งสี่ขั้นตอนเมื่อกี้
บัดนี้โรคของคนไข้ออกอาการที่ขาแล้ว
การที่คนไข้โรคนี้ออกอาการที่ขา คือข้อขารวมถึงเส้นเลือด เส้นประสาทส่วนขาทำงานผิดเพี้ยน ส่งผลให้เลือดไปหล่อเลี้ยงขาไม่พอ จนรู้สึกไม่เหมือนเดิมและอาจมีอาการเท้าเน่าเปื่อย ต ติดเชื้ออักเสบร่วมด้วย ในผู้ป่วยอาการหนักอาจถึงขั้นกระทบต่อกล้ามเนื้อและกระดูกจนทั้งระบบหยุดทำงาน และถึงขั้นต้องตัดขา
ใต้สถานการณ์แบบนั้น จะรักษายากมาก
“ฉันขอกินน้ำได้ไหม?” อยู่ ๆ คนไข้ก็ส่งเสียง “ฉันหิวน้ำ”
“อดทนหน่อยนะ”
หลี่เคอหมิงบอกด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะฝังเข็มให้คุณเดี๋ยวนี้ อีกเดี๋ยวคุณก็จะไม่หิวน้ำแล้ว”
พูดเสร็จเขาก็หยิบเข็มเงินออกมา
พร้อมทำการฝังเข็มทันที
จุดเทียนทู จุดเทียนซู จุดกวานหยวน
เขาสามารถฝังเข็มปรับลมปราณได้อย่างเชี่ยวชาญและสุขุม
เห็นดังนั้น
ท่านฮัวที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มและพยักหน้าด้วยความพอใจ
คนไข้ขี้ร้อนและหิวน้ำบ่อย น้ำลายในปากมาจากลำไส้ใหญ่ การฝังเข็มที่จุดเทียนทูช่วยเพิ่มความร้อนให้ลำไส้เล็ก ส่งผลให้ของเหลวในร่างกายดันขึ้นมา
ก่อนจะฝังเข็มที่จุดเทียนซูและจุดกวานหยวน เพื่อให้ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วปกติ เช่นนี้แล้วน้ำจะขึ้นไปที่ปอด ส่วนปอดรับหน้าที่ดูดซึมน้ำเพื่อให้น้ำดันขึ้นมา
พอน้ำขึ้นมาได้
ก็จะแก้อาการหิวน้ำขี้ร้อนของคนไข้ได้
หลังจากฝังไปสามเข็ม
หลี่เคอหมิงหยิบเข็มเงินเล่มที่สี่ขึ้นมา เข็มหนึ่งฝังลงเส้นลมปราณมือไท่อินปอดและเส้นลมปราณมือหยางหมิงลำไส้ใหญ่
นี่คือเข็มแรกในเก้าจุดฝังเข็มของปรมาจารย์ฮัว
หลังจากเสร็จสิ้นเข็มนี้
ก็เป็นการกระตุ้นปอดและลำไส้ใหญ่พร้อมกัน ช่วยให้การฝังเข็มก่อนหน้านี้ได้ผลทวีคูณ
เข็มนี้
ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาครั้งนี้
เมื่อเห็นแผนการรักษาฝังเข็มของหลี่เคอหมิง รอยยิ้มบนใบหน้าท่านฮัวกว้างกว่าเดิม เขาพยักหน้าชื่นชมไม่หยุด
อีกด้าน
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนสองคนก็มีสายตาชื่นชม
แต่หลี่เคอหมิงยังไม่หยุด
เขาฝังเข็มลงจุดหยางฉือ จุดจื้อหยาง
สองตำแหน่งนี้ให้ผลดีเป็นพิเศษสำหรับการรักษาโรค จะฝังเข็มหรือรมยาก็ได้ รักษาจนถึงขั้นที่กดไม่เจ็บแล้วถือว่าหาย
ฝังเข็ม
หลี่เคอหมิงใช้เข็มต่อไป
หนนี้ เขาใช้เข็มทะลวง
เข็มเดียวทะลวงทั้งจุดเถียวโขวและจุดเฉิงซาน โดยทะลุสองจุดด้านข้างของขาสองข้างทีเดียวพร้อมกัน
เมื่อเห็นแบบนี้
ท่านฮัวและปรมาจารย์แพทย์แผนจีนสองท่านรวมถึงประธานสู่พากันพยักหน้า
“เข็มนี้ มีเพียงแพทย์แผนจีนที่เชี่ยวชาญจริง ๆ ถึงกล้าใช้”
ท่านฮัวกล่าวยิ้ม ๆ
การที่โรคลงขา จะทำให้คนไข้มีภาวะเหมือนเหยียบบนกองฝ้าย รักษาง่ายและไม่ง่าย
อย่างแรกต้องเติมน้ำให้พอ หรือก็คือลดน้ำตาลในเลือดของคนไข้ลงมา อย่างที่สองคือนำน้ำตาลเก่าที่ตกตะกอนไปอยู่ที่เท้าและยังมีประโยชน์กลับมาในตัว หรือก็คือกินยาแพทย์แผน ตะวันตกและฉีดอินซูลิน เพื่อก่อให้เกิดผลการรักษา
เข็มนี้ทะลุจากเถียวโขวไปยังเฉิงซาน เป็นเข็มทะลวงที่ขึ้นชื่อในทั้งแวดวงแพทย์แผนจีน!
เนื่องจากต้องทะลุขา แพทย์แผนจีนธรรมดาไม่กล้าใช้เด็ดขาด
หลังจบเข็มทะลวง
หลี่เคอหมิงยังไม่หยุด
แต่รีบทำการเสริมความแข็งแรงให้ตับ หัวใจ และไต!
เข็มแรกอยู่ที่เส้นลมปราณเท้าหยางหมิงกระเพาะอาหารและเส้นลมปราณเท้าไท่อินม้าม
เข็มที่สองอยู่ที่เส้นลมปราณมือเส้าอินหัวใจและเส้นลมปราณมือไท่หยางลำไส้เล็ก
เข็มที่สามอยู่ที่เส้นลมปราณเท้าไท่หยางและเส้นลมปราณเท้าไท่หยางกระเพาะปัสสาวะ
เข็มที่สี่อยู่ที่เส้นมือปราณเจวียอินเยื่อหุ้มหัวใจและเส้นลมปราณมือเส้าหยางซานเจียว
เข็มที่ห้าอยู่ที่เส้นลมปราณเท้าเส้าหยางถุงน้ำดีและเส้นลมปราณเท้าเจวียอินตับ
หลังจากฝังทั้งห้าเข็ม
ก็ปรับเส้นชีพจรทั้งหมดภายในร่างกายของคนไข้ กระตุ้นทิศทางการเคลื่อนไหวของชี่ เสริมความแข็งแรงให้อวัยวะภายในทั้งปวง
จนบัดนี้เก้าจุดฝังเข็มของปรมาจารย์ฮัวได้ฝังหกเข็มที่สำคัญไปแล้ว!
เมื่อได้เห็นฝีมือของหลี่เคอหมิง
ท่านฮัวพยักหน้ายิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจ
“ไม่เลว ๆ เจ้าหลี่ใช้วิชาหกจุดฝังเข็มของนายได้ดีมากเลยนะ”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนหลิวชิงเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “วันหน้าเป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนอีกคนได้แน่!”
“ไม่เลวจริง ๆ”
ว่านเฉิงหยางก็พยักหน้ายิ้ม ๆ พร้อมชื่นชม “แผนการรักษานี้ไร้ที่ติ กระบวนการรักษาก็เพอร์เฟกต์สุด ๆ”
ขณะที่คุยกันอยู่
ทุกคนหันไปมองซูเย่พร้อมกัน
พอหันมองกลับพบว่าซูเย่ยังใช้ความคิดอยู่ บนตัวคนไข้ก็ฝังแค่หกเข็มที่ท่านฮัวสอนเมื่อวาน
เขาทำอะไรอยู่น่ะ
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนทั้งหลายงุนงงกันหมด