เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 589 ความรู้สึกมีความสุข (6)
สำหรับพวกเขาแล้ว สมุดเล็กๆ เล่มนี้มีค่ามากยิ่ง
ตระกูลซูของพวกเขา…จำเป็นต้องได้มันมาไว้ในครอบครอง
ซูจิ่นอวี้ หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อน และเหล่าผู้อาวุโสแลกเปลี่ยนสายตากันครู่หนึ่ง แล้วประสานมือคารวะให้หนิงเซ่าชิง “หัวหน้าตระกูลหนิง มีเงื่อนไขอันใดก็เอ่ยออกมาเถอะ”
แม้ว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขากับหนิงเซ่าชิงจะไม่เลว แต่ตอนนี้ทั้งสองคนเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูล ย่อมต้องเรียกชื่อเป็นการให้เกียรติเป็นธรรมดา
หนิงเซ่าชิงคาดเดาปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขาได้แต่เนิ่นๆ แล้ว จึงนำสัญญาที่เตรียมเอาไว้แต่แรกออกมา “ไม่ต้องการเงินสักเฟินเดียว ขอเพียงแค่หัวหน้าตระกูลซูลงนามในสัญญาฉบับนี้ก็พอแล้ว”
เงื่อนไขข้อตกลงย่อมเตรียมเสร็จแต่แรกแล้วเช่นกัน
ผู้อาวุุโสใหญ่ตระกูลซูรับสัญญามา แล้วส่งให้ซูจิ่นอวี้ ซูจิ่นอวี้อ่านรอบหนึ่งแล้วส่งสัญญาฉบับนี้ให้กับหัวตระกูลรุ่นก่อนที่อยู่อีกด้าน
เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เอ่ยยืนยันว่า “ได้”
แม้ว่าจะไม่มีสมุดเล็กๆ เล่มนี้ เขาก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับหนิงเซ่าชิง พวกเขาตระกูลซูก็ไม่อยากจะขัดแย้งกับตระกูลหนิง
แน่นอนว่ามีสัญญาฉบับนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลก็จะไม่ได้หยุดอยู่ที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ยังมีข้อผูกมัด ความสัมพันธ์ดูคล้ายกับห่างเหิน ทว่ามั่นคงยิ่งกว่า
“เช่นนั้นก็เชิญหัวหน้าตระกูลซูลงนามในสัญญา สมุดวิธีการบริหารจัดการน้ำเล่มนั้นก็จะเป็นของตระกูลซูตั้งแต่นี้ไป”
ซูจิ่นอวี้เอ่ย “ลงนามในสัญญานั้นได้ แต่พวกเราต้องการเพิ่มเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
แม้ว่ามุ่งมาดที่จะได้สมุดเล่มนี้มาครอบครอง แต่เงื่อนไขที่ควรจะเพิ่มเข้าไปก็ควรเอ่ยออกมา
หนิงเซ่าชิงย่อมรู้ว่าไม่มีทางราบรื่นขนาดนั้น “เงื่อนไขอะไร ขอเพียงแค่ตระกูลหนิงของข้าสามารถทำได้ ก็เอ่ยออกมาได้เลย”
เงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่สามารถตอบตกลงได้ มีการปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแต่เนิ่นๆ แล้ว
สมุดเล่มนี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้เป็นสะพานเชื่อมในการสื่อสารหนึ่งเท่านั้น
ซูจิ่นอวี้ไตร่ตรองครู่หนึ่ง “พวกเราต้องการคนที่ทำสมุดเล็กๆ เล่มนี้ขึ้นมา” ขอเพียงแค่มีคนผู้นี้ ปัญหาอุทกภัยก็จะแก้ไขได้โดยสิ้นเชิง ปัญหาอื่นๆ สำหรับตระกูลซูล้วนไม่ใช่ปัญหา
หนิงเซ่าชิงคิดไม่ถึงว่า ตระกูลซูจะถึงกับเสนอเงื่อนไขนี้ออกมา จึงมีสีหน้าย่ำแย่ทันที
หัวหน้าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสตระกูลหนิงหลายคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังดีกระแอมไอเบาๆ หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนก็มีสีหน้าผิดปกติเช่นกัน
หากว่าเป็นคนอื่น จะให้ก็ให้ได้
แต่คนผู้นี้กลับเป็นคนที่ตระกูลหนิงไม่สามารถให้ได้เด็ดขาด
“คนคนนี้ พวกเราไม่อาจให้ได้ พวกท่านเสนอเงื่อนไขอื่นเถอะ”
หลังจากซูจิ่นอวี้สบตากับหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนและเหล่าผู้อาวุโสทุกคนแวบหนึ่งแล้ว ก็ส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ไม่มีเงื่อนไขอื่น! ตระกูลซูของพวกเราต้องการแค่คนผู้นี้!”
ในเมื่อคนผู้นี้สามารถจินตนาการแนวคิดที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้ เช่นนั้นหากมีเขาเข้าร่วมโครงการที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วย จะต้องลงทุนลงแรงเล็กน้อย แต่ได้ผลลัพธ์เท่าทวีคูณอย่างแน่นอน บุคคลที่มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ย่อมต้องควบคุมเอาไว้ในกำมือถึงจะถูก
ความจริงก็คือ ระหว่างการบริหารจัดการน้ำมักมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากเกินไป ตัวอย่างความล้มเหลวมีเยอะเกินไป จนไม่อาจทนรับความล้มเหลวได้อีกแล้ว!
หนิงเซ่าชิงพอจะเข้าใจความคิดของตระกูลซู
“พวกท่านไม่ต้องกังวล เหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งหมดส่วนใหญ่ล้วนถูกกล่าวถึงในสมุดเล่มนี้แล้ว เมื่อครู่ที่ท่านเห็นเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น…”
ซูจิ่นอวี้มองหนิงเซ่าชิงอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากการปฏิบัติตนต่อผู้อื่นของหนิงเซ่าชิง หากมั่นใจไม่ถึงสิบส่วน ไม่มีทางเอ่ยออกมาง่ายๆ จึงเอ่ยอย่างถอยก้าวหนึ่ง “เช่นนี้ โปรดบอกพวกเราก่อนว่าคนผู้นั้นคือใคร”
หากปิดบังเรื่องนี้ต่อไป ก็จะเป็นการแสดงออกว่าไม่จริงใจต่อตระกูลซู หนิงเซ่าชิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ผู้ที่วาดภาพก็คือฮูหยินหัวหน้าตระกูลของข้า”
ผู้อาวุโสตระกูลซูเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นไปไม่ได้!”
หัวหน้าตระกูลซูรุ่นก่อนเอ่ย “หัวหน้าตระกูลหนิงไม่ยอมมอบคนให้ก็ช่างเถอะ เหตุใดต้องกล่าววาจาแกล้งล้อเล่นกันด้วย
สถานการณ์พลันชะงักงันเล็กน้อย!
จงเหล่าใหญ่ของตระกูลหนิงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี ก็ลุกขึ้นยืน “ฮูหยินหัวหน้าตระกูลหนิงรุ่นนี้ของพวกเราเป็นสตรีผู้มีความรู้ความสามารถอันดับหนึ่งของเทียนฉี จนถึงตอนนี้สำนักศึกษายังจัดแสดงผลงานการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันและภาพวาดของฮูหยินอยู่ หากพวกท่านไม่เชื่อ ก็สามารถนำสมุดเล่มนี้ไปเทียบลายมือที่สำนักศึกษาได้”
ความจริงแล้ว หากไม่ใช่ว่าหัวหน้าตระกูลกล่าวคำสาบานอย่างจริงใจ เขาก็ไม่เชื่อจริงๆ ว่าสมุดเช่นนี้เล่มหนึ่งจะมีแหล่งที่มาจากสตรีผู้หนึ่ง
วาจานี้ ไม่เพียงแต่จะถูกเอ่ยออกมาจากปากของหัวหน้าตระกูลหนิง แต่ยังมีจงเหล่าใหญ่เป็นพยาน ย่อมไม่อาจเป็นเรื่องหลอกลวงได้
นึกถึงบทกวีที่สามารถทำให้ท่านจย่าอุทานว่ามหัศจรรย์เหลือเกินออกมาได้ บางทีอาจจะเป็นผู้มีความสามารถพิเศษในใต้หล้าคนหนึ่งจริงๆ
หัวหน้าตระกูลซูรุ่นก่อนนั่งลงอีกครั้ง จมเข้าสู่ห้วงความคิด
ซูจิ่นอวี้นึกถึงเรื่องที่นานมากแล้วก่อนหน้านี้ เขาเคยทำหัวใจหล่นหายไป
หากเป็นคนอื่น เขาอาจจะไม่เชื่อ! สตรีที่เข้าเฝ้าฮ่องเต้โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แผ่นหลังหยัดตรงยิ่งกว่าบุรุษผู้นั้นเขียนออกมา เขาเชื่อ!
สตรีประหลาดเช่นนี้ มิน่าถึงได้ทำให้น้องเจ็ดที่ไม่เคยปรายตามองสตรี ถึงกับหลงใหลในตัวนางเช่นนี้
น้องเจ็ดช้าไปเพียงก้าวเดียว แต่กลับไม่รู้ว่าตนเองพลาดความอัศจรรย์อันใดไป
ซูจิ่นอวี้ไม่เคยรู้สึกเสียใจภายหลังเช่นนี้มาก่อน คราแรกควรจะสนับสนุนให้น้องเจ็ดไปแย่งชิงมั่วเชียนเสวี่ยซึ่งๆ หน้าหรือไม่
สมุดเล่มเล็กเล่มนี้จำเป็นต้องได้มาครอบครอง เจรจาจนถึงตอนท้ายแล้ว ย่อมต้องลงนามในสัญญา เพียงแต่เงื่อนไขกลับเปลี่ยนไป…
มั่วเชียนเสวี่ยกลับมาที่เรือนจื่อจู๋หว่าน ก็ให้คนไปส่งข่าวที่บ้านไร่
เพิ่งจะสั่งการเสร็จ ด้านนอกก็มีเสียงคนเอ่ยว่า “ฮูหยินสี่มาเยี่ยมฮูหยินเจ้าค่ะ”
หากน้ำและดินยังมาไม่ถึง นางก็จะได้เตรียมตัวทำงานพอดี ไหนเลยจะมีเวลามาสู้กับสตรีพวกนี้อีก
เอ่ยตามตรง หากเป็นไปได้ นางไม่อยากเจอสตรีในจวนนี้สักคนเดียว
วันนั้น ระหว่างทางที่นางกลับมาก็ไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความขัดแย้งของแต่ละครอบครัวที่จื่อฉิงเคยเล่าให้นางฟังรอบหนึ่ง
เมื่อครุ่นคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หากเอ่ยถึงแรงจูงใจเพียงอย่างเดียว ฮูหยินสี่กับฮูหยินอนุภรรยา อิ๋งฮูหยินมีความน่าสงสัยว่าจะเป็นคนที่บงการให้ใส่ยาอยู่เบื้องหลังมากที่สุด
ฮูหยินสี่จัดการนางเพื่ออำนาจ
เพื่อการกุมอำนาจในเรือนหลังของนาง และเพื่ออำนาจในการเลื่อนตำแหน่งสายตรงของนาง หากหนิงเซ่าชิงไร้บุตร เช่นนั้นในภายภาคหน้า บุตรชายนางก็มีโอกาสในการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูล
อิ๋งฮูหยินจัดการนางเพราะความเกลียดชัง
เป็นความเกลียดชังที่มีต่อฮูหยินผู้เฒ่า ต่อสายตรง ความเกลียดชังนี้ซ่อนเอาไว้ลึกมาก ถึงขั้นที่ฮูหยินผู้เฒ่านึกว่ากระทั่งเกลียดชัง นางก็มิกล้า
การที่นางไม่เอ่ยวาจาใดในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าวันนี้ ไม่ใช่ว่านางปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปทั้งอย่างนั้น
กลับกัน นางเพียงแค่ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้นเอง
ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยจัดการอารมณ์ความคิดของตนเอง ชูอีจัดการอาภรณ์และเครื่องประดับให้นาง ฮูหยินสี่ก็ถูกซุนหมัวมัวนำทางเข้ามาแล้ว
สำหรับซุนหมัวมัวผู้นี้ จนถึงตอนนี้ นางยังคงพึงพอใจ
นางนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน ไม่ได้ลุกขึ้น เพียงแค่เอ่ยยิ้มๆ ว่า “อาสะใภ้สี่ ลมอันใดหอบท่านมาที่นี่กัน”
“ภรรยาหลานชาย สุขภาพเจ้าดีขึ้นบ้างหรือยัง หากยังไม่ดีขึ้น พักผ่อนอยู่ในเรือนก็ไม่เป็นไร ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่ามีอาสะใภ้อยู่…”
ฮูหยินสี่นั่งลงข้างตำแหน่งที่นั่งประธานของมั่วเชียนเสวี่ยซึ่งเป็นที่นั่งในระดับเดียวกันอย่างสนิทสนม
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ตอบ เพียงแค่ถ้วยชาขึ้นดื่ม
อ้างอิงตามพิธีรีตองแล้ว ไม่ว่านางจะได้กุมอำนาจในเรือนหลังหรือไม่ นางก็ยังเป็นฮูหยินหัวหน้าตระกูล
สตรีในจวน นอกจากท่านแม่สามีที่แท้จริงและฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว ขอเพียงแค่ทุกครั้งที่พบนางล้วนจำเป็นต้องทำความเคารพ ปากก็เอ่ยอย่างให้เกียรติว่าฮูหยินหัวหน้าตระกูล
นางไม่เชิญให้นั่ง นางก็นั่งไม่ได้
ไหนเลยจะเหมือนฮูหยินสี่ที่เรียกนางว่าภรรยาหลานชายอย่างไม่อินังขังขอบ แล้วนั่งลงข้างกายนางตามใจชอบเช่นนี้?