กบฏไร้เดียงสา - ตอนที่ 3 ตามจริงก็แอบรู้สึกผิดนะแต่ทำไงได้
เธอไม่ได้อยากมีแฟนจริง ๆ อันนี้ไม่ได้โกหกแค่อยากประชดคนที่บ้านก็เท่านั้นเองอะไรก็ห้ามไปหมด อันนั้นไม่ได้ อันนี้ไม่ได้ ทำเหมือนเธอเป็นไข่ในหิน
มัน-น่า-เบื่อ
ผู้การสาวอ้าปากค้างกับคำตอบเฉลยของเพื่อนสนิทตรงหน้า แปลว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้มันมีแฟนไปทั้งหมดเพื่อประชดพ่อมันแค่นั้น แอบมีแล้วไม่บอกด้วย แต่แม่มันรู้เพราะมีหนุ่มมาส่งที่บ้านบ่อย นี่ยังไม่นับรวมกับวีรกรรมแอบหนีเที่ยวกลางคืน โดดเรียน หรือแม้กระทั่งโกงข้อสอบปลายภาคอีกนะ
…พระเจ้าช่วย…
“ฉันก็หลงคิดว่าแกแค่อยากเปลี่ยนผู้ชายตามอารมณ์สตรีอยากมีหนุ่มในสต๊อก”
“เดี๋ยวเถอะยัยบ้าฉันไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น ที่เปลี่ยนเพราะหนึ่งเลยเจ้าชู้และสองทัศนคติไม่ได้ แต่ละคนบ้งมากพอคุยกันไปนาน ๆ เป็นแกคงจะทนหรอก ต่อให้คบแค่ผ่าน ๆ ถึงยังไงก็มีสถานะว่าเป็นแฟน เราควรให้เกียรติเขาบ้าง”
เฮลก้าเท้าคางมองเพื่อนสนิทที่เปลี่ยนท่าทีเป็นแม่พระ มันก็จริงอย่างที่บอกไม่ว่าใครก็ควรให้เกียรติ แต่ถ้าสันดารเหี้ยก็อีกเรื่องหนึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าอีกฝ่าย
“โอ้โห้นางฟ้าสุดไรสุด แล้วงานนี้แกโทรบอกแฟนแกหรือยัง”
เกรเทลเม้มปากชั่งใจ
“ยังนะสิ”
ร่างบางพิงผนักเก้าอี้เงยหน้าถอนหายใจเสียงดังไม่รู้จะเอายังไง การบอกเลิกรอบนี้มันตลกเกินไป
“เพราะตามที่พี่ฮันเซลบอกถ้าไม่อยากมีปัญหาเยอะก็แค่ส่งข้อความหรือโทรไปหา ตราบใดที่ไม่ได้เจอกันต่อหน้ามันก็ง่ายไง”
“ฉันรู้เว้ย”
เกรเทลเริ่มรู้สึกปวดหัว บางทีเธอก็อึดอัด บางทีก็น้อยใจ ที่พ่อไม่ยอมให้เธอทำอะไรสักอย่าง
“แต่ถ้าเจอกันก็จะมีคำถามนั้นนี้ตามมา อันนี้พูดในกรณีที่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิกนะ”
เอาตามจริงเธอก็ไม่มั่นใจหรอกว่าอีกฝ่ายเขารู้สึกยังไง เพราะตัวเธอก็ไม่ได้รู้สึกชอบหรือรักจนถึงขั้นเลิกไม่ได้
“ช่างแม่งเถอะ ส่งข้อความไปให้มันจบ ๆ แล้วกัน เหนื่อยที่ต้องมานั่งคิดมาก”
มือบางหยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาควานหามือถือจากนั้นก็กดหาแชทของบุคคลในบทสนทนา ที่อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้จะกลายเป็นอดีตแฟนเก่า
ผู้การสาวมองเพื่อนสนิทของตนเองที่กำลังกดมือถือรัว ๆ เธอยกถ้วยชาขึ้นจิบพลางจิ้มกินขนมเค้กที่พนักงานเพิ่งเอามาเสิร์ฟให้
“เสร็จล่ะ”
เฮลก้าขมวดคิ้วเงยหน้ามองคนตรงหน้า เธอเพิ่งจะกินเค้กไปได้แค่คำเดียวเองไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
“ไวดีแท้ แล้วอีกฝ่ายว่าไง”
“ก็กดอ่านทันทีที่ฉันส่งไปนะ แต่ฉันขี้เกียจต่อความเยอะเลยกดออกแล้วบล็อคเขา”
ถึงกลับร้องหู้ยในใจไม่คิดว่าเพื่อนสาวจะเด็ดขาดเบอร์นี้ ก็ดีจะได้ไม่ต้องมาปวดหัว
“บร๊ะใจเด็ดดีแท้ ถามหน่อยเถอะรู้สึกผิดไหมยัยเกรย์”
“ตามจริงก็แอบรู้สึกผิดนะแต่ทำไงได้ ตอนนี้มานั่งคิดดี ๆ ฉันว่าควรหยุดหาแฟนประชดป๊าได้แล้ว เพราะที่คบ ๆ มาแต่ละคนก็ไม่ได้ชอบทั้งนั้น ดูนิสัยไม่ดีเนอะ ก็กลัวเหมือนกันนะว่าอนาคตพอคบใครจริงจังจะโดนแบบนี้คืนบ้าง”
ถ้าคนรอบตัวจะบอกว่าเธอเหี้ยเธอก็ไม่ว่าอะไร แต่เวลาที่เธอคบกับใครเธอก็ไม่ได้สับรางหรือแอบมีใครคนอื่น คบก็คบทีละคน เลิกก็เลิกทีละคน และยังดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เพียงแค่ไม่ได้รู้สึกรักเขา 100% เรื่องของเวรกรรมสำหรับเธอมันค่อนข้างจริง ใครเคยทำอะไรไว้ก็จะได้รับแบบนั้นคืนเพียงแค่มันจะมาเร็วมาช้าตอนไหน แล้วเรายังต้องชดใช้ไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้
“เอาน่ะก็แค่เริ่มต้นใหม่ให้ดี ไม่กลับไปทำแบบเดิมและทำบุญทำทานเยอะ ๆ เผื่อจะช่วยส่งเสริมให้เธอเจอคนดี”
สองสาวนั่งปลอบใจพูดคุยเรื่องนี้ไปอีกพักใหญ่จนเวลาล่วงเลยมาถึงสองทุ่มครึ่ง
“แล้ววันนี้เธอกลับยังไงยัยเกรย์ ให้ฉันไปส่งไหมนี่ก็มืดแล้วอันตรายแถมรถเยอะด้วยแถวนี้”
สาวผมบลอนด์เอ่ยถามเพื่อนผมสั้นตรงหน้า ตั้งแต่เรียนจบ High School เกรเทลก็ไม่เคยกลับมาไว้ผมยาวอีกเลยนางพูดแค่ว่า อยากลองไว้ผมสั้น
“ไม่เป็นไรฉันกลับเองได้ บ้านฉันกับแกอยู่คนละฝั่งเลยเสียเวลาขับรถไปมาพรุ่งนี้แกก็ทำงานด้วยอย่ากลับดึก”
คนตัวเล็กกว่าเอ่ยปฏิเสธเพื่อนทหารอย่างสุภาพเธอไม่ชอบให้ใครมาลำบาก เธอค่อนข้างขี้เกรงใจและไม่อยากติดหนี้บุญคุณกับใคร
“แน่ใจนะว่าไม่อยากให้ฉันไปส่งแกที่บ้าน
แต่เฮลก้าก็ยังคงถามด้วยความเป็นห่วง มันไม่ได้ลำบากอะไรกับอีแค่ขับรถ
“เออตามที่ฉันพูดนั้นแหละไม่ต้องไปส่ง” คนในเครื่องแบบพยักหน้าเข้าใจ
“ก็ได้ แต่ถึงบ้านช่วยส่งข้อความบอกด้วย”
แม้จะไว้ใจให้กลับบ้านเองโดยที่เธอไม่ได้ไปส่ง แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิงแถมไม่มีศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวเกิดมีโจรปล้นหรือฉุดขึ้นมาคงไม่ดีแน่ เพื่อให้สบายใจก็ช่วยส่งข้ออความบอกสักนิด อย่างน้อยจะได้รู้ว่าถึงบ้านอย่างปลอดภัย
“อื้มไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณมากที่ออกมาคุยทั้งที่แกก็ไม่ค่อยมีเวลาพัก”
ร่างบางเตรียมลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปขึ้นรถโดยสารประจำทางหน้าร้านกาแฟ จัดชุดตัวเองให้เข้าที่ บิดตัวเล็กน้อยเพื่อลดอาการเมื่อยขบเนื่องจากนั่งบนเก้าอี้นาน
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเพื่อนฉันแล้วย่ะ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟฉันก็จะมาหาแก”
“ค่ะผู้การ!”