กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 104 นิสัยผู้ชาย
บทที่ 104 นิสัยผู้ชาย
บทที่ 104 นิสัยผู้ชาย
เซี่ยชิงหยวนอยากจะหลบหนีไปให้พ้นจากสถานการณ์นี้
แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีช่องว่างให้เธอแทรกตัวเข้าไปได้
เธอกำมุมหนึ่งของชุดนอนแน่นและพยายามดึงแย่งกลับมา “นี่มันเสื้อผ้าผู้หญิง แม่ของฉันบอกว่ามันไม่ดี ถ้าผู้ชายจะสัมผัสเสื้อผ้าของผู้หญิง”
แน่นอนว่ามันเป็นแค่ข้ออ้าง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจวดูลุ่มลึกขึ้น “อ้อเหรอ?”
รอยยิ้มของเขาอ่อนโยน แต่นิ้วเรียวที่จับชุดนอนตัวบางไว้ไม่ได้ผ่อนแรงเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาเหมือนติดอยู่ในการแข่งขันชักเย่อ ซึ่งใครก็ตามที่เหนื่อยล้าคนแรกก็จะแพ้ไป
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ”
เสิ่นอี้โจวเอียงศีรษะแล้วจึงพูดว่า “แต่ผมไม่สนใจ”
หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มก็ดึงชุดนอนเข้าหาตัวเองอย่างแรงอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนกลัวมากจนเกือบร้องไห้ออกมา
เธอตะโกนอย่างสิ้นหวัง “อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ!”
ให้ตายเถอะ เสิ่นอี้โจวเห็นชุดนอนนี่ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
แม้ว่าเธอจะสวมมันให้เขาเห็นอยู่แล้ว แต่ยังไม่ใช่เวลานี้
ดังนั้นหญิงสาวจึงทนไม่ได้อีกต่อไป ทันใดนั้น เธอก็เหยียดมือออกและผลักไปที่ไหล่ของเสิ่นอี้โจว
ชายหนุ่มไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ หรือเขาอาจจะแค่ต้องการทําตามความปรารถนาของเธอ ร่างหนาจึงล้มลงบนโซฟาทันที
เซี่ยชิงหยวนเซล้มตามหลังเขาเช่นกัน มือข้างหนึ่งของเธอยันโซฟาเอาไว้ และร่างของเธอก็ค่อย ๆ โน้มเข้าหาชายหนุ่ม
ใต้คิ้วสวยดุจขุนเขาคือดวงตาเจ้าเล่ห์คู่หนึ่ง
โครงหน้าของเสิ่นอี้โจวนั้นหล่อเหล่าเกินไป กระทั่งดวงตาคู่นั้นยังกระจ่างใส ขณะจ้องมองเธอเงียบงัน
เซี่ยชิงหยวนทนสายตาคู่นั้นไม่ได้
เธอเอื้อมมือไปปิดตาของอีกฝ่ายเอาไว้
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการหลอกตัวเอง
ขนตายาวงอนของชายหนุ่มสั่นระริกใต้ฝ่ามือของเธอ จนทำให้หญิงสาวรู้สึกคันยุบยิบ
เซี่ยชิงหยวนหลับตาลงและโน้มศีรษะเข้าหาอีกฝ่ายช้า ๆ
ริมฝีปากทั้งสองสบเข้าหากัน ประหนึ่งสัมผัสหวานล้ำที่ห่างหายไปเนิ่นนาน ทั้งหวานหยดและหิวกระหาย
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะไล้ไปตามริมฝีปากบางของเขาอย่างอ่อนโยนด้วยปลายลิ้น
ในเวลานี้ เครื่องยนตร์ไม่อาจดับได้แล้ว
หญิงสาวดุนฟันขาวและสอดลิ้นเข้าไปในปากของเขา
เธอไม่เข้าใจเลย
ทั้งที่เธอไม่ใช่คนโง่แท้ ๆ และไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสุภาพสตรีขนาดนั้น แต่ทำไมเธอถึงถูกรูปลักษณ์ของเสิ่นอี้โจวดึงดูดเสียทุกครั้งเลยนะ?
เมื่อได้สติกลับมา หญิงสาวก็ต้องการจะลุกหนี แต่เสิ่นอี้โจวกลับคว้าเอวบางไว้ได้
มือใหญ่อีกข้างก็ไม่ทราบว่าเอื้อมมาเมื่อไหร่ สอดแทรกเข้าไปในเรือนผมของเธอแล้ว
เซี่ยชิงหยวนไม่อาจเพ่งสมาธิได้อีก เพราะเธอกำลังพะว้าพะวงเรื่องชุดนอนที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง
เมื่อเสิ่นอี้โจวหยุดเคลื่อนไหวครู่หนึ่ง เธอก็บังคับให้ตัวเองถอนตัวออกมา
เธอเอามือดันเขาออกไป “ฉันจะทําอาหารแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็คว้าตัวเธอ ดึงเข้ามานั่งบนตักของเขา
เซี่ยชิงหยวนนั่งลงบนตักของเขา
ชายหนุ่มจูบริมฝีปากของผู้เป็นภรรยาเบา ๆ “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”
เขาหยอดคำหวานต่อ “เรื่องกินข้าวไว้ก่อน ตอนนี้ให้ผมกินของหวาน แล้วคุณค่อยไปทําอาหารทีหลังแล้วกัน”
นี่คือการปิดกั้นทางถอยหนีของเธอ
เซี่ยชิงหยวนไพล่มือไว้เบื้องหลังตลอดเวลา แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฉวยโอกาสจากอ้อมกอดของเสิ่นอี้โจว โยนชุดนอนตัวนั้นไปไว้หลังโซฟา จนตกลงข้างผ้าม่าน
ฮู้! ปลอดภัยแล้ว
ตอนนี้ให้เธอเพลิดเพลินอีกหน่อยแล้วกัน
…
เวลาล่วงเลยไปสิบห้านาทีแล้ว ตอนที่คนทั้งสองเดินออกมาจากห้องนอน
ริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวนทั้งบวมเจ่อและแดงเรื่อ ราวกับได้รับความรักอย่างหนักหน่วง
ในขณะที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเป็นประกายวับเช่นกัน และดูจะอิ่มเอิบกว่าปกติ
ทันทีที่เขายืนอยู่ที่ประตู รัศมีทั่วทั้งร่างพลันเผยออกมา
ประหนึ่งทวยเทพจุติลงมาในโลกของมรรตัยชน
เขาลูบเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ผมจะทําอาหารเอง”
เซี่ยชิงหยวนถึงกับพูดไม่ออกและสุดท้ายก็ตอบสั้น ๆ ว่า “ได้”
เธอรู้สึกอยากหวีผมตัวเองมาก
จากนั้นเธอก็จะซ่อนชุดนอนที่โยนทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ซะ
มันถูกโยนลงพื้นและคงจะสกปรกไปแล้ว เธอต้องเอามันไปซักอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ทักษะการทําอาหารของเสิ่นอี้โจวถือว่าไม่เลวเลย
ซุปปลาจี้อวี่ใส่เต้าหู้และผักผัดพร้อมเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ตอนทำงานในสถาบันวิจัยก่อนหน้านี้ คุณทำอาหารกินเองเหรอคะ”
เสิ่นอี้โจวตัดชิ้นเนื้อจากท้องปลาให้เธอก่อนพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมยุ่งมาก จึงไม่ค่อยได้ทำอาหารเองมากนัก เพราะงั้นจึงไปกินข้าวในโรงอาหารเป็นส่วนใหญ่น่ะ”
คงเพราะเขาละเลยการทานอาหาร ร่างกายถึงได้ทรุดจนป่วยเป็นโรคกระเพาะแบบนี้
เซี่ยชิงหยวนอดรู้สึกผิดไม่ได้
จากนั้นเธอก็พูดว่า “ฉันคอยเฝ้าดูคุณตอนเที่ยงไม่ได้ ดังนั้นคุณต้องจําไว้ว่าต้องกินอาหารให้ตรงเวลา ส่วนตอนเย็นก็กลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านอย่างเชื่อฟังด้วยล่ะ”
เสิ่นอี้โจวรู้สึกว่าทุกครั้งที่ได้ยินเซี่ยชิงหยวนพูดคําว่า ‘บ้าน’ เขาจะรู้สึกอบอุ่นมาก
นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตอนที่เขายังอยู่ในหมู่บ้านซีสุ่ย
เขาคิดว่าเพราะตัวเองเกิดใหม่ เซี่ยชิงหยวนจึงดูจะแตกต่างจากเดิมเช่นกัน
เขาอมยิ้มพลางตอบ “ได้เลย”
จากนั้นเขาก็อยากจะหยอกล้อเธออีกครั้ง “ว่าแต่เมื่อกี้ผมทำดีพอหรือเปล่า”
เซี่ยชิงหยวนหน้าแดงเมื่อถูกถามกะทันหัน
เธอก้มหัวฝังลงไปในชามข้าว “กินเร็วหน่อยเถอะ!”
แผนการชุดนอนเพื่อยั่วยวนเสิ่นอี้โจวในเวลากลางคืนถูกทําลายไปแล้วเนื่องจากอุบัติการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงบ่าย
เซี่ยชิงหยวนจึงไม่มีทางเลือกอื่น หลังจากกินข้าวและล้างจานเสร็จเรียบร้อย เธอจึงทบทวนเกี่ยวกับธุรกิจของตัวเองแทน
เธอเข้าไปในห้องหนังสือ ขยับเก้าอี้และนั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับเสิ่นอี้โจว
เสิ่นอี้โจวละสายตาจากเอกสารในมือ เหลือบมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมามองเอกสารอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนหยิบสมุดเล่มเล็กของเธอออกมา และจดบันทึกรายรับรายจ่ายของวันนี้ลงไป
วันนี้สลัดเย็นจำนวนหนึ่งร้อยจินกับเมนูหอยขมผัดเผ็ดขายได้ทั้งหมดสี่สิบเจ็ดหยวน!
เมื่อหักลบค่าวัตถุดิบ และค่าจ้างที่มอบให้กับเจียงเพ่ยหลาน เซี่ยชิงหยวนจึงยังเหลือกำไรถึงสามสิบเก้าหยวน!
ดวงตาของหญิงสาวหรี่ลงก่อนจะหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีความสุข เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนยื่นสมุดเล่มเล็กไปให้เขาดู “ดูสิ ฉันได้กำไรวันนี้ตั้งสามสิบเก้าหยวนแหนะ!”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่บันทึกด้านบนสุดของหน้าสมุด “ถ้าไม่นับรวมทองคําแท่งละก็ ตอนนี้เรามีเงินถึงหนึ่งพันสามร้อยสี่หยวนแล้ว!”
“ฉันเชื่อว่า ฉันจะมีเงินเก็บถึงหลักหมื่นหยวนภายในหนึ่งปีนี้แน่นอน!”
เสิ่นอี้โจวอดไม่ได้ที่จะโอบรับความสุขของเซี่ยชิงหยวน
เขาลูบผมหญิงสาว “ใช่ หลังจากนี้อีกไม่นาน ภรรยาของผมจะกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุด”
แต่เขารู้สึกผิดกับตัวเองเล็กน้อย “แต่คุณก็ทำงานหนักมาตลอดหนึ่งเดือนนี้เหมือนกัน”
เซี่ยชิงหยวนโบกมืออย่างสบาย ๆ “ไม่ยากเลย ถ้าเห็นเงินเข้ามามากขนาดนี้ ฉันก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองทํางานหนัก เอ่อ…”
เซี่ยชิงหยวนพูดขึ้น แต่ทันใดนั้นน้ำเสียงก็ขาดห้วง
เสิ่นอี้โจวรีบถามว่า “มีอะไรเหรอ”
เซี่ยชิงหยวนเกาหัว “เมื่อวันก่อนฉันให้ครอบครัวอาเซียงยืมเงินไปสองร้อยหยวนแล้วยังขอให้เพ่ยหลานมาช่วยงานที่ร้าน ฉันลืมบอกคุณไปเลย และวันนี้ฉันก็โทรกลับไปหาแม่ของคุณ เพื่อโน้มน้าวให้เธอมาที่นี่เร็วขึ้นอีกหน่อย”
“อ้อ วันนี้ภรรยาของเหอเส้าหยวนมาหาฉันแล้วพูดสิ่งที่ทำให้ฉันรำคาญมาก ฉันจึงตอกกลับไปไม่ค่อยดี”
เมื่อมองท่าทีที่เป็นกังวลและรําคาญใจของหญิงสาว เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม
เขาคว้าเอวบางด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามาหาแล้วกักขังเธอไว้ในอ้อมแขน
แล้วก็กลายเป็นว่าเซี่ยชิงหยวนนั่งบนตักและเอนตัวพิงเขาไว้
“เด็กโง่พูดช้า ๆ ไม่ต้องรีบร้อน แล้วผมก็เคยพูดไปไม่ใช่เหรอว่าเงินทั้งหมดเป็นของคุณ คุณจัดการมันได้ตามที่คุณต้องการเลย ฉะนั้นคุณไม่จําเป็นต้องรายงานให้ผมรู้หรอก ส่วนเรื่องภรรยาของเหอเส้าหยวนก็ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ที่ศาลากลางแห่งนี้ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย ผมก็จะอยู่ข้างคุณ”
เซี่ยชิงหยวนที่อยู่ในอ้อมแขนของเสิ่นอี้โจว เมื่อรับฟังคําพูดของเขาแล้วก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
เธอเงยหน้ามองสามีตน “อี้โจว คุณดีที่สุดเลย”
แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกอบอุ่นทั้งใจและตรงหน้าอกพร้อมกันได้แบบนี้นะ?
เธอก้มมองหน้าอกของตัวเอง และเอื้อมมือไปจับมือหนาทันที “นั่นคุณสัมผัสที่ไหนอยู่หา!”