กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 11 เหมาะสม
บทที่ 11 เหมาะสม
บทที่ 11 เหมาะสม
เมื่อได้ยินแบบนั้น เค้าความเกลียดชังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน
หวังชุ่ยเฟินใช้วิธีนี้เพื่อทำลายเธอในชาติที่แล้ว ครั้งนี้อีกฝ่ายก็ยังทำเหมือนเดิม!
หากเธอจำไม่ผิด การพบปะระหว่างเธอกับตู้อวิ๋นเซิงในชีวิตที่แล้วน่าจะเกิดขึ้นในอีกครึ่งปีให้หลัง
การที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่า หวังชุ่ยเฟินคงรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้นจึงรีบวางหลุมพรางเร็วกว่าเดิม!
เธอก้มหน้าลงพยายามซ่อนอารมณ์ในดวงตาเอาไว้
จากนั้นก็สะบัดชายเสื้อผ้าทำเป็นไม่สนใจมากนัก แต่แสร้งทำแววตาสั่นไหวและประหลาดใจ “ทำไมเขาถึงขอพบฉันล่ะ”
หวังชุ่ยเฟินลอบสบถในใจ แต่ภายนอกกลับมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปาก “แน่นอนว่าเพื่อสารภาพความในใจกับเธอ”
เธอยังคงโกหกต่อไปว่า “อันที่จริง ตู้อวิ๋นเซิงให้กล่องครีมนั้นแก่เธอ แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าป้าเยว่กุ้ยจะฉกมันไปแบบนั้น ถ้าตู้อวิ๋นเซิงรู้เข้า เขาคงจะผิดหวังมาก”
เซี่ยชิงหยวนฟังอย่างเย็นชา อารมณ์ดูถูกในใจค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นและแผนการก็ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่าง
เธอหันกลับมาและพูดเสียงต่ำ “ฉันไม่ไป ฉันแต่งงานกับเสิ่นอี้โจวแล้วฉันจะไปพบเขาเป็นการส่วนตัวทำไม”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปฏิเสธ หวังชุ่ยเฟินก็รีบเดินมาที่ด้านข้างเพื่อเกลี้ยกล่อมทันที “เธอเรียกสิ่งนี้ว่าการแต่งงานได้ยังไง มันไม่ต่างอะไรกับการเป็นม่ายชัด ๆ ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของตู้อวิ๋นเซิงกำลังจะหาเจ้าสาวในเร็ว ๆ นี้ด้วย เธอต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ อย่าให้หลุดมือไปเชียวนะ”
ความสามารถในการโกหกตาใสของคนคนนี้ ช่างทำให้เธอรู้สึกประทับใจจริง ๆ
ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้เปิดโปงอีกฝ่ายและตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ก็ได้”
หวังชุ่ยเฟินอดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นเมื่อได้ยิน
เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะข่มอารมณ์ดีใจเอาไว้ “พรุ่งนี้หนึ่งทุ่มที่หลังต้นไทรใหญ่ข้างลานตากข้าว ไม่ต้องห่วง เมื่อถึงเวลาฉันจะเป็นคนดูต้นทางให้เอง ฉันจะทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
อันที่จริง แผนการของหวังชุ่ยเฟินคือการเรียกชาวบ้านมาจับโป๊ะการนัดพบครั้งนี้ในเวลาที่เหมาะสม!
แล้วเธอจะกลับไปนัดแนะกับตู้อวิ๋นเซิง เพื่อให้เมื่อถึงเวลาเขาจะต้องจับมือเซี่ยชิงหยวนจัดฉากให้สมจริง
และเมื่อหวังชุ่ยเฟินพาใครบางคนมา มันจะเป็นฉากที่ตู้อวิ๋นเซิงกับเซี่ยชิงหยวนจับเนื้อต้องตัวกัน
คิ้วที่ขมวดกันของเซี่ยชิงหยวนเผยความเย็นชาออกมา ทว่าหญิงสาวยังคงควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดี “อืม เข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายตกลงแล้ว หวังชุ่ยเฟินก็วางใจและนึกดูถูกพฤติกรรมของเซี่ยชิงหยวน
ตอนเธอลอบไปหาตู้อวิ๋นเซิงเมื่อเช้านี้ พฤติกรรมของเขาเหมือนกับเซี่ยชิงหยวน เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมาก แต่ก็ยังดูเก็บอาการอยู่บ้าง
ช่างเป็นคู่ผีเน่าโลงผุที่ลงตัวจริงๆ!
เธอแสร้งทำเป็นมองดูท้องฟ้า “ดึกแล้ว ฉันจะกลับก่อนนะ”
จากนั้นเธอก็จับมือเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง “เธอต้องจำเวลานัดพบให้แม่นยำนะ”
หลังจากพูดจบเธอก็จากไป
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนหันกลับมา เธอก็วิ่งเข้าไปหาเสิ่นอี้โจว
เขาเดินออกมาจากสวนหลังบ้านพร้อมกับขวานในมือ ชายหนุ่มน่าจะเพิ่งผ่าฟืนเสร็จ
เขาสวมเสื้อกั๊กซึ่งด้านหน้าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ หยดเหงื่อไหลลงมาจากลำคอของเขาผ่านกระดูกไหปลาร้า และในที่สุดมันก็จมลงในเนื้อผ้าของเสื้อกั๊ก ทำให้กล้ามเนื้ออกของเขามองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม เซี่ยชิงหยวนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชมสิ่งเหล่านี้
เพราะสายตาที่เสิ่นอี้โจวมองเธอในขณะนี้เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
เธอไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่มากแค่ไหน
เซี่ยชิงหยวนเกร็งคอ ก้าวไปข้างหน้า “อี้โจว มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉัน…”
ชายหนุ่มไม่รอให้เธอพูดจบ แต่มองเธอด้วยแววตาลุ่มลึก “คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ผมฟัง”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินผ่านเธอไป
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังแผ่นหลังกว้างตรงหน้าเธอ จมูกของเธอแสบเล็กน้อยและหัวใจของเธอก็หนักอึ้ง
เธอรู้ว่าเขาคงเข้าใจผิด
เซี่ยชิงหยวนเปิดปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลังจากพรุ่งนี้ทุกอย่างจะดีขึ้นใช่ไหม?
บรรยากาศที่อึดอัดระหว่างคนทั้งสองยังคงอยู่ จนกระทั่งพวกเขาเข้านอนในตอนกลางคืน
แม้ว่าเสิ่นอี้โจวจะปฏิบัติต่อเธอไม่ต่างจากปกติ แต่เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังซ่อนบางอย่างไว้ในใจอย่างชัดเจน
เธอไม่ใช่คนที่ชอบหลับไปทั้งที่ยังคงพะว้าพะวังอยู่
หญิงสาวพลิกตัวบนเตียง จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง เลื่อนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กเข้ามาแล้วนั่งลงพิงพนัก
จากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปสะกิดแขนของผู้เป็นสามี “เสิ่นอี้โจว?”
ภายใต้แสงจันทร์ขนตาของเขาสั่นระริก จากนั้นเขาก็ลืมตาและมองมาที่เธอ
ดวงตาของชายหนุ่มในเวลาปกติจะสุกสว่าง และมักจะเต็มไปด้วยประกาย
ทว่าอารมณ์ของเขาในตอนนี้กลับเย็นชามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเงียบยิ่งดูเฉยชา
เซี่ยชิงหยวนกลืนน้ำลายและพูดว่า “คุณได้ยินที่ฉันพูดกับหวังชุ่ยเฟินเมื่อตอนกลางวันใช่ไหม”
เมื่อได้คำถามนั้น เสิ่นอี้โจวก็เงียบไปในตอนแรก ก่อนจะตอบว่า “ใช่”
ทันใดนั้นเขาก็ยกผ้าห่มบางออกแล้วลุกขึ้นนั่ง
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าเธอควรพูดกับเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
จากนั้นเธอจึงพูดต่อ “ฉันตกลงกับเธอเพราะมีเจตนาแอบแฝง และฉันนัดกับเขาก็เพื่อที่จะได้พ้นจากการครหา คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ทำอะไรกับตู้อวิ๋นเซิง”
เธอดึงชายเสื้อของเขา “อย่าโกรธฉันเลยนะคะ ตกลงไหม”
หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่อีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อเธอ
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเธอ รอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏบนริมฝีปากของเสิ่นอี้โจว แม้ว่ามันจะบางมาก แต่ก็ปรากฏอยู่พักหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก
เขากอดอก “คิดว่าผมโกรธจริงเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนมุ่ยจมูก ก่อนจะหันไปจ้องชายหนุ่ม “ก็…ฉันคิดว่าคุณโกรธฉัน”
เสิ่นอี้โจวถามอีกครั้ง “แล้วทำไมผมถึงต้องโกรธ”
ทันใดนั้น หญิงสาวก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังหลอกเธอ
ดังนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปตบต้นขาของเขา “เสิ่นอี้โจว ทำไมคุณถึงร้ายมากขนาดนี้นะ”
คิ้วและดวงตาของเสิ่นอี้โจวพลันหรี่ลงตามการตบของเธอ
ทันใดนั้น เขาก็ยื่นหน้าตัวเองเข้าใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย พร้อมกับจับข้อมือข้างที่ตบต้นขาของเขาไว้ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ “หือ?”
น้ำเสียงทุ้มลึกและน่าดึงดูดใจ มันเป็นการหยอกล้อที่หาได้ยากของชายหนุ่ม และมันก็… เย้ายวนใจเธอมากอีกด้วย
เซี่ยชิงหยวนอดกลั้นไม่ไหวและสบเข้ากับสายตาของเขา
มันเหมือนกับกระแสน้ำวนเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างคิ้วกำลังจะลากเธอเข้าไปหา
เขาขยับเข้าไปใกล้เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากว่า “เดี๋ยวผมก็ไม่ไหวหรอก”
เสียงนั้นดังอยู่ข้างหูของเธอ ทั้งนุ่มนวล หวานละมุนและชวนให้มึนงง
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเพียงว่าเธอขนลุกไปทั่วทั้งร่าง
หญิงสาวหดคอกลับทันทีราวกับว่าเธอถูกไฟลวก แต่เพราะเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เธอจึงเกือบจะหงายหลัง เสียงร้องอุทานพลันดังขึ้น “อ๊ะ!”
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวไปข้างหน้าทันทีและรั้งข้อมือของเธอเอาไว้ “ให้ผมดูหน่อย”
เมื่อเห็นเขาทำเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณจะดูอะไร”
เมื่อได้ฟังคำถามของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็กระอักไอเบา ๆ แล้วปล่อยมือจากเธอ “ผมบอกไม่ได้”
จู่ ๆ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกอยากหยอกคนตรงหน้าขึ้นมา เธอจับหลังมือของเขาโดยประสานนิ้วทั้งหมดเอาไว้ “ไม่ใช่ว่าเราทั้งคู่เหมาะที่จะเห็นของกันและกันเหรอ?”