กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 110 เตียงแข็งแรงดีมาก
บทที่ 110 เตียงแข็งแรงดีมาก
บทที่ 110 เตียงแข็งแรงดีมาก
หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของเซี่ยชิงหยวนเท่านั้นที่ได้ยินเป็นครั้งคราว
เธอคว้าผ้าปูที่นอนซึ่งอยู่ใต้ร่างทั้งน้ำตานองหน้า “เตียงนี้แข็งแรงมาก พวกเราไม่ต้องลองมันแล้ว!”
เหงื่อบาง ๆ ปกคลุมแผ่นหลังของเสิ่นอี้โจว
เขาเงยหน้าขึ้น “ไม่ มันไม่พอ เราเพิ่งลองกันไปเอง ยังไม่รู้เลยว่ามันแข็งแรงจริงหรือเปล่า”
เซี่ยชิงหยวนแค่นเสียงออกมาอีกครั้ง “คุณกำลังรังแกคนนี่!”
เสิ่นอี้โจวจูบแก้มของเธออีกครั้ง “ผมก็แค่ทำตามที่คุณพูด”
ลมหายใจร้อนชื้นเป่ารดหูเธอ “ชู่ว อย่าร้องไห้เลยนะ ถ้าคุณร้องไห้อีก เพื่อนบ้านจะมาเคาะประตูเอานะ”
คำพูดของเสิ่นอี้โจวทำให้เซี่ยชิงหยวนหยุดสะอื้น
นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา และการจ้องมองที่ไม่สามารถปล่อยวางได้ ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหวมากขึ้น
เสิ่นอี้โจวเอื้อมปิดตาของหญิงสาวและพูดว่า “ถ้าคุณต้องการให้จบเร็ว ๆ ก็อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น”
เซี่ยชิงหยวน “!”
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ชายตรงหน้าพูดนั้นล้วนเชื่อถือไม่ได้
หญิงสาวจำไม่ได้ว่าหลับไปตอนไหน
หรือบางทีเธออาจจะไม่ได้นอนเลย
เธอรู้แค่ว่ามันเหนียวเหนอะหนะตลอดทั้งคืน และหลังจากขัดถูจนสะอาดแล้ว เธอก็จะเหงื่อออกอีกครั้งและวนซ้ำไปซ้ำมา
ท้ายที่สุด มันก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
แต่มันกลับทำให้เธอร้องไห้ซะมากกว่า
เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงคนพูดที่ประตู
เธอคอยฟังอย่างระมัดระวัง และได้ยินเสียงของเสิ่นอี้โจวที่กำลังคุยกับอาเซียงและอาจ้วงอยู่
โดยไม่ได้คาดคิด เซี่ยชิงหยวนก็ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อยืนขึ้น แต่จู่ ๆ ร่างกายของเธอก็เดินกะโผลกกะเผลก
มันไร้เรี่ยวแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันที
โชคดีที่มีพรมบนพื้นเธอจึงไม่เจ็บอะไร
เสิ่นอี้โจวได้ยินเสียง เขาจึงเปิดประตูและเดินเข้ามา
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่บนพรม มุมปากของเขาก็อดยิ้มไม่ได้
เขาเดินเข้ามาพยุงอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแล้ววางเธอลงบนเตียง
เขาถามว่า “คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เซี่ยชิงหยวนกลอกตามองไปที่เขา “คุณคิดว่ายังไงล่ะ!”
ความอึดอัดเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ทำให้เธอเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง
ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนออกแรงแท้ ๆ แต่ทำไมเธอถึงเหนื่อยกันล่ะ?
ดวงตาและคิ้วของเสิ่นอี้โจวโค้งขึ้นเพราะรอยยิ้มที่มุมปาก “ก็ได้ ๆ ผมผิดไปแล้ว ครั้งหน้าผมจะระวังให้มากกว่านี้”
ขณะพูด เขาก็ลูบต้นขาของเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ “แถวนี้ไม่สบายด้วยหรือเปล่า ผมนวดให้คุณดีไหม?”
เซี่ยชิงหยวนปัดมือของเขาในทันที “มีคนอยู่ข้างนอกนะ!”
เสิ่นอี้โจวสวมเสื้อผ้าให้เธอแล้ว และตอนนี้หญิงสาวก็กำลังหาทางลุกขึ้นจากเตียง
เธอกระวนกระวาย “อาเซียงกับอาจ้วงมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เธอยังคงต้องสอนพวกเขาอ่านคำศัพท์อีก
เสิ่นอี้โจวประคองตัวเธอ “ไม่ต้องห่วง ผมสอนพวกเขาเรียบร้อยแล้ว”
เซี่ยชิงหยวน “หือ?”
เธอคว้านาฬิกาบนโต๊ะขึ้นมาทันที เก้าโมงแล้ว!
เธอจดจ้องไปยังผู้ร้ายตรงหน้า “แล้วทำไมคุณยังอยู่ที่นี่อีก?”
เสิ่นอี้โจวพูดอย่างจริงจัง “คุณยังไม่ตื่น ผมเลยเป็นห่วง”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
เธอยื่นมือออกไปผลักเขา “งั้นตอนนี้คุณไปทำงานได้แล้ว”
เมื่อเห็นดังนั้น ชายหนุ่มก็แย้มยิ้มออกมา “ชิงหยวน คุณใจร้ายมากเลยนะ”
เซี่ยชิงหยวน “ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณหรอกรึไง?”
เสิ่นอี้โจวส่ายหน้า “ไม่ คุณแค่ผลักไสเมื่อใช้งานผมเสร็จแล้ว”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอนวดหน้าผากของตัวเองแล้วชี้ไปที่ประตู “คุณออกไปเร็ว ๆ เลย”
พวกเขาอยู่ในห้องนานเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าอาเซียงและคนอื่น ๆ จะคิดยังไง
ใครจะรู้ว่าความกังวลของเธอไม่จำเป็นเลย
เมื่อเธอเดินออกไปอย่างเร่งรีบ อาเซียงและอาจ้วงก็กำลังกลับกันแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ผักที่เด็กทั้งสองนำมาก็ล้างเสร็จเรียบร้อย
เสิ่นอี้โจวยังคงตีหน้านิ่งและพูดว่า “วันนี้คุณไม่ค่อยสบาย ฉะนั้นพักผ่อนเถอะ ระหว่างไปทำงานผมจะส่งพวกเขาออกไปเอง”
อาเซียงกับอาจ้วงก็ดูมีความสุขมากเช่นกัน พวกเขารู้เพียงว่าเสิ่นอี้โจวทำงานอยู่ในศาลากลาง แต่เด็กทั้งสองไม่รู้ว่าชายหนุ่มเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงขนาดนี้ เมื่อพวกเขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโทรหาเซี่ยชิงหยวนเมื่อเช้านี้ เสิ่นอี้โจวกลับเป็นคนรับสาย ยิ่งกว่านั้นเจ้าหน้าที่คนนั้นยังเรียกเสิ่นอี้โจวว่า ‘เลขาธิการ’!
มันคือตำแหน่งข้าราชการระดับสูงของศาลากลางไม่ใช่เหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น พี่เขยคนนี้ของพี่เซี่ยไม่เพียงไม่ถือตัวเท่านั้น แต่ยังใจดีกับพวกเขาอีกด้วย นอกจากนี้ยังสอนให้พวกเขารู้หนังสือ!
ที่สำคัญกว่านั้น เขายังล้างจานด้วย ถ้าเป็นที่บ้านของพวกเขา ถ้าพ่อช่วยแม่ทำงาน ชาวบ้านคนอื่น ๆ จะหัวเราะเยาะแน่นอน
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนซีดมากในตอนนี้ ดังนั้นอาเซียงกับอาจ้วงจึงเชื่อสนิทใจว่าเธอไม่สบาย พวกเขายังพูดว่า “พี่เซี่ย กลับไปพักผ่อนเร็ว ๆ เถอะ พี่ดูซีดเซียวมากเลย”
อาเซียงพูดอีกครั้ง “หรือให้ฉันไปโรงพยาบาลกับพี่ไหมคะ”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “ฉันแค่พักสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว พวกเธอกลับไปกันเถอะ วันนี้ฉันขอไม่ออกไปส่งก็แล้วกันนะ”
ตอนนี้เธอต้องการอยู่เงียบ ๆ
หลังจากที่ทุกคนออกไป เซี่ยชิงหยวก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและส่องกระจก
เธอแทบกรีดร้องกับสภาพของตัวเองในกระจกที่เหมือนกับผีสาว!
ใบหน้าซีดเซียว เบ้าตาดำคล้ำ จะเป็นอะไรไปได้ถ้าเธอไม่ใช่ผีสาว?
เธอดึงเสื้อผ้าลงดูที่ไหปลาร้า เหนือขึ้นมาก็ดูปกติดี แต่พอมองลงไปด้านล่างของไหปลาร้ามันมีรอยจ้ำสีม่วงเต็มไปหมด ซึ่งดูคลุมเครือมาก ๆ
เซี่ยชิงหยวนเริ่มเสียใจที่ปล่อยให้เสิ่นอี้โจวทำตามใจชอบ เพราะเธอคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
แต่เมื่อเห็นชุดนอนที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า เธอก็รู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก
ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวกลายเป็นความลำบากชั่วนิรันดร์!
เธอไม่ควรโลภจนอยากได้ผู้ชายเลย!
…
เซี่ยชิงหยวนเริ่มต้นทำสลัดหน่อไม้หลังจากหยุดพัก
เสิ่นอี้โจวนำอาเซียงและคนอื่น ๆ ปอกเปลือกหน่อไม้ไว้ให้แล้ว หญิงสาวจึงทั้งหั่นและฉีกหน่อไม้ ก่อนจะนำไปลวกด้วยน้ำร้อนจนสุก
พอมันเย็นลง หญิงสาวก็ใส่น้ำสลัดของสลัดเย็นลงไป คลุกเคล้าก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
วันนี้เธอมีสลัดผักหนึ่งร้อยจินกับสลัดหน่อไม้เย็นอีกสิบห้าจินที่เธอแบ่งมาทำเพียงส่วนน้อยก่อน เพื่อลองตลาด
แต่การขายในวันนี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เซี่ยชิงหยวนคิด
เมื่อเธอมาถึง ก็มีคนตั้งแผงขายอยู่ตรงจุดที่ปกติเธอจะตั้งขายอยู่ทุกวันแล้ว
เป็นหญิงวัยกลางคนกับเด็กชายวัยสิบขวบอยู่ข้าง ๆ เธอ
นอกจากนี้ยังขายสลัดเย็นเหมือนกันด้วย
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำขัน
เธอเคยขายเมนูสลัดเย็นอยู่ที่ตลาดแถวสถาบันวิจัยเกือบหนึ่งเดือน ยังไม่ยักจะมีคู่แข่งเลย
ทว่าเพิ่งมาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วัน ก็มีคนเลียนแบบเธอซะแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ยังกล้ามาตั้งแผงขายในจุดที่เธอขายประจำอีกต่างหาก
ตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดการวางแผงขายของที่แน่นอน อีกทั้งรูปแบบการขายของในตลาดยังเป็นแบบใครมาก่อนได้ก่อน เธอย่อมพูดไม่ได้เต็มปากว่าคนเหล่านั้นจงใจมาแทนที่เธอ
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงตระหนักถึงความสำคัญของการมีหน้าร้านอีกครั้ง
อีกฝ่ายก็ขี่รถสามล้อที่มีป้ายกระดาษแข็งเช่นเดียวกันกับเธอ เมื่อมองแวบแรกมันดูเหมือนแผงขายตามปกติของเซี่ยชิงหยวนจริง ๆ
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเซี่ยชิงหยวน เธอก็หันหน้าหนีราวกับว่าเธอไม่มองเห็น
เซี่ยชิงหยวนก็เพิกเฉยอีกฝ่ายเหมือนกัน
เธอเข็นรถสามล้อไปอยู่ข้าง ๆ พวกเขาและวางของรอลูกค้ามาซื้อ
เมื่อเหลือบมองจากหางตา หญิงสาวจึงเห็นว่าทั้งรูปแบบจานและสีสันของอาหารฝั่งตรงข้ามไม่ได้น่าดึงดูดเท่ากับสินค้าของเธอ โดยเฉพาะน้ำมันพริก ซึ่งดูจะไม่กล้าใส่ลงไปเยอะมากนัก จึงทำให้สีสันของอาหารในจานดูอ่อนซีดไม่น่ากินเท่าไหร่นัก
และราคาขายของอีกฝ่ายย่อมต่ำกว่า
ไม่ช้า ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของเซี่ยชิงหยวน
สามเหมาต่อจิน ราคาถูกกว่าเธอตั้งหนึ่งเหมา
ต้องมีหลายคนที่เลือกซื้อของอีกฝ่ายเพราะช่องว่างทางราคานี้แน่นอน
และยิ่งโดยเฉพาะวันแรกที่เพิ่งมาขาย ลูกค้าย่อมน่าจะเปลี่ยนร้านไปลองซื้อของที่ถูกกว่าพอสมควร
ไม่นานนัก เจียงเพ่ยหลานก็มาถึง
เธอเดินกึ่งวิ่ง “ชิงหยวน ฉันขอโทษ วันนี้ลูกสาวฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ฉันก็เลยมาช้า”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่เป็นไร ว่าแต่ลูกสาวของเธออาการดีขึ้นแล้วเหรอ”
เจียงเพ่ยหลานพยักหน้าขณะช่วยเซี่ยชิงหยวนจัดของ “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ฉันพาไปหาหมอแล้วหมอก็จ่ายยาให้เรียบร้อย เพราะงั้นฉันเลยมาช้านิดหน่อย”
จากนั้นเจียงเพ่ยหลานก็สังเกตเห็นร้านเลียนแบบข้าง ๆ เธอรู้สึกประหลาดใจ “ชิงหยวน ร้านที่อยู่ข้าง ๆ นี่คือ?”
ท่่าทางของเซี่ยชิงหยวนยังคงเป็นปกติ “ก็อย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ”
เจียงเพ่ยหลานสังเกตแม่ลูกตรงแผงขายของข้าง ๆ และทันใดนั้นเธอก็ดูจะนึกบางอย่างออก “อา พวกเขาคือภรรยากับลูกชายของร้านขายของชำนั่นไม่ใช่เหรอ?”