กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 112 เป็นเพราะคุณ
บทที่ 112 เป็นเพราะคุณ
บทที่ 112 เป็นเพราะคุณ
เสี่ยวหลิวหยุดรถ จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็ก้าวขายาว ๆ ของเขาลงมา
เขาเดินไปทางด้านข้างของเซี่ยชิงหยวน โดยเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าวพร้อมกับรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า “ทำไมวันนี้คุณมาช้ากว่าปกติล่ะ?”
เมื่อเห็นท่าทางสดชื่นของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็จ้องมองเขาด้วยความหงุดหงิด “คุณหัวเราะอะไร มีเรื่องอะไรตลกรึไงคะ?”
ตั้งแต่ตื่นเช้ามา เขาก็จะยกยิ้มเสมอเมื่อเห็นเธอ
เสิ่นอี้โจวเกาจมูกตัวเองอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ก็ได้ ๆ ผมจะไม่หัวเราะแล้ว”
เขาโบกมือส่งสัญญาณให้เสี่ยวหลิวขับรถกลับไปก่อน
จากนั้นเขาก็กล่าวกับเซี่ยชิงหยวนว่า “มาเถอะ ผมจะพาคุณกลับบ้านเอง”
เซี่ยชิงหยวนโบกมือ “ไม่ต้องหรอก ฉันขี่เองได้”
เสิ่นอี้โจวคิดเพียงว่า อีกฝ่ายคงกำลังหงุดหงิดเขาอยู่เพราะเรื่องราวเมื่อคืน
เขาจับมือเธอแล้วเขย่าเบา ๆ “ก็ได้ ผมผิดไปแล้ว คุณอย่าโกรธเลยนะ”
ใครจะจินตนาการได้ว่าเสิ่นอี้โจวซึ่งสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร จะกะพริบตาปริบ ๆ และทำตัวเหมือนเด็กกับเธอแบบนี้?
เซี่ยชิงหยวนย่อมคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก
แต่ตอนนี้เธอเห็นมันด้วยตาตัวเองแล้ว
เธอชักมือออกด้วยความตกใจ “ปล่อยเลย ฉันไม่ได้โกรธคุณสักหน่อย”
มีคนเข้าออกที่ประตูใหญ่อยู่เรื่อย ๆ การปล่อยให้คนอื่นเห็นเรื่องแบบนี้ ย่อมทำลายชื่อเสียงของเธอในฐานะภรรยาของเลขาธิการได้
เสิ่นอี้โจวเมินการจ้องมองของคนอื่น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องธรรมดามาก
เขาจับมือเธอแน่น จับจ้องคิ้วและดวงตาของเธออย่างพินิจพิเคราะห์ “คุณไม่โกรธจริงนะ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าซ้ำ ๆ “ใช่ ฉันไม่ได้โกรธ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดีมาก งั้นผมให้สัญญาว่าครั้งหน้าผมจะยอมให้คุณอยู่ข้างบนแทน!”
เซี่ยชิงหยวน “!”
ทันใดนั้น เธอจำได้ราง ๆ ว่าเมื่อคืนนี้เพราะอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เธอจึงตะโกนพูดกับเขาว่า “ไม่ ฉันอยากอยู่ข้างบนบ้าง!”
แม้ว่าเธอจะใส่เสื้อนอนชุดนั้นที่แก้ใหม่ไม่ได้ เธอก็ยังต้องรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเอง
อย่างน้อย เธอก็ยังเอาชนะเขาได้สักยกหนึ่งด้วยวิธีนี้
แต่เสิ่นอี้โจวย่อมไม่พลาดโอกาสเด็ดขาด ขณะที่จูบเธอเมื่อคืน เขาก็โน้มน้าวเธอทั้งทางร่างกายและวาจา “ตกลง ครั้งหน้านะ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวอย่างแรง “ไม่เอาคราวหน้า! ฉันจะเอาตอนนี้!”
เสิ่นอี้โจวกล่าว “แต่ตอนนี้คุณหมดแรงแล้ว”
เขาจับเอวเธอ “ดูสิ มันตั้งนิ่ง ๆ ยังไม่ได้เลย คุณเห็นไหม”
เธอเอื้อมมือไปปิดปากของเขาอย่างรวดเร็ว “เงียบไปเลย!”
พระเจ้า โปรดทำให้เขาหยุดพูดทีเถอะ!
ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วหรือไง!
ใช่ ถ้าพูดให้ชัดคือเขาบ้าไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้!
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ
เขาปล่อยมือเธอในที่สุด “ตกลง ผมจะไม่พูดแล้ว”
เขาช่วยเธอก้าวขึ้นไปที่เบาะหลังของจักรยานสามล้อ แล้วคร่อมขึ้นถีบด้วยตัวเอง
เขาพูดว่า “จับให้ดี ๆ ล่ะ ผมกำลังจะเริ่มแล้ว!”บราวนี่ออนไลน์
เซี่ยชิงหยวนทำตามคำพูดของเขา แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้เพราะคำพูดของอีกฝ่าย!
เธอจับเสาที่หัวเตียงในขณะที่เขาอยู่ข้างหลัง แล้วเขาก็สั่งเธอแบบเดียวกันนี้
แก้มของเธอแดงราวกับแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า และเธอกำลังจะมอดไหม้
หญิงสาวตีแผ่นหลังของอีกฝ่ายทันที “ให้จับอะไรแบบไหน! คุณยังคิดว่านี่มันคือการขี่จักรยานสามล้ออยู่หรือเปล่าฮะ!”
เซี่ยชิงหยวนตีเขาอย่างแรงจนเกิดเสียง “แปะ” ดังไปทั่ว
แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนตัวตรงและไม่กล้ามองทางด้านข้างอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เลขาธิการผู้มีใบหน้าเย็นชาคนนั้นกลับกลัวภรรยาของเขาจริง ๆ
เสิ่นอี้โจวไม่นึกโกรธเลย
เขายกยิ้มมุมปากพร้อมกับพูดว่า “ก็ได้ ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบให้ใครมาสั่ง งั้นผมจะไม่พูดแล้ว”
…
หลังจากอาบน้ำในคืนนั้น เสิ่นอี้โจวก็นำอ่างน้ำเข้ามาให้เซี่ยชิงหยวนในห้อง
เขาพูดว่า “ผมเห็นว่าวันนี้คุณค่อนข้างเหนื่อย มาแช่เท้าหน่อยเถอะ คุณจะได้รู้สึกสบายขึ้น”
เซี่ยชิงหยวนชำเลืองมองไปทางชายหนุ่ม ก่อนจะเห็นว่าดวงตาของเขาดูใสซื่อมาก ราวกับวันนี้เขาไม่ได้วางแผนอะไรไว้จริง ๆ
เธอตอบว่า “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะ”
เธอยอมรับว่าหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน การแช่เท้าในน้ำร้อนมันช่างสบายดีจริง ๆ
เสิ่นอี้โจวย้ายเก้าอี้ตัวเตี้ยมานั่งหน้าอ่างแช่เท้าของหญิงสาว
จากนั้นเขาก็ถกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นลำแขนแกร่ง
เซี่ยชิงหยวนก้มมองแขนของเขาและเริ่มครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
จากนั้นเธอก็รีบมองไปทางอื่น
เสิ่นอี้โจวดูจะไม่สังเกตเห็นอารมณ์ของเธอ
เขาจับเท้าข้างหนึ่งของเธอ นวดเบา ๆ ตั้งแต่น่องถึงข้อเท้า
ขาของเธอขาวเนียน ส่วนนิ้วของชายหนุ่มก็ทั้งเรียวยาวและแข็งแรง
เส้นเลือดที่หลังมือของเขาปูดขึ้นตามทิศทางของนิ้ว และหายไปในผิวหนังในที่สุด
การทำงานหนักหลายปีไม่ได้ทำให้มือของเขาหยาบกร้าน แต่กลับมีพลังมากขึ้น
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง มือของเสิ่นอี้โจวคือมือของศิลปินโดยแท้
เพื่อทำให้บรรยากาศคลุมเครือน้อยลง เซี่ยชิงหยวนจึงกระแอมไอในลำคอและถามว่า “จริงสิ ฉันลืมถามคุณไปเลย ความสัมพันธ์ของคุณกับคนคนนั้นที่อยู่ในจังหวัดนี้เป็นมายังไง” เธอเคยแต่ได้ยินเสิ่นอี้โจวชื่นชมคนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนี้ แต่เธอไม่เคยทราบรายละเอียดเลย
มือของเสิ่นอี้โจวหยุดชะงัก ก่อนที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ทำไมจู่ ๆ คุณถึงถามเรื่องนี้?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “มันเกี่ยวกับคุณไม่ใช่เหรอคะ?”
เสิ่นอี้โจวขยับมือและนวดต่อไป “ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ผมเคยได้รับรางวัลจากเขา ต่อมาผมก็ได้ไปศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่ง และก็โชคดีที่ได้พบเขาอีกครั้งในขณะที่ทำวิจัย ต่อมาเขายังแนะนำให้ผมได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกลาง”
เซี่ยชิงหยวนดูจะเข้าใจเล็กน้อย “ดังนั้น พอคุณจบมหา’ลัย ฉันได้ยินมาว่าคุณมีงานรองรับในเมืองหลวงแล้ว มันเป็นเรื่องจริงไหมคะ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่”
เซี่ยชิงหยวนสับสน “แล้วทำไมคุณไม่ทำงานที่เมืองหลวงล่ะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า”แล้วถ้าผมบอกว่าผมเลือกที่นี่เพราะคุณล่ะ”
ก่อนที่เขาจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แม่สื่อในหมู่บ้านได้มาที่บ้านเขาแล้ว
ในเวลานั้น หลินตงซิ่วได้ถามเขาว่าเซี่ยชิงหยวนจากหมู่บ้านซิ่งฮวาดูคนเป็นยังไง
โดยไม่มีใครรู้ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็คิดถึงแต่เรื่องของเธอ
ขณะนี้ ดวงตาดุจนกฟีนิกซ์ที่เย็นชาของเขากลายเป็นจริงจังผิดปกติ ราวกับเขามีคำบอกรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งเขาต้องการบอกแค่กับเธอ แค่เธอคนเดียวเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ
แม้ภายนอกพวกเขาจะเป็นคู่รักที่แต่งงานกันมานานกว่าหนึ่งปี แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาคือคู่แต่งงานที่มีอายุรวมกันถึงสองชั่วอายุคน
แต่ทำไมเมื่อมองหน้าเขา เธอกลับรู้สึกแตกต่างจากที่เธอจำได้ในชาติที่แล้ว?
ตัวบุคคลไม่ได้เปลี่ยนไป แต่วิธีการแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับเสิ่นอี้โจวเมื่อชาติที่แล้ว คำเหล่านี้เขาจะไม่มีทางพูดแม้ว่าจะถูกฆ่าก็ตาม
แม้แต่ในชาติก่อน เมื่อเขายืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของเธอ เขาก็ยังคงนิ่งเงียบ
เธอได้ยินเสียงตัวเองสั่นเมื่อถามอีกฝ่าย “ทำไม”
ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้จักกัน
เสิ่นอี้โจวเช็ดน้ำในมือของเขาและจับมือเธอ “ผมรู้จักคุณมานานแล้ว”
มีเสียงเหมือนระเบิดดัง ‘บึ้ม!’ ในใจของเซี่ยชิงหยวน
เขาบอกว่ารู้จักเธอนานมาแล้วงั้นเหรอ?
ปฏิกิริยาแรกของเธอคือตอนที่ตัวเองถูกจับได้ว่าแอบดูเขาเล่นฮาร์โมนิก้า
หรือเขารู้ว่าเธอเคยแอบดูตัวเองที่โรงเรียนมาก่อน?
เซี่ยชิงหยวนกลัวที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อย
เธอกำชายเสื้อผ้าอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบมองคุณสักหน่อย…”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็เลิกคิ้วขึ้น “หือ?”
เซี่ยชิงหยวนคิดว่าเขากำลังรุกไล่ถาม ดังนั้นเธอจึงพูดเสียงดังว่า “ก็ได้! ตอนอยู่โรงเรียนฉันเคยแอบมองคุณ!”
จากนั้นเธอยื่นนิ้วออกมาแล้วทำท่าทางเป็นเลข ‘สาม’
ทันทีที่รู้สึกว่าไม่ครบ เธอก็โบกมือไปมา
ทว่าสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ ยื่นมือทั้งสองข้างออก กระทั่งยกเท้าที่วางอยู่ในอ่างเช่นกัน
เธอก้มศีรษะ “อืม ๆๆๆ ฉันยอมรับก็ได้ว่ามันหลายครั้งมาก!”
เธอจ้องเขาอย่างดุดัน “รู้แล้วยังไงล่ะ? คุณจะทำอะไรฉันได้อีก? ตอนนี้คุณเป็นคนของฉันแล้ว!”
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวไปข้างหน้าและจูบริมฝีปากของเธอ คิ้วและดวงตาของเขาฉายชัดถึงความอ่อนโยน ชายหนุ่มแตะปลายจมูกของเธอด้วยจมูกของเขา “เด็กโง่ของผม”
เซี่ยชิงหยวนปิดจมูกของเธอ “คุณสิโง่”
เสิ่นอี้โจวหัวเราะ “พอได้รู้เรื่องนี้ผมดีใจที่สุดเลยรู้ไหม”
ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะแอบมองเขาหลายครั้ง
เซี่ยชิงหยวนตกตะลึง “หา นี่แปลว่าคุณไม่เคยรู้เลยเหรอ”
เสิ่นอี้โจวหัวเราะ “ตอนนี้ผมรู้แล้ว”
เซี่ยชิงหยวนปิดหน้าของเธอ “คุณโกหกฉันนี่!”
จากนั้นหญิงสาวก็รู้สึกเย็นจาง ๆ ที่บริเวณหลังมือของเธอ พร้อมกันนั้นชายหนุ่มก็ถอนหายใจ “ชิงหยวน เดิมทีผมคิดว่าจะให้คุณพักผ่อนในคืนนี้”
เซี่ยชิงหยวน “ฮะ?”