กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 116 พลอดรัก
บทที่ 116 พลอดรัก
บทที่ 116 พลอดรัก
เมื่อเห็นว่าเป็นเซี่ยชิงหยวน เสิ่นอี้โจวก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน
เขารับกล่องข้าวกลางวันหนัก ๆ มาจากมือของเซี่ยชิงหยวน และพูดทั้งรอยยิ้มว่า “เอากับข้าวมาให้ผมในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ มันลำบากอยู่นะ”
ทั้งที่เพิ่งจะบอกผ่านทางโทรศัพท์ไปเมื่อครู่แท้ ๆ แต่เซี่ยชิงหยวนก็ยืนกรานว่า จะไม่ให้เขาเจตนารมณ์ของเธอ
ขณะเปิดกล่องข้าวให้เขา เซี่ยชิงหยวนก็เอ่ยขึ้นมาว่า “วันนี้ฉันทำอาหารไว้เยอะมาก ก็เลยเอามาแบ่งกับคุณ อีกอย่างมันก็ไม่ได้หนักหนาสำหรับเสี่ยวหลิวที่จะพาฉันมาส่งที่นี่”
เธอยิ้ม “นอกจากนี้ อาหารมื้อนี้ก็ไม่ได้ให้เปล่า คุณต้องให้ความเห็นหลังจากกินเสร็จแล้วด้วย”
เสิ่นอี้โจวยิ้มและพยักหน้า “คุณจะทำขายด้วยใช่ไหม”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าก่อนจะชี้ไปที่ปลาจี้ราดพริกและสลัดมะเขือยาว “สองเมนูนี้เป็นอาหารจานใหม่ที่ฉันเพิ่งทำ ส่วนอาหารจานเนื้อคือปลาจี้ราดพริกเย็น ฉันขายมันหลังจากมีหน้าร้านแล้ว”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “การบรรทุกผักเทียวไปเทียวมาก็ลำบากจริง ๆ นั่นล่ะ”
ยิ่งกว่านั้น ความจุในการขนผักของรถสามล้อก็มีจำกัด และเหมาะกับการขายของในปริมาณมากทีเดียว
เซี่ยชิงหยวนเร่งเร้าเขาอย่างมีความหวัง “ลองชิมเร็ว ๆ ได้ไหมคะ”
เสิ่นอี้โจวคีบปลาขึ้นมาด้วยตะเกียบ แล้วยัดใส่ปากตัวเอง
รสสัมผัสแรกเป็นซอสที่มีความเผ็ดร้อน เค็ม และเจือพริกไทยเล็กน้อย
เนื้อปลาเองก็ละลายยามแตะถูกลิ้น รสชาติสดใหม่และหวานปะแล่มของปลาแผ่ซ่านทั่วปลายลิ้น ทำเอาผู้คนอดไม่ได้ที่อยากจะกินมันอีกสักคำ
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา “อร่อยมากเลย ผมเริ่มกังวลแล้วสิว่าวันนี้คุณอาจจะนำอาหารมาไม่เพียงพอ”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้วเล้กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นอี้โจว
เสิ่นอี้โจวไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องความอยากอาหาร การได้รับการประเมินจากเขาแบบนี้แสดงว่ามันอร่อยมากจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ฉันรอที่จะเปิดหน้าร้านไม่ไหวแล้ว”
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “คุณอยากให้ผมช่วยหาไหม”
หญิงสาวพึมพำ “ก็ได้ค่ะ คุณช่วยหาร้านเช่าที่อยู่ตรงหน้าตลาดขายผักให้หน่อยนะคะ และหากอยู่ใกล้กับทางเข้าตลาดจะดีที่สุดค่ะ”
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะทำให้ผู้คนที่เดินเข้าออกเห็นร้านได้ทันที
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย “ได้สิ ผมจะดูให้นะ”
ขณะที่เสิ่นอี้โจวกำลังกินข้าว เซี่ยชิงหยวนก็มองสำรวจห้องทำงานของอีกฝ่าย
ห้องทำงานของเขาไม่ได้หรูหราอย่างที่คิด แต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
เมื่อยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เธอจะมองเห็นประตูใหญ่ของศาลากลางได้ด้วย
ทว่าจังหวะที่หญิงสาวหันกลับมา เธอพลันเห็นร่างที่คุ้นตา
เงาร่างนั้นเดินเร็วมาก ขณะมองไปรอบ ๆ ราวกับเกรงว่าจะถูกใครเจอตัว
มีแววเยาะหยันผุดขึ้นที่มุมปากของหญิงสาว จากนั้นเธอเดินไปนั่งที่โต๊ะ
เสิ่นอี้โจวเพิ่งจะกินข้าวเสร็จและกำลังจะลุกเอากล่องข้าวไปล้าง
ทว่าเซี่ยชิงหยวนหยุดเขาไว้ “ฉันจะเอามันกลับบ้านแล้วล้างทีหลัง”
เสิ่นอี้โจวหยิบกล่องข้าวมาถือ “คุณทำอาหารแล้ว ไม่ต้องเอามันไปล้างเองหรอก”
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำในห้องทำงาน มีอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดง่าย ๆ อยู่บนอ่างล้างหน้า
เซี่ยชิงหยวนพบว่าห้องทำงานนี้ยังมีห้องเล็ก ๆ อยู่ข้างในและมีเตียงอยู่ในนั้นด้วย
เซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ข้างเตียง ก่อนจะถอนหายใจ “ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามีห้องนอนส่วนตัวในที่ทำงานของคุณด้วย”
เสิ่นอี้โจวล้างกล่องข้าวกลางวัน เติมน้ำครึ่งแก้วและบ้วนปาก
จากนั้นเขาหันกลับมาและพูดว่า “ทำไมคุณไม่พักผ่อนอยู่ที่นี่สักพัก แล้วค่อยกลับไปช่วงบ่ายล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มออกมา
เธอเอียงศีรษะ “คุณไม่กลัวถูกเห็นเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวเช็ดมือให้สะอาด จากนั้นเขาก็เดินมาหาเธอด้วยท่าทางเกียจคร้าน “ก็แค่พักผ่อนจะไปกลัวอะไร หรือคุณต้องการทำอย่างอื่นด้วย?”
เซี่ยชิงหยวนมองเขาด้วยความหงุดหงิด “คุณพูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว! ”
เสิ่นอี้โจวในเวลาปกติจะดูเป็นคนสำรวม ไม่แยแสต่อความเป็นไปทางโลก แต่ใครจะรู้เล่าว่าตอนที่ประตูบานนั้นเปิดออก จะปล่อยผีหิวโซอายุร้อยปีออกมา
ชุดนอนตัวนั้นของเธอในตอนนี้ก็ยังคงพับเก็บอยู่ในตู้เสื้อผ้าอยู่เลย และหญิงสาวยังไม่มีเวลาเอามันออกมา
เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างกายของเขาสูงใหญ่ราวขุนเขา เมื่อจ้องมองดวงตาคู่นั้น มันคล้ายกับเธอสัมผัสได้ถึงทิวทัศน์และดวงจันทร์กระจ่าง
เขาพูดว่า “คุณพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมให้เสี่ยวหลิวมาพาคุณกลับบ้านทีหลัง”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มพลางจ้องตาของเขา “อยากให้ฉันนอนที่นี่จริง ๆ เหรอ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ อยู่กับผมก่อน”
หญิงสาวยื่นนิ้วมาเกี่ยวไขว้กับอีกฝ่าย ขณะกำลังจะพูดนั้นเอง เธอกลับเหลือบไปเห็นร่างหนึ่งวูบไหวอยู่เบื้องหลังบานประตูผ่านหางตาเสียก่อน
ท่าทางของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนไปทันที
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดพร้อมกับยิ้มว่า “แต่เตียงของคุณเล็กเกินไป”
ห้องทำงานนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เตียงนอนจึงมีความกว้างแค่ 1.2 เมตรเท่านั้น
ทว่าชายหนุ่มกลับกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ผมนอนกอดคุณเอาก็ได้”
ประโยคนี้ของเสิ่นอี้โจวกระทบโสตของจางอวี้เอ๋อที่เดินเข้ามาในห้องเงียบ ๆ
เธอตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เสิ่นอี้โจวดูเย็นชาอยู่เสมอ และเขามักจะจริงจังเสมอเวลาพูดจากับใคร
แต่เธอไม่เคยได้ยินเขาใช้น้ำเสียงออดอ้อนเช่นนั้นกับคนอื่นมาก่อนเลย
ราวกับมีรอยยิ้มแฝงไว้ในน้ำเสียงทุ้มนุ่ม และหางเสียงสูงท้ายประโยคนั้นเต็มไปด้วยความหยอกเย้า
ใช่ เธอได้ยินเสียงออดอ้อนประหนึ่งว่าเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งจากเขาจริง ๆ!
เธอถืออาหารจากโรงอาหารไว้ในมือ แต่นิ้วของเธอกลับจิกผิวกล่องข้าวแน่นจนเล็บกลายเป็นสีขาวซีด
เธอถึงกับคิดเหตุผลในการมาที่นี่ไว้แล้วด้วยซ้ำ
เธอกระทั่งจินตนาการว่าเซี่ยชิงหยวนอาจนั่งมองดูเสิ่นอี้โจวกินอาหารเที่ยงอยู่ข้าง ๆ และเขาคงจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นแน่
เธอเคยได้ยินจางอวี้เจียวบ่นเกี่ยวกับทักษะการทำอาหารของเซี่ยชิงหยวน ฉะนั้นอาหารที่เขากำลังกินจะต้องมีรสชาติแย่มากเป็นแน่
หญิงสาวถึงกับมั่นใจว่าชายหนุ่มจะต้องไม่เต็มใจกินมันแน่ ๆ
หรือไม่ เซี่ยชิงหยวนก็อาจจะนำมันไปทิ้ง
แต่จางอวี้เอ๋อไม่เคยคิดว่าตัวเองจะจับได้ว่าทั้งสองกำลังพลอดรักกัน
เธอรู้สึกอับอายในใจ และแก้มของเธอก็ขึ้นสีแดงอย่างอธิบายไม่ได้
คำพูดนั้นของเสิ่นอี้โจว ราวกับเขากำลังพูดกับเธอ
ทว่าก่อนจะทันได้จินตนาการเตลิดไปไกลกว่านี้ ชายหนุ่มกลับเจอตัวเธอเข้าเสียแล้ว
ดวงตาดุจนกฟีนิกซ์ซึ่งฉายแววรักใคร่เมื่อครู่พลันกลายเป็นเฉยชาระคนโกรธขึ้ง ซึ่งดูจะรำคาญใจเพราะถูกคนรบกวน
เขาเดินออกมาจากห้อง และมองเธอด้วยสีหน้ามืดมน “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”
หลังเขาเดินออกมาจากห้องนอน เซี่ยชิงหยวนก็เดินตามมาทางด้านหลังเขาเช่นกัน
เธอยืนอยู่ข้างเสิ่นอี้โจว ขณะจ้องมองจางอวี้เอ๋ออย่างเย้ยหยัน บรรยากาศพลันเย็นเยียบ ทว่าหญิงสาวกลับไม่เอ่ยสิ่งใด
เสิ่นอี้โจวกำลังรอคอยคำตอบของเธอ จนจางอวี้เอ๋อรู้สึกอับอาย
จนกระทั่งหญิงสาวสัมผัสถึงความอุ่นที่ฝ่ามือ เธอจึงนึกถึงข้ออ้างที่ตัวเองเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นมาได้
เธอยกกล่องข้าวในมือขึ้นแล้วยิ้ม “ฉันเห็นว่าพี่ไม่มาที่โรงอาหารตอนเที่ยง ฉันเลยคิดว่าพี่อาจจะติดงาน แล้วก็กังวลว่าพี่จะไม่ได้กินข้าว ฉันเลยเอาข้าวมาให้พี่ที่นี่ พี่เขยไม่โกรธฉันใช่ไหม?”
คำตอบของเธอทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ
เสิ่นอี้โจวมีใบหน้าบูดบึ้งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบของเธอ
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินข้อแก้ตัวแบบขอไปทีนี้
จากนั้นเธอก็พูดว่า “อี้โจว มีคนเป็นห่วงคุณด้วยล่ะ ดูท่าฉันคงจะไม่ควรมาส่งอาหารให้คุณจริง ๆ ล่ะนะ”