กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 117 ตรรกะป่วย
บทที่ 117 ตรรกะป่วย
บทที่ 117 ตรรกะป่วย
เสิ่นอี้โจวหันกลับมาก่อนจะจับมือของเซี่ยชิงหยวน “ไม่ใช่สักหน่อย”
จากนั้นเขามองไปยังจางอวี้เอ๋ออีกครั้ง “เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?”
หัวใจของจางอวี้เอ๋อสั่นสะท้าน เพราะสายตาของอีกฝ่าย
เธอเม้มปากแน่น “ฉัน…”
เธอพยายามหลบสายตา
แต่ภายใต้การจ้องมองของเสิ่นอี้โจว เธอไม่สามารถโกหกได้แม้แต่คำเดียว
เธอก้มศีรษะลงด้วยความคับข้องใจ “เลขาธิการเสิ่น…”
เสิ่นอี้โจวพูดอีกครั้ง “ที่ทำงานของผมเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเข้ามาได้ตามต้องการหรือไง!”
ลำดับชั้นของศาลากลางนั้นชัดเจน และจางอวี้เอ๋อในฐานะพนักงานธรรมดาของโรงอาหาร ไม่สามารถขึ้นมาชั้นสองได้ถ้าไม่ลงทะเบียนแจ้งความจำนงก่อน
หรือพูดง่าย ๆ ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาที่นี่
แม้บางครั้งผู้นำจะไม่ไปที่โรงอาหารเพื่อรับประทานอาหาร แต่ก็จะมีพนักงานพิเศษที่ได้รับหน้าที่เฉพาะเพื่อจัดส่งอาหารมาให้
สรุปแล้ว ทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้มันเป็นการล้ำเส้นอย่างอุกอาจ
เดิมทีเธอต้องการโต้แย้ง แต่ไม่คิดเลยว่าเสิ่นอี้โจวจะพูดกับเธออย่างไร้เยื่อใยแบบนี้
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ไม่ได้ปฏิบัติต่อเธออย่างที่คนเป็นพี่เขยหรือญาติพึงกระทำ แต่เป็นข้าราชการระดับสูงของศาลากลางต่างหาก
แผนการและความกล้าหาญของเธอก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องตลกต่อหน้าเสิ่นอี้โจวเสียแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของจางอวี้เอ๋อก็ซีดเผือด
ระหว่างที่เรื่องราวกำลังดำเนินไป เซี่ยชิงหยวนยืนมองดูอยู่ทางด้านข้างอย่างเย็นชา
จางอวี้เอ๋อรู้สึกราวกับตัวเองในตอนนี้กลายเป็นตัวตลกในละครที่ตัวเองสร้างขึ้นมา และมีจุดจบที่น่าสังเวชยิ่ง
หญิงสาวทั้งรู้สึกแย่และโมโหอยู่ในใจ
จางอวี้เอ๋อก้มศีรษะลงและพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ฉันขอโทษค่ะ”
จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและกำลังจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน”
เซี่ยชิงหยวนหยุดเธอไว้
จางอวี้เอ๋อไม่หันกลับมา แต่เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจและเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
หญิงสาวมองดวงตาอันแดงก่ำของจางอวี้เอ๋อ ราวกับไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป
จากนั้นเธอก็พูดว่า “พี่รองมาหาฉันเมื่อสองวันก่อน”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด จางอวี้เอ๋อก็กำมือแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เซี่ยชิงหยวนพูดต่อ “งานที่เธอซื้อด้วยเงินเก็บที่หามาได้อย่างยากลำบากของพี่ชายฉัน เธอควรทำมันให้ดี อย่ามัวแต่คิดถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของของตัวเองแบบนี้”
“อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดเหนือกว่าคนอื่น ทุกวันนี้ฉันแค่ขี้เกียจเกินกว่าจะจัดการกับเธอก็แค่นั้น แต่ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันสาบานเลยว่าเธอไม่ทนรับผลของมันไม่ไหวแน่”
จางอวี้เอ๋อย่อมเข้าใจดีว่า อีกฝ่ายกำลังข่มขู่เธออยู่
เธอเงยหน้าอย่างดื้อรั้น แต่กลับพบเข้ากับการจ้องมองของเซี่ยชิงหยวน
เมื่อเผชิญกับดวงตาที่เย็นชาและเบิกกว้างของคนตรงหน้า จางอวี้เอ๋อก็มองเห็นตัวเองที่มีใบหน้าซีดเซียวอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น
ความภาคภูมิใจในอดีตของเธอไม่นับเป็นอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยชิงหยวนในตอนนี้
เมื่อนานมาแล้ว เซี่ยชิงหยวนถูกเธอรังแกจนหนีไปซ่อนตัวและร้องไห้คนเดียว แต่เซี่ยชิงหยวนในตอนนี้กลับกล้ามองเธอด้วยสายตาแบบนี้แล้ว
ในมุมมองของจางอวี้เอ๋อ มันเป็นเพราะเซี่ยชิงหยวนมีสามีเป็นข้าราชการระดับสูง เธอถึงได้กล้าทำตัวแบบนี้บราวนี่ออนไลน์
เธอก้มศีรษะลงโดยไม่เต็มใจ และจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เซี่ยชิงหยวนมองตรงไป จนกระทั่งร่างของจางอวี้เอ๋อหายลับไปหลังประตู
เธอยกยิ้มมุมปากก่อนจะมองไปทางเสิ่นอี้โจว “ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำตอนบ่ายนี้ งั้นฉันขอกลับก่อนแล้วกันนะคะ”
เมื่อเรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็ไม่อาจรั้งเธอได้อีกต่อไป
เขาจับมือเธอ “คนคนนั้นไม่มีค่าพอให้คุณโกรธหรอก ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำอะไรเกินเลยอีก ผมจะหาเหตุผลมาไล่เธอออก”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อืม”
หลังจากนั้น เสิ่นอี้โจวก็เรียกเสี่ยวหลิวให้ไปส่งเซี่ยชิงหยวนกลับบ้าน
หญิงสาวกลับมาถึงบ้านก็งีบหลับเอาแรง ก่อนจะเริ่มเตรียมอาหารที่ต้องขายในช่วงบ่าย
ต่อมาเธอก็เพิ่งนึกถึงเรื่องงานใหม่ของเซี่ยจิ่งเฉิน เธอลืมถามเสิ่นอี้โจวไปเสียสนิท
แต่เธอรู้สึกว่าเสิ่นอี้โจวเป็นคนที่ใส่ใจทุกอย่างเสมอ เขาคงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดมากอีก
…
มะละกอดิบมีเนื้อค่อนข้างแข็ง เธอจึงต้องขูดมันล่วงหน้าแล้วแช่มันในเกลือเพื่อให้ตัวมะละกออร่อยยิ่งขึ้น
จากนั้นสิ่งแรกที่เธอทำคือขูดมะละกอ
ขณะที่แช่มะละกอไว้ในเกลือ เซี่ยชิงหยวนก็นึ่งมะเขือยาวไปพร้อมกันด้วย
เธอผ่าครึ่งมะเขือยาวแล้วใส่ในหม้อนึ่ง
หลังจากนึ่งจนตัวทะเขือเริ่มนิ่มแล้ว เธอก็ปล่อยให้มันเย็น แล้วฉีกเป็นเส้นยาว ๆ คลุกในน้ำสลัดเย็น
เมื่อทำอาหารทั้งหมดเสร็จแล้วเรียบร้อย ก็ได้เวลาเปิดแผงขายของ
เธอนับเวลาดู ก็พบว่าอีกสามวันพวกเขาจะกลับไปยังหมู่บ้านซีสุ่ย
เมื่อหญิงสาวขี่รถไปยังจุดวางแผงลอย เจียงเพ่ยหลานก็เพิ่งมาถึงพอดี
ร้านเลียนแบบที่อยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มขายอย่างเต็มกำลังแล้วเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมวันนี้ถึงมีคนมุงที่ร้านคู่แข่งเยอะกว่าเดิมกันนะ? แต่เมื่อเธอเห็นป้ายร้านของอีกฝ่าย เธอก็เข้าใจในทันที
สองเหมาห้าเฟินต่อหนึ่งจิน
มันถูกลงกว่าเดิมจริง ๆ ด้วย
ในเวลาเดียวกัน เซี่ยชิงหยวนยังเห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ แผงขายของของหญิงวัยกลางคนเป็นพวกลูกค้าหน้าใหม่ที่ไม่เคยเห็นเมื่อวานนี้
สิ่งนี้หมายความว่าอะไร?
คนที่ซื้อสลัดเย็นจากร้านของผู้หญิงวัยกลางคนเมื่อวานนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้ย้อนกลับมาซื้ออีก
แต่แล้วยังไม่ทันที่สลัดเย็นของเซี่ยชิงหยวนจะได้ตั้งขายจนครบ คนที่ซื้อสลัดเย็นจากร้านเลียนแบบของหญิงวัยกลางคนเมื่อวานนี้ ก็มาที่ร้านของเซี่ยชิงหยวน
ลูกค้าหญิงพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “อาหารของคุณอร่อยกว่ามากเลย”
แม้วันนี้ลูกค้าคนนี้จะเห็นว่าร้านเลียนแบบข้าง ๆ ขายถูกกว่าเมื่อวานถึง ห้าเฟิน แต่เธอก็ยังมาที่ร้านของหญิงสาว
เมื่อวานเธออยากลองของที่มีราคาถูกและสดใหม่กว่า จึงซื้ออาหารจากร้านของหญิงวัยกลางคนคนนั้น
แต่เมื่อซื้อมื้อเย็นเหล่านั้นกลับมา ครอบครัวของเธอกลับไม่พอใจอย่างมาก
ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติไม่อร่อยเท่าที่เคยซื้อมาตอนแรก
สามีของเธอยังถามอีกว่าเปลี่ยนคนทำเหรอ?
ลูกของเธอแย่ยิ่งกว่า เด็กน้อยโยนตะเกียบทันที และลั่นวาจาว่าจะไม่กินมันอีก
ยิ่งกว่านั้น หลังจากกินไปเมื่อคืน เธอยังมีอาการปวดท้องอยู่เลย
เซี่ยชิงหยวนไม่ใส่ใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมากนัก เธอทำเพียงยกยิ้ม “เมื่อได้ลองเปรียบเทียบแล้ว ผู้คนจะรู้เองว่าของที่ไหนดีกว่ากัน”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็พูดต่อ “วันนี้ฉันเพิ่งลองทำอาหารเมนูใหม่มา คุณอยากลองไหมคะ”
เดิมที ลูกค้าหญิงคนนี้กำลังละอายใจเพราะเธอเพิ่งซื้ออาหารจากร้านสลัดเก๊ไปเมื่อวานนี้
แต่ด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเองของเซี่ยชิงหยวน เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเด็กหลงทาง แต่กลับได้พบกับพี่สาวใจดีเข้ามาช่วยเหลือ
จากนี้ไป เธอจะซื้อแต่อาหารของร้านนี้เท่านั้น!
ราวกับจะกอดเซี่ยชิงหยวนกลับ ลูกค้าหญิงพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “ลองสิ อาหารของร้านคุณอร่อยที่สุด!”
ไม่หวงเครื่องปรุง! น้ำมันถั่วลิสงก็หอมฟุ้ง!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของลูกค้าหญิง พวกลูกค้าใหม่บางคนที่เบียดเสียดกันที่หน้าร้านเลียนแบบก็มองหน้ากัน แล้วมองดูสลัดเย็นของผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ในกะละมัง จากนั้นจึงเบนสายตาไปทางแผงขายของเซี่ยชิงหยวน
พวกเขาเริ่มเปรียบเทียบว่าจะซื้อร้านไหนดีกว่ากัน
แต่ราคาสลัดของเซี่ยชิงหยวนก็อยู่ที่สี่เหมาต่อหนึ่งจิน ซึ่งราคาแพงกว่ามาก
เซี่ยชิงหยวนไม่รีบร้อน เธอเปิดฝาสลัดเย็นแล้วคนด้วยช้อน
สักพัก กลิ่นหอมของสลัดเย็นก็โชยไปทั่ว
บางคนเริ่มขยับเท้าแล้ว
เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นเช่นนั้น เธอก็เริ่มร้อนรน
เธอวางตาชั่งลงและเดินมายืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยชิงหยวน “อยากขายก็ขายไปสิ ทำไมเธอถึงปล้นลูกค้าของฉันด้วยวิธีสกปรกแบบนี้!”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ
เธอวางช้อนลง “งั้นฉันขอถามกลับหน่อย ไอ้วิธีสกปรกที่คุณบอกว่าฉันใช้มันคืออะไร”
ผู้หญิงคนนั้นสำลักกับคำถามของเซี่ยชิงหยวน ก่อนจะชี้ไปทางลูกค้าสองสามคน ซึ่งเดินออกจากแผงขายอาหารของเธอมายังแผงขายของเซี่ยชิงหยวน “เดิมทีคนเหล่านี้เป็นลูกค้าของฉัน พวกเขามาที่ร้านของเธอ หลังจากถูกเธอชักชวนมา”
เซี่ยชิงหยวนกอดอกและทำหน้าระอาใจ “ลูกค้าทุกคนมีสิทธิ์เลือก ไม่ว่าพวกเขาจะชอบอาหารของคุณหรือของฉัน มันก็ขึ้นอยู่กับความชอบของพวกเขา แต่วันนี้ดูเหมือนพวกเขาบางคนที่ซื้อสลัดเย็นของคุณไปเมื่อวานนี้ จะพบว่าพวกเขายังชอบสลัดเย็นของฉันมากกว่า”
เซี่ยชิงหยวนหยุดพูดชั่วครู่ ขณะดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย “ตอนที่คุณเรียกลูกค้าเมื่อวาน ฉันได้พูดอะไรรึยังคะ? ถ้าว่ากันตามเหตุผล คุณเองก็ใช้วิธีสกปรกไม่ใช่รึไง”
มุมปากของหญิงสาวเหยียดยิ้ม แต่ไม่มีรอยยิ้มในแววตาของเธอเลย “ถ้าคุณไม่มีอะไรจะอ้าง ก็กลับไปที่ร้านของตัวเองได้แล้ว”