กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 119 ชุดนอนตัวนี้ดูดีไหมคะ
บทที่ 119 ชุดนอนตัวนี้ดูดีไหมคะ
บทที่ 119 ชุดนอนตัวนี้ดูดีไหมคะ
สายตาของเขาร้อนแรงเกินไป จนเซี่ยชิงหยวนต้องดึงมือของเธอกลับอย่างรวดเร็ว
เธอแสร้งทำเป็นโกรธและมองเขาอย่างว่างเปล่า “ถ้าคุณอยากทานของว่าง ฉันจะทำให้คุณทีหลังดีไหม?”
เสิ่นอี้โจวส่ายหัว “อาหารว่างไม่อร่อยเท่าคุณ”
เซี่ยชิงหยวน “…”
หญิงสาวรู้สึกว่าหน้าของเธอร้อนจวนจะไหม้อยู่แล้ว
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว “ฉัน…ฉันจะไปดูว่าน้ำร้อนแล้วรึยัง”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินออกไปด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อมองไปยังเซี่ยชิงหยวนที่วิ่งหนีไป เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัด
จะทำยังไงได้?
ภรรยาตัวน้อยของเขาคงต้องการเวลาปรับตัวมากกว่านี้
เซี่ยชิงหยวนตัวสั่นทั้งคืน จนกระทั่งเธอปีนขึ้นไปบนเตียง เสิ่นอี้โจวยังคงทำงานอยู่ห้องหนังสือทางด้านข้าง
หญิงสาวจึงรู้ว่าเขากำลังแกล้งเธออีกครั้งแล้ว
เธอบอกตัวเองเสมอว่าให้ระวัง แต่ก็ยังโดนเขาหลอกอยู่ดี
เซี่ยชิงหยวนทุบผ้าห่มด้วยความโกรธ “คนเลว!”
ดวงตาของเธอมองไปทางตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ และมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
เธอลงจากเตียงและไปที่ตู้เสื้อผ้า
ที่ชั้นล่างของตู้เสื้อผ้ามีชุดนอนสีชมพูอยู่ตรงนั้น
เธอจึงซักมันในตอนเช้าโดยอาศัยแสงแดดจ้าในวันนี้
เพียงไม่กี่ชั่วโมง มันก็แห้งแล้ว
เธอถอดเสื้อผ้าออกและสวมชุดนอนตัวนี้แทน
สายเอี๊ยมเผยให้เห็นหัวไหล่มนของหญิงสาว และข้างใต้ไหล่บางคู่นั้นคือกระดูกไหปลาร้าอันแสนบอบบาง
ไล่ลงมาด้านล่างคือ หน้าอกอวบอัดคู่หนึ่งซึ่งโดดเด่นราวเนินเขา
เธอไม่ได้สวมชุดชั้นใน เสน่ห์ของเธอจึงเผยออกมาอย่างเด่นชัด
หญิงสาวดูแลรูปร่างของตัวเองเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบริเวณเอว จึงทำให้มันดูเพรียวบางยิ่ง
เมื่อสวมกระโปรง ความยาวของมันกลับสั้นกว่าที่เธอคิดไว้ ทั้งยังปกปิดได้แค่บั้นท้าย หากเลิกสูงกว่านี้เกรงว่าจะอันตรายแล้ว
รอยผ่าด้านข้างจากชายกระโปรงถึงหง่ามขานั้น หากเคลื่อนไหวเพียงน้อย ตัวกระโปรงทั้งหมดก็จะส่ายไหวไปมา
ผิวของเธอบอบบางอย่างมาก เมื่อผนวกรวมกับเส้นผมราวผ้าซาตินสีดำนี้ที่ปล่อยสยายลงมา ยิ่งทำให้เธอดูงามงด
ด้วยใบหน้าเล็กเรียวเกือบเท่าฝ่ามือ และริมฝีปากสีแดงที่ละเอียดอ่อน จึงทำให้เธอดูสดใสและเย้ายวนใจมาก แต่ดวงตาของเธอกลับยังดูใสซื่อและไร้เดียงสา
สิ่งนี้ไม่เพียงไม่ทำลายความงาม แต่ยังทำให้เธอดูอ่อนแอและน่าล่อลวงให้ติดกับอีกด้วย
ใช่ น่าล่อลวงมาก
เธอมองดูตัวตนอันแปลกประหลาดของตัวเองในกระจก และกอดอกไว้ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
มันดูจะกระดากอายเกินไปไหมนะ? ฉันควรทำยังไงดี?
เธอหันกลับไปและกำลังจะเปลี่ยนชุดกลับ
ทว่าตอนที่เธอกลับหลังหันนั้นเอง หญิงสาวก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากทางด้านนอก
เป็นเสิ่นอี้โจวกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่
ตอนนี้ดึกมากแล้ว เขายังคุยไม่เสร็จอีกหรือ?
เซี่ยชิงหยวนเดินไปที่ประตูและตั้งใจฟัง
ทว่าเธอได้ยินเพียงเสียงของเสิ่นอี้โจวเท่านั้น ส่วนเนื้อหานอกจากนั้นกลับได้ยินไม่ชัดเท่าที่ควร
เซี่ยชิงหยวนจึงคิดจะเดินออกไปข้างนอกแก้เบื่อ
ทว่าวินาทีต่อมา บานประตูกลับเปิดออก
เซี่ยชิงหยวนหันกลับมาด้วยความตื่นตระหนก
สิ่งที่ดึงดูดเธอกลับเป็นดวงตาไร้อารมณ์ของเสิ่นอี้โจว
หญิงสาวไม่อาจทราบได้ว่าเขากำลังประหลาดใจ ตกใจ หรืออะไรกันแน่
เซี่ยชิงหยวนต้องการปิดประตูโดยไม่รู้ตัว
ทว่าประตูถูกเท้าของชายหนุ่มขวางเอาไว้
เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้วเป็นการบอกใบ้ให้เธอพูด
เมื่อเห็นท่าทางแสนสงบของเขา เซี่ยชิงหยวนก็เริ่มกลัวขึ้นมา
เธอปล่อยลูกบิดประตู หันไปทางด้านข้างและเชิดหน้าอกขึ้น “เอิ่ม… ฉันซื้อเสื้อตัวใหม่มาค่ะ มันดูดีไหมคะ?”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวกลับมืดมน “คุณซื้อมาเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนคำพูดของเธอทันที “อืม แต่ว่าเอามาปรับแก้ทรงนิดหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มอ่อน “นิดหน่อย?”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา
เธอจ้องหน้าเขา “ถึงฉันจะแก้เยอะแล้วมันจะทำไมคะ?”
ท่าทางเช่นนั้นกำลังบอกว่า ‘แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้?’
หญิงสาวไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ยิ่งเธอโกรธ ดวงตาคู่นั้นจะเปล่งประกายมากกว่าปกติ ทั้งยังมีน้ำเอ่อคลออยู่เบาบาง
นอกจากมันจะไม่ทำให้ตัวคนดูโกรธแล้ว ยังส่งให้หญิงสาวดูน่ารักและมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม
เรียวคิ้วเข้มดูเต็มไปด้วยความรักใคร่ ราวกับกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่าง จึงทำให้เขากลัวขึ้นมาในใจ
มือของเสิ่นอี้โจวที่กำลังจับลูกบิดประตูแน่นขึ้นกว่าเดิม
เสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอของเขาดูยากลำบากเหลือเกิน “ชิงหยวน ผมยังมีงานต้องทำอีกมาก”
เซี่ยชิงหยวนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังสื่อถึงอะไร
จากนั้นเธอก็พูดว่า “แค่ตอบมาว่ามันดูดีหรือไม่แค่ประโยคเดียว ทำไมถึงตอบยากจังฮึ?”
ในที่สุดเสิ่นอี้โจวก็ปล่อยมือจากลูกบิด
เขาเดินเข้ามาใกล้เธออีกก้าว ขนตาสีเข้มปกปิดอารมณ์ของเขาไว้
ก่อนที่เขาจะพูดว่า “มาคุยกันบนเตียง”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอสะบัดมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่ ๆ พูดกันตรงนี้แหละ”
แต่เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาในห้องแล้ว
เขาใช้เท้าเกี่ยวประตูแล้วมันก็ปิดลง
ขณะที่ปลดกระดุม เขาก็พูดว่า “ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว”
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็เป็นระเบียบ
เซี่ยชิงหยวนลอบกลืนน้ำลาย “ไปที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ แสงในห้องนั้นสว่างกว่า”
ขณะพูดอย่างนั้น เธอก็กำลังจะเดินผ่านเสิ่นอี้โจวไป
ทว่าชายหนุ่มกลับอุ้มเธอในท่าเจ้าสาวด้วยแขนยาวแกร่งคู่นั้น
เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน มองใบหน้าที่ตื่นตระหนกของเธอแล้วยิ้มบาง ๆ
เขาพูดว่า “ชิงหยวน คุณรู้ไหม ยิ่งคุณมองผมแบบนี้ ผมก็ยิ่งอยากรังแกคุณ”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอสาปแช่งเขาว่าคนบ้ากามอยู่ในใจ ก่อนจะหลับตาปี๋อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงสัมผัสเย็นและนุ่มนวลที่ริมฝีปาก
เสิ่นอี้โจวเป็นคนจูบเธอ
เธอปิดปากอีกครั้ง “เสิ่นอี้โจว นี่คุณ…”
ชายหนุ่มจูบที่หลังมือของหญิงสาว พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ชิงหยวนคุณพลาดเองนะ คุณเรียกชื่อเต็มของผมอีกแล้ว เมื่อรวมกับครั้งก่อน ๆ มันก็หลายครั้งมากเลย คุณคิดว่าผมควรลงโทษคุณกี่ครั้งดี?”
เซี่ยชิงหยวนดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว “เสิ่นอี้โจว คุณมันคนบ้า คุณ…อื้ม…”
ทันใดนั้นเธอก็ถูกโยนลงบนเตียง
เสิ่นอี้โจวควบคุมแรงของตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นแรงกระแทกตอนที่เธอตกลงบนเตียงจึงไม่ได้รุนแรงมากนัก
ยามแผ่นหลังกระทบกับเตียง ร่างกายของเธอก็เด้งดึ๋งเบา ๆ อีกครั้ง
จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็โน้มตัวไปข้างหน้า
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เซี่ยชิงหยวนจึงประท้วงขึ้นมาอย่างกระวนกระวายว่า “ปิดไฟ! ปิดไฟก่อน!”
เสียง ‘เหี้ยมโหด’ ของเสิ่นอี้โจวตอบกลับเธอว่า “ผมจะประเมินชุดให้คุณได้ยังไงถ้าเราปิดไฟน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนร้องไห้ “ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรยั่วโมโหคุณเลย”
ชายหนุ่มจุมพิตที่ติ่งหูของเธอเบา ๆ ทั้งงับและเป่าลมหายใจรดเล็กน้อย “ไม่เป็นไร แต่คุณต้องกล้าให้มากเท่ากับตอนที่โกรธนะ”
กล้า? กล้าเพื่ออะไร?
ถ้าคราวที่แล้วเธอใจกล้าละก็ ตัวเองคงเดินไม่ได้แน่!
เซี่ยชิงหยวนเชิดคอขึ้นพลางส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่กล้า”
เสิ่นอี้โจวยิ้มอย่างพึงพอใจ จับมือเล็ก ๆ ของเธอด้วยมืออันเรียวยาวของเขาและประสานนิ้วทั้งสองไว้แน่น
ด้วยแรงกระทำนั้น มือของพวกเขาจึงจมหายไปในผ้านวม
จากนั้นเขาก็พูดว่า “ผมชอบมันมาก”
เซี่ยชิงหยวนพ่นลมหายใจ “ไม่!”
———————–