กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 121 พ่อ
บทที่ 121 พ่อ
บทที่ 121 พ่อ
เสิ่นอี้โจวเหยียบเบรกทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน
แต่ก่อนที่รถจะหยุดสนิท เซี่ยชิงหยวนก็เปิดประตูและวิ่งออกไปแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชายหนุ่มก็รีบตามลงจากรถไปทันที
เซี่ยชิงหยวนวิ่งไปยังประตูของบ้านที่กำลังสร้าง และยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงง ขณะที่เธอมองดูผู้คนเคลื่อนอิฐและขนไม้ไปมา
ดวงตาหญิงสาวหยุดอยู่ที่หนึ่ง และในไม่ช้าน้ำตาก็คลอเบ้า
เธอปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียง
เสิ่นอี้โจวไล่ตามมาและมองตามสายตาของเธอ
เขาเห็นคนงานเหล่านี้ถอดเสื้อเปลือยเปล่า และมีผ้าเช็ดเหงื่อสีเข้มพันอยู่รอบเอว
พวกเขาทั้งหมดแบกวัสดุก่อสร้างหนักไว้บนหลังหรือไม่ก็บนบ่า
อิฐทั้งแข็งและมีขอบแหลมคม พวกเขาเพียงแค่เอาผ้าใบหรือถุงกระสอบมาคั่นเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังทิ้งรอยแผลลึกตื้นไว้ตามร่างกาย
เหงื่อไหลชโลมแผ่นหลังที่ดำคล้ำ แล้วรวมตัวกันเป็นเสมือนสายน้ำไหลลงบนผ้าเช็ดเหงื่อรอบเอว
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในวัยสามสิบถึงสี่สิบปี รูปลักษณ์ของพวกเขาเป็นแบบคนวัยทำงานทั่วไปในมณฑลอวิ๋น
ทว่าหนึ่งในนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษในหมู่พวกเขา
ชายคนนั้นสูงกว่าคนอื่น ๆ ทั้งผอมกว่าและแก่กว่ามาก
บนหัวของเขามีผมขาวมากมายและแม้แต่จอนก็เป็นสีขาวทั้งหมด
ที่เอวและบริเวณหลังคอยังคงมีคราบขี้ผึ้งอยู่สองสามหย่อม และเมื่อมีเหงื่อออก ขี้ผึ้งก็เปียกโชกไปหมด
ชายวัยกลางคนคนนี้ดูเหมือนจะทำงานหนักกว่าคนอื่น ๆ
ชายวัยกลางคนกังวลว่าก้อนอิฐบนหลังจะร่วงหล่น เขาจึงก้าวเดินช้า ๆ
ก้าวทีละก้าวแต่มั่นคงมาก
ดูราวกับบนบ่าของเขาจะไม่ได้แบกแค่ก้อนอิฐ แต่แบกรับความรับผิดชอบอันหนักอึ้งเอาไว้ด้วย
แต่ทันใดนั้นคนที่เดินเร็วกว่าชายวัยกลางคน ซึ่งอยู่ข้างหน้าเมื่อวางอิฐแล้วก็เดินกลับหลัง
ชายคนนั้นเมื่อเดินอย่างรวดเร็วผ่านชายวัยกลางคน กลับพลาดชนเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อโดนชนไม่ทันตั้งตัว ก้อนอิฐบนหลังของชายวัยกลางคนกำลังจะหล่นลงมาเป็นมุมทแยง
เซี่ยชิงหยวนรีบเดินไปและจับอิฐไว้
เสิ่นอี้โจวที่อยู่อีกด้านหนึ่งประคองชายวัยกลางคนด้วยกันกับเธอ
เซี่ยโยว่หมิงตกใจมาก
เดิมทีเขาคิดว่าถ้าก้อนอิฐเหล่านี้ตกลงไป เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน และแม้แต่ค่าจ้างก็จะถูกหักจากความเสียหายของก้อนอิฐนี้ด้วย
แต่โดยไม่คาดคิด กลับมีคนมาช่วยเขาได้ทันเวลา
เขารู้สึกขอบคุณมาก
เขาหันไป “ขอบคุณ…”
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนถึงกับพูดไม่ออก
เขาเห็นเซี่ยชิงหยวน
ถัดจากเซี่ยชิงหยวนก็คือเสิ่นอี้โจว
เบ้าตาของเซี่ยชิงหยวนแดงมาก ราวกับเธอกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
เซี่ยโยว่หมิงรู้สึกเพียงว่าจิตใจของเขาว่างเปล่า
ริมฝีปากของเขาสั่นเทา
เซี่ยชิงหยวนสะอื้นและพูดขึ้นว่า “พ่อ!”
เสิ่นอี้โจวรีบยกก้อนอิฐออกจากหลังของเซี่ยโยว่หมิง
เซี่ยโยว่หมิงใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะตอบกลับไปได้ “ทำไมลูกถึงมาอยู่ที่นี่เล่า?”
เขายืดเอวที่เจ็บให้ตั้งตรง แม้จะมีอาการปวดร้าวที่เอว แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงออกมาต่อหน้าลูกสาว
ทว่าการหลบซ่อนของชายวัยกลางคนไม่ได้ผลกับเซี่ยชิงหยวน
เธอช่วยพยุงเซี่ยโยว่หมิงไว้ “พ่อ อาการที่เอวไม่ค่อยดีใช่ไหมคะ”บราวนี่ออนไลน์
ตอนที่คุยกับเซี่ยจิ่งเยว่ทางโทรศัพท์ครั้งล่าสุด หญิงสาวก็สังเกตได้จากความลังเลตตตอนที่กล่าวถึงผู้เป็นพ่อ
แต่เธอไม่คิดว่าพ่อจะมาทำงานสร้างบ้านให้คนอื่น!
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อทำงานหนักขนาดนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เซี่ยโยว่หมิงโบกมืออย่างรวดเร็ว “พ่อสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
เขาถอดผ้าขนหนูที่พันรอบเอวมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากและส่งยิ้มให้ “ยังไม่ถึงช่วงฤดูนวดข้าว พ่ออยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ จึงออกมาหางานเสริมน่ะ”
เมื่อเห็นว่าพ่อยังต้องการปิดบังปัญหาที่เซี่ยจิ่งเฉินสร้างขึ้น เซี่ยชิงหยวนก็โกรธขึ้นมา
จากนั้นเธอก็เปิดโปงเขาทันที “พี่ใหญ่บอกหนูทุกอย่างแล้ว! เรื่องทั้งหมดนั่นเป็นเพราะครอบครัวของพี่สะใภ้รอง ถ้าพี่รองจะคืนเงินด้วยตัวเอง หนูก็ไม่มีปัญหานะคะ แต่ทำไมคนเป็นพ่อตาอย่างพ่อต้องชดเชยแทนพวกเขาด้วย?”
เซี่ยโยว่หมิงไม่คาดคิดว่าลูกชายคนโตจะบอกเซี่ยชิงหยวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว
วันนั้น เซี่ยจิ่งเยว่บอกว่าเซี่ยชิงหยวนโทรมาหา จึงทำให้เขามีความสุขมาก
แต่สิ่งที่ทำให้ชายวัยกลางคนไม่ทันตั้งตัวก็คือ เขาไม่คิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะกลับมาเร็วขนาดนี้ อีกทั้งยังมาพบเขาในไซต์งานอีก
แน่นอนว่า เซี่ยโยว่หมิงไม่ต้องการให้มีการทะเลาะวิวาทกันระหว่างลูก ๆ เขาจึงกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่รองและพี่สะใภ้รองของลูกหรอก”
เมื่อเห็นเซี่ยโยว่หมิงเป็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเดิมอีก
เธอพยายามระงับไฟโทสะในใจ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเซี่ยจิ่งเฉินกับจางอวี้เจียว เธอจึงไม่ควรเอาความโกรธมาลงกับพ่อเลย
ยิ่งกว่านั้น ด้วยความเป็นลูก บางครั้งเธอก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของพ่อแม่
จากนั้นเธอก็พูดว่า “อี้โจวหางานให้พี่รองได้แล้วนะคะ ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการย่อมดีกว่างานเก่าแน่นอน ฉะนั้นพ่อก็ไม่จำเป็นต้องทำงานลำบากอย่างในตอนนี้อีก”
เธอพยายามฝืนยิ้ม “นอกจากนี้ หนูก็เริ่มมีเงินจากการค้าขายของหนูแล้ว”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คิ้วและดวงตาของเซี่ยโยว่หมิงก็เผยความโล่งใจออกมา จากนั้นเขาก็พูดว่า “พี่รองของลูกโทรศัพท์กลับมาและบอกเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟังแล้ว มันดีจริง ๆ ที่พวกลูกกำลังมีชีวิตที่ดี พอเห็นแบบนี้พ่อก็สบายใจ”
จากนั้นเซี่ยโยว่หมิงมองไปทางเสิ่นอี้โจวที่ยืนอยู่ด้านข้างและพูดว่า “อี้โจว ฉันอยากจะขอบคุณเธอเช่นกัน สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่างเลย”
เสิ่นอี้โจวพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน “พ่อครับ นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ”
เขาพูดต่ออีกว่า “ใกล้จะเที่ยงแล้ว คุณพ่อเลิกงานเมื่อไหร่เหรอครับ พวกเรากลับไปกินข้าวด้วยกันเถอะครับ”
เซี่ยโยว่หมิงยิ้มและโบกมือไปมา “ไม่ต้องห่วง พ่อเอาอาหารมาเองแล้ว นอกจากนี้ที่นี่พักเที่ยงไม่นานนัก พ่อคงไม่กลับไปกินข้าวด้วยหรอก”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่า เซี่ยโยว่หมิงเป็นคนที่ยึดมั่นในความคิดของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่บังคับให้เขาไปกินข้าวด้วยกันอีกต่อไป
แต่หญิงสาวยังจำได้ตอนที่เขาพูดถึงงานของตนเมื่อครู่นี้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “พักเที่ยงไม่นานก็ไม่เป็นไรค่ะ พ่อเลิกทำงานและหยุดตอนนี้เลยได้ไหม หนูหาเงินมาได้เยอะแยะพอที่จะคืนเงินก้อนนั้นที่พ่อให้หนูมาตอนแรก และหนูจะให้เงินเพิ่มเพื่อชดเชยที่พี่รองเสียไปด้วย”
ขณะที่พูด ดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีแดงเรื่ออีกครั้ง
เมื่อเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ เซี่ยโยว่หมิงก็ตื่นตระหนก
เขามองไปทางเสิ่นอี้โจวเพื่อขอความช่วยเหลือ “อี้โจว ช่วยโน้มน้าวชิงหยวนให้พ่อทีเถอะ”
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจก่อนจะเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย “ชิงหยวน คุณพ่อก็มีความรับผิดชอบของตัวเองนะ”
เซี่ยโยว่หมิงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ บ้านใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว อย่างมากสุดก็ครึ่งเดือน ส่วนเงินที่พ่อกับพี่ใหญ่ของลูกให้ไป ลูกไม่ต้องพูดถึงมันอีกแล้ว พ่อไม่ต้องการให้ลูกจ่ายคืนพ่อ”
เมื่อได้ยินว่าพ่อของเธอต้องทำงานนี้อีกครึ่งเดือน เธอก็ยิ่งรับไม่ได้
เซี่ยโยว่หมิงอายุห้าสิบกว่าแล้ว เขาจะทำงานหนักแบบนี้ได้ยังไงอีกตั้งครึ่งเดือน?
ถึงตอนนั้น เขาจะไม่ล้มป่วยไปก่อนหรอกเหรอ
เธออยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เสิ่นอี้โจวหยุดเธอไว้ด้วยสายตาเฉียบคมคู่นั้น
เซี่ยชิงหยวนจึงทำได้เพียงกัดริมฝีปากและพยักหน้ารับ
เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ได้พูดอะไรอีก เซี่ยโยว่หมิงก็รู้สึกโล่งใจ
เขาพูดว่า “ตอนนี้สายแล้ว ลูกสองคนกลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านนะ หรือจะกินข้าวที่ร้านอาหารก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะหิวกันหมดพอดี”
เซี่ยชิงหยวนอยากจะประนีประนอม “พ่อ เดี๋ยวหนูจะซื้ออาหารมาให้นะคะ”
เซี่ยโยว่หมิงส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก”
เขาชี้ไปที่ถุงใบใหญ่กับใบเล็กที่กองอยู่ทางด้านข้างและพูดว่า “แม่ของลูกเอาข้าวกับเนื้อมาให้พ่อแล้ว!”
เขาแสร้งทำเป็นคนใจร้อน เร่งลูกสาวให้จากไปโดยเร็ว “รีบไปเร็ว พ่อยังต้องการพักผ่อนหลังจากกินอาหาร และอย่าให้แม่สามีของลูกต้องรอที่บ้านนาน ๆ ล่ะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวเดินออกไปไกลแล้ว พวกเขาก็หันหลังกลับมา
หญิงสาวยืนแอบอยู่ที่มุมถนนที่เยื้องอยู่ฝั่งตรงข้ามลอบมองไปทางเซี่ยโยว่หมิง
เมื่อถึงเวลาพักงาน ทุกคนก็หยุดงานและแยกย้ายกันกินข้าว
คนส่วนใหญ่จะนำอาหารมาเอง
เซี่ยโยว่หมิงเดินไปที่กองสัมภาระที่เพิ่งชี้ให้เธอดูเมื่อครู่ และค้นหาของในถุง
เขาหยิบถุงผ้าสีฟ้าใบเล็กออกมาแล้วนั่งลงที่พื้นข้าง ๆ ก่อนจะเปิดห่อ ซึ่งข้างในนั้นมีเพียงซาลาเปาที่มีขนาดเท่ากำปั้นผู้หญิง
ชายวัยกลางคนหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำใหญ่
เนื้อสัมผัสของซาลาเปาทั้งแห้งและแข็งกรอบ สีหน้าของเขาก็ดูฝืนทน
ทุกครั้งที่กัด ริมฝีปากของเขาจะมีเศษขนมปังแห้งจำนวนมากติดอยู่
เขาแลบลิ้นเลียเอาเศษขนมปังเข้าปาก
หลังจากทำงานหนัก เขาก็หยิบน้ำในกระติกขึ้นมาดื่มอึกใหญ่
เขารีบดื่มจนสำลัก แต่เซี่ยโย่วหมิงก็ไม่ได้สนใจ
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ตรงนั้น ไหล่ของเธอสั่นระริก
เสิ่นอี้โจวรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้…