กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 123 ภรรยานอนที่ไหน ผมนอนที่นั่น
บทที่ 123 ภรรยานอนที่ไหน ผมนอนที่นั่น
บทที่ 123 ภรรยานอนที่ไหน ผมนอนที่นั่น
ใครจะไม่รู้บ้างว่าเซี่ยชิงหยวนกับหวังชุ่ยเฟินไม่ลงรอยกัน?
ทว่าทันทีที่เธอกลับมาและกำลังมีความสุข กลับมีคนพูดถึงหวังชุ่ยเฟินขึ้นมาเสียอย่างนั้นน่ะนะ?
เจี่ยต้าฮวาลุกขึ้นและหัวเราะเสียงดัง “ดูสิ่งที่คุณพูดสิ หวังชุ่ยเฟินจะเทียบกับชิงหยวนได้ยังไง”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็หัวเราะกลบเกลื่อนแทน
แต่เซี่ยชิงหยวนยังคงคาใจ
หญิงสาวคาดคะเนเรื่องราวในใจ และตัดสินใจว่าจะสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจี่ยต้าฮวาในภายหลัง
ไม่นานนัก เสิ่นอี้โจวกับเสิ่นอี้หลินก็กลับมา
เสิ่นอี้หลินกระโดดโลดเต้นไปมา ขณะจับมือเสิ่นอี้โจว เขาดูมีความสุขมาก
เมื่อทุกคนเห็นเสิ่นอี้โจวกลับมาแล้ว พวกเขาก็พูดสองสามคำแล้วจากไป
เจี่ยต้าฮวาพูดกับเซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน มาเยี่ยมที่บ้านของฉันบ้างนะถ้าเธอว่าง”
เซี่ยชิงหยวนส่งพวกเขาออกไปและตอบว่า “ได้ค่ะ”
เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจว หลินตงซิ่วก็ยกยิ้มและพูดว่า “เด็กดี ลูกทำได้ตามสัญญาเลยนะจ๊ะ”
เสิ่นอี้โจวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่ครับ เราจะพาแม่ไปที่นั่นเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นนะครับ”
ดวงตาของหลินตงซิ่วเป็นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง
เธอพูดว่า “ตราบใดที่ลูก ๆ สบายดี แค่นั้นแม่ก็ดีใจแล้ว”
จากนั้นเธอก็ถามว่า “เมื่อกี้ชิงหยวนบอกว่ารถคันนี้ทางหน่วยเตรียมไว้ให้ลูก แต่ทำไมหน่วยงานถึงต้องทำขนาดนี้ด้วย?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่ครับแม่ ตอนนี้ผมเปลี่ยนงานแล้ว”
ภายใต้การจ้องมองของหลินตงซิ่ว ชายหนุ่มก็พูดอย่างแข็งขันว่า “ตอนนี้ผมทำงานในศาลากลางและบรรจุเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยแล้ว”
เมื่อหลินตงซิ่วได้ยินดังนั้น เธอก็ตกตะลึงและมีความปีติยินดีเป็นล้นพ้น
เธอไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป “ช่างเป็นเด็กดีอะไรขนาดนี้! พอแม่ลงไปยมโลกเมื่อไหร่ จะเอาไปอวดพ่อของลูกเลยคอยดู!”
เสิ่นอี้โจวรู้สึกแสบจมูก เขาจับมือของหลินตงซิ่วแน่นและปลอบโยนเธอ “แม่ อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ วันที่ดีที่สุดของเรายังมาไม่ถึงเลย”
หลินตงซิ่วพยักหน้า
เธอมองไปทางอื่น “เมื่อเช้าแม่ฆ่าไก่แล้วเอาไปตุ๋นในหม้อ แม่จะเอามันมาให้ลูก ๆ กินเดี๋ยวนี้แหละ”
เซี่ยชิงหยวนตามติดไปช่วยงานในครัวด้วย
พวกเขากินไก่ตุ๋นเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ และยังนำไปทำไก่ทอดอีกสองจาน
เสิ่นอี้หลินเคี้ยวข้าวในขณะที่เอ่ยขึ้นว่า “พี่ ๆ ไม่รู้หรอกว่าแม่ทำใจนานแค่ไหนกว่าจะฆ่าไก่พวกนั้นได้ แม่จึงยืนกรานที่จะรอพวกพี่กลับมากินพร้อมกัน”
เซี่ยชิงหยวนรู้ดีถึงนิสัยใจคอของหลินตงซิ่วเช่นกัน
แม้ว่าหลินตงซิ่วจะไม่ถูกครอบครัวของเสิ่นสิงเอาเปรียบอีกต่อไป แต่เธอก็คุ้นเคยกับการประหยัด ดังนั้นเธอจึงลังเลที่จะใช้จ่ายทุกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและพูดว่า “พอพวกเราไปอยู่ที่เมืองเตียนเฉิง เราจะกินเนื้อทุกวัน ตกลงไหม?”
เสิ่นอี้หลินตอบอย่างรวดเร็ว “ตกลง! ขอบคุณฮะพี่สะใภ้!”
ตั้งแต่ตอนที่ร่วมมือกันเล่นงานหวังชุ่ยเฟิน ความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นอี้หลินกับเซี่ยชิงหยวนก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น เหมือนสหายสองคนที่มีความลับร่วมกัน
เสิ่นอี้โจวส่งขาไก่ให้หลินตงซิ่วและอีกชิ้นสำหรับเซี่ยชิงหยวน
จากนั้นจึงส่งปีกไก่ที่มีขนาดเล็กกว่าสองชิ้นให้กับเสิ่นอี้หลิน
หลินตงซิ่วคีบน่องไก่ออกจากจานของตัวเองทันที “เอามาให้แม่กินเยอะอย่างนี้แล้วลูกจะกินอะไรล่ะ”
เซี่ยชิงหยวนก็ต้องการเอาขาไก่ออกไปเช่นกัน “เอาให้อี้หลินเถอะค่ะ”
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “แม่กับคุณผอมที่สุดในครอบครัวของเรา พวกคุณต้องกินเนื้อมากกว่านี้นะ”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้า “ใช่ พี่กับผมเป็นผู้ชาย เรากินน่องไก่ชิ้นเดียวก็พอแล้วฮะ”
จากนั้นเขาก็แบ่งน่องไก่ครึ่งหนึ่งในชามให้เสิ่นอี้โจว “พี่ชาย มาแบ่งกัน”
ทันใดนั้น ทุกคนก็เพลิดเพลินไปกับการกระทำที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของเสิ่นอี้หลิน
หลังจากมื้อกลางวันจบลง เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวกลับไปที่ห้องนอนของพวกเขา
จะเห็นได้ว่าห้องนอนของพวกเขายังคงสะอาดสะอ้าน เพราะหลินตงซิ่วคงเข้ามาทำความสะอาดไม่ขาด แม้แต่ผ้านวมบนเตียงก็มีกลิ่นเหมือนเพิ่งผึ่งแดดมา
เสิ่นอี้โจวเอ่ยว่า “คุณพักผ่อนก่อนเถอะ ผมจะไปที่บ้านของเลขาธิการหมู่บ้านช่วงบ่ายซะหน่อย”
เมื่อตอนนั้นเลขาธิการหมู่บ้านได้ช่วยเหลือพวกเขาไว้ถึงสองครั้ง ดังนั้นเขาควรจะไปที่บ้านของอีกฝ่ายซะหน่อย
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “คุณแบ่งของที่พวกเราเอามาและนำไปให้เลขาธิการหมู่บ้านด้วยก็ดีนะคะ”
จากนั้นเธอมองไปยังเก้าอี้โยกข้างเตียงแล้วพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “คราวนี้ คุณจะไม่นอนบนนั้นแล้วใช่ไหม”
เสิ่นอี้โจวโอบเธอเข้าหาตัวทันที “ภรรยานอนไหน ผมก็นอนที่นั่นครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ทุบหน้าอกเขา “เอาอีกแล้วนะ!”
เสิ่นอี้โจวจูบหน้าผากของหญิงสาว “ไม่ใช่ว่าคุณชอบให้ผมเป็นแบบนี้เหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกกระวนกระวายทันที จากนั้นเธอก็เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง “ถ้าอี้หลินมาเห็น มันจะดูไม่ดีเอานะ”
เสิ่นอี้โจวไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว “ผมบอกเขาล่วงหน้าไว้แล้ว อี้หลินจะไม่เข้ามาในห้องของเราโดยไม่เคาะประตูก่อนแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
เซี่ยชิงหยวน “!”
ผู้ชายคนนี้หนังหนาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ในขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง เธอก็ถูกขโมยจูบไปเต็ม ๆ
ยามบ่ายเช่นวันนี้มักจะมีลมพัดโชยอยู่เสมอ สายลมพัดพาเส้นผมของหญิงสาวจนทำให้รู้สึกคันและทำให้เสียสมาธิ
เสิ่นอี้โจวหันกลับมาและกันลมด้วยร่างกายของเขา และขณะที่เขาหันกลับมา เซี่ยชิงหยวนก็ถูกวางลงบนโต๊ะเครื่องแป้งข้าง ๆ หญิงสาวนั่งโดยที่ปลายเท้าลอยจากพื้นและแยกขาออกจากกัน
เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นภรรยา ก่อนจะก้มกอบกุมสองแก้มของเธอไว้ แล้วส่งมือหนาสอดเข้าไปในเส้นผมดำเงางาม และจับศีรษะของเธอไว้แน่น
จูบนี้ร้อนแรงเสียจนเซี่ยชิงหยวนอยากจะถดตัวหนี
ชายหนุ่มสังเกตเห็นการดิ้นรนนี้ จากนั้นฝ่ามือใหญ่อีกข้างของเขาก็จับเอวบางของเธอไว้ทันทีแล้วกดเข้าหาตัวเอง
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันนี้ทำให้เซี่ยชิงหยวนคว้าขอบโต๊ะเครื่องแป้งที่ตัวเองนั่งทับอยู่อย่างเร่งรีบ
เมื่อก่อนเธอเคยแกล้งเขาในห้องนี้ แต่มาตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตรไปหมด
ดูเหมือนตอนนี้เขาจะมีความเป็นผู้นำในทุกสิ่งอย่างไปเสียแล้ว และทุกอย่างก็ดูง่ายดายมากในสายตาของเขา
ราวกับว่าเขาเป็นคนที่เคยมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว
เมื่อความคิดนี้ก่อตัวขึ้นในใจของเซี่ยชิงหยวน มันก็หยั่งรากอย่างเงียบ ๆ
เมล็ดพันธุ์นี้จะงอกเงยช้า ๆ และเติบโตเป็นต้นไม้สูงตระหง่านในที่สุด
…
หลังจากงีบหลับ เสิ่นอี้โจวก็หยิบของบางอย่างแล้วออกไป
เซี่ยชิงหยวนหยิบน้ำตาลทรายแดง อินทผลัมแดง และน้ำตาลขาวอีกสองกำมือแล้วไปที่บ้านของเจี่ยต้าฮวา
เจี่ยต้าฮวากำลังให้อาหารไก่อยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน เธอก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มทันที
เจี่ยต้าฮวาพูดว่า “ฉันกำลังคิดว่าเธอจะว่างเมื่อไหร่พอดีเลย”
เซี่ยชิงหยวนส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเช่นกัน และยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้แก่อีกฝ่าย “ฉันซื้อของพวกนี้มาจากเมืองเตียนเฉิง คุณเอาไปให้เด็ก ๆ กินนะคะ”
เจี่ยต้าฮวาระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อเธอเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายถืออยู่
เธอรับของเหล่านั้นมาจากเซี่ยชิงหยวนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หลังจากที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนความยินดีแก่กันและกัน ก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะทันได้พูด เจี่ยต้าฮวากลับเริ่มพูดถึงหวังชุ่ยเฟินก่อน
“ชิงหยวน เธอคงจะไม่รู้ หลังเธอจากไป หวังชุ่ยเฟินก็ยังคงดื้อดึงไม่ยินยอม เดิมทีเจี่ยกุ้ยกำลังจะหย่ากับเธอ แต่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ตั้งครรภ์ เธอคิดว่าตัวเองจะใช้เด็กในท้องยืดเรื่องหย่าร้างออกไปก่อน แต่แม่ของเจี่ยกุ้ยไม่ยอมรับเด็กในท้อง”
เจี่ยต้าฮวาเดาะลิ้น “แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่ครอบครัวของเจี่ยกุ้ยจะไม่ยอมรับ เพราะคราวก่อนเธอก็โดนจับได้ว่าเป็นชู้กับตู้อวิ๋นเซิงเมื่อไม่นานมานี้ จากนั้นเรื่องตั้งท้องก็แดงขึ้นมา ใครจะไปไว้ใจได้กัน!”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเช่นกัน
เธอถามว่า “แล้วสถานการณ์ของหวังชุ่ยเฟินตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
เจี่ยต้าฮวาตบต้นขาของเธอดังฉาด “ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรได้อีกล่ะ เมื่อครอบครัวเจี่ยไม่ยอมรับ เธอจึงทำได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนพวกเขาก็หย่ากันและก็มีคนจากตระกูลหวังพาเธอกลับไป ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครรู้อีกแล้ว”
เจี่ยต้าฮวามองไปยังเซี่ยชิงหยวน “ถ้าคราวนี้เธอกลับไปที่บ้านของตัวเอง บางทีเธออาจจะได้พบกับผู้หญิงคนนั้น แต่เธอควรระวังให้ดี เพราะเกรงว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอ มันคงแว้งกัดเธออีกแน่”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หวังชุ่ยเฟินกับเซี่ยชิงหยวนต่างอาศัยอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาเหมือนกัน ส่วนหวังชุ่ยเฟินกับหวังผิงก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน
หวังชุ่ยเฟินกับเซี่ยชิงหยวนเติบโตมาด้วยกัน อยู่โรงเรียนเดียวกัน และสุดท้ายก็แต่งงานกับผู้ชายในหมู่บ้านเดียวกัน
หากว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว คามสัมพันธ์ของพวกเธอถือว่าดีกว่าสะใภ้คนอื่น ๆ มาก
แต่การที่หวังชุ่ยเฟินมีจุดจบแบบนี้ ก็เป็นเพราะฝีมือตัวเองทั้งหมด
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนรู้สึกหนักอึ้งอีกครั้ง เมื่อเธอคิดถึงการกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวาในวันพรุ่งนี้