กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 14 ไปหาตู้อวิ๋นเซิง
บทที่ 14 ไปหาตู้อวิ๋นเซิง
บทที่ 14 ไปหาตู้อวิ๋นเซิง
เสิ่นอี้หลินเอียงศีรษะและจ้องมองเซี่ยชิงหยวนเป็นเวลาหลายวินาที
ส่วนหญิงสาวก็ไม่ได้รีบร้อนและทำเพียงจ้องมองเขากลับไปอย่างนั้น
ในที่สุด เสิ่นอี้หลินก็ไม่สามารถต้านทานความตะกละของตัวเองได้ จึงหยิบขนมของหญิงสาวและแสร้งทำเป็นไม่สนใจมันมากเกินไป “ตกลงก็ได้ ผมไม่ได้อยากทำหรอกนะ แต่เห็นว่าพี่สะใภ้ขอผมเลยทำให้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็หัวเราะออกมา
เธอแบมือและตอบกลับอีกฝ่ายไปว่า “พี่เข้าใจแล้ว”
เด็กชายจับมือกับพี่สะใภ้อย่างสบายอารมณ์
หลังจากนั้น เซี่ยชิงหยวนก็บอกความต้องการของเธอให้เด็กชายฟัง และกำชับไม่ให้อีกฝ่ายบอกเรื่องนี้กับใคร
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบบางอย่างกับอีกฝ่ายด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ขณะที่กำลังฟัง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างอย่างตื่นเต้น
เซี่ยชิงหยวนถามเขาว่า “น้องชายคนดีของพี่สะใภ้ นายทำได้ใช่ไหม”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ได้! แต่… ลูกอมไม่กี่เม็ดไม่พอหรอกนะครับ”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะเบา ๆ “พรุ่งนี้พี่จะทำขาหมูที่เป็นเมนูโปรดให้นายกิน”
เดิมทีเสิ่นอี้หลินต้องการแกล้งเซี่ยชิงหยวน แต่พอได้ยินว่าอีกฝ่ายจะทำอาหารให้กินเจ้าตัวก็เริ่มหน้าเสีย
ในความทรงจำของเขา เซี่ยชิงหยวนเคยทำอาหารหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งรสชาติก็สุดจะพรรณนาจริง ๆ
ในที่สุดเขาก็หุบปากและคิดวางแผนในใจว่า เมื่อถึงเวลาเขาจะขอให้แม่ทำอาหารให้แทน
เขาตอบว่า “ก็ได้” แล้วก็วิ่งออกไป
เด็ก ๆ ในหมู่บ้านชอบเล่นที่ลานตากข้าว ปีนต้นไม้ เล่นโคลน ขุดหลุม มันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก
แต่พอตกค่ำจะไม่มีเด็กคนไหนกล้าไปที่นั่นอีก
เพราะพวกผู้ใหญ่จะหลอกให้เด็ก ๆ กลัวว่าจะมีผีผู้หญิงมานั่งสางผมบนต้นไทรใหญ่ ส่วนรากที่ห้อยลงมาจากต้นไทรคือผมของผีผู้หญิงตนนั้น
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังลานตากข้าว ในเวลานี้มันเป็นลานโล่ง ๆ ที่ไม่มีอาคารอื่นมาบดบัง เธอจึงเห็นยอดของต้นไทรใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
ลานตากข้าวนั้นเป็นลานโล่งและกว้าง เว้นแต่ตรงด้านข้างของต้นไทรใหญ่ จะมีกระท่อมหลังเล็กที่ทรุดโทรมตั้งอยู่และไม่มีที่กำบังอื่นบดบังมันเลย
เธอลอบถอนหายใจ หวังชุ่ยเฟินหาสถานที่ได้ดีจริง ๆ
แต่คราวนี้ตัวเอกของการแสดงจะเปลี่ยนไป เมื่อถึงเวลาอีกฝ่ายคงแปลกใจจนแทบคลั่งตายเลยทีเดียว
ต่อมา เซี่ยชิงหยวนก็ทำอะไรฆ่าเวลาเพื่อรอให้ถึงเวลานัด
เดิมที เธอต้องการคุยเรื่องนี้กับเสิ่นอี้โจวเสียก่อน แต่เขาไม่ได้สนใจเธอเลย
หลังจากถามแม่สามี เธอก็พบว่าเขาขึ้นไปบนภูเขาแล้ว หลังกินอาหารกลางวัน เซี่ยชิงหยวนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้
พอถึงเวลาอาหารค่ำ ชายหนุ่มกับเสิ่นอี้หลินก็กลับมา
เสิ่นอี้หลินทำท่าพยักพเยิดไปทางเซี่ยชิงหยวน เพื่อส่งสัญญาณว่าการขุดหลุมนั้นเรียบร้อยแล้ว
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้ว ดูการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นภรรยากับน้องชาย ก่อนจะหันกลับไปล้างมือโดยไม่พูดอะไร
เมื่อหญิงสาวออกมาจากห้องอาบน้ำและสวมชุดสีเขียวลายดอกไม้ที่เธอเพิ่งซื้อก่อนหน้านี้ เสิ่นอี้โจวก็อดมองไม่ได้
เขายืนอยู่ที่ประตูห้องด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้และลังเลที่จะพูด “ชิงหยวน…”
เซี่ยชิงหยวนลูบน้ำมันดอกไม้บนผมของเธอขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเขา “หือ?”
คิ้วและดวงตาของเสิ่นอี้โจวมืดมน “คุณจะออกไปไหม”
ตอนนี้เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว เธอจึงไม่มีเวลาอธิบายให้เขาฟัง แต่เธอก็หวั่นใจกับสายตาคมปลาบของอีกฝ่าย จึงอดยิ้มให้เขาไม่ได้ “เดี๋ยวพอเสร็จเรื่องคืนนี้แล้ว ฉันจะบอกคุณอีกทีนะคะ”
หลังจากพูดจบ เสิ่นอี้โจวก็เงียบไปสองสามวินาทีแล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
และในขณะนั้น หวังชุ่ยเฟินก็มายืนอยู่ที่ประตูหน้าลานบ้านและตะโกนว่า “ชิงหยวน!”
เธอพูดว่า “เชื่อฉันสิ ฉันจะกลับมาในไม่ช้า คุณรอฉันอยู่ที่บ้านนะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินจากไปกับหวังชุ่ยเฟิน
อุณหภูมิร่างกายของเซี่ยชิงหยวนยังคงติดอยู่ที่หลังมือของเขา แต่เธอก็เดินจากไปแล้ว
เสิ่นอี้โจวมองแผ่นหลังของผู้เป็นภรรยา ดวงตาของเขาหรี่ลงช้า ๆ และพยายามไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ดวงตาของเขาเผยให้เห็นแววตาเศร้าหมอง
ในที่สุดเขาก็ส่ายหัวพร้อมฉีกยิ้มสมเพชตัวเอง แล้วหันหลังกลับไปที่ห้องของตัวเอง
คนในชนบทมักจะไม่มีกิจกรรมบันเทิงใด ๆ ในตอนกลางคืน พวกเขาต้องประหยัดตะเกียงน้ำมันก๊าดและเข้านอนแต่หัวค่ำ
เวลานี้ใกล้หนึ่งทุ่มแล้วจึงแทบไม่มีคนอยู่ข้างนอก
เดิมทีหวังชุ่ยเฟินกลัวว่าเซี่ยชิงหยวนจะเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่ครั้งนี้ เธอไม่เพียงไม่เปลี่ยนใจเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังแต่งตัวงามมาอีกด้วย หากดมกลิ่นของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ก็จะได้กลิ่นหอมของดอกมะลิจากร่างกายของเซี่ยชิงหยวนด้วยซ้ำ
หวังชุ่ยเฟินรู้สึกได้ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากคืนนี้ เธอจะได้เห็นยัยตัวแสบอย่างเซี่ยชิงหยวนก้มหน้าลงด้วยความอับอายแล้ว!
เซี่ยชิงหยวนเห็นรอยยิ้มพึงพอใจของหวังชุ่ยเฟินที่ไม่อาจระงับเอาไว้ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เปิดโปงอีกฝ่าย
สิ่งที่ติดค้างอยู่ ถึงเวลาต้องชำระคืนแล้ว!
จากบ้านไปยังลานตากข้าวต้องใช้เวลาเดินประมาณสิบห้านาที แต่เซี่ยชิงหยวนชะลอความเร็วในการเดิน โดยตั้งใจเดินไปเรื่อย ๆ แบบไม่รีบร้อนจนตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณห้านาทีจะถึงเวลานัดพบ
หวังชุ่ยเฟินกระวนกระวาย แต่ไม่กล้าแสดงออกมากนัก
หากอีกฝ่ายไม่รีบเดิน เวลาที่เธอตกลงกับผานเยว่กุ้ยก็จะใกล้เข้ามาแล้ว
ดังนั้นเธอจึงพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย “ชิงหยวน เราต้องรีบแล้วไม่อย่างนั้นตู้อวิ๋นเซิงอาจจะเข้าใจผิดว่าเธอเบี้ยวนัดแล้วกลับไปแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก “ฉันก็อยากรีบเหมือนกัน แต่กลัวว่าถ้าเดินเร็วเกินไปเหงื่อออกเยอะแล้วจะแย่เอา”
จู่ ๆ เธอก็อุทานขึ้น “เอ๊ะ!”
หวังชุ่ยเฟินเริ่มหมดความอดทนแล้ว “มีอะไรเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนลูบผมของเธอและพูดอย่างกังวล “ฉันลืมติดกิ๊บ แล้วยังลืมเอาจดหมายรักที่ฉันต้องการมอบให้กับตู้อวิ๋นเซิงติดตัวมาด้วย”
ขณะที่พูด ดวงตาของเธอก็เศร้าหมองราวกับว่ากำลังผิดหวัง
แต่หวังชุ่ยเฟินจะสนใจกิ๊บติดผมและจดหมายรักได้ยังไง?
ตอนนี้เธอแค่ต้องการผลักเซี่ยชิงหยวนไปหาตู้อวิ๋นเซิงอย่างรวดเร็วเท่านั้น
เธอจับมือของอีกฝ่ายแล้วลากเดินต่อ “ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่ได้เอามาก็ช่างมันไปก่อน นี่มันดึกแล้ว เขามองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดหรอก”
แต่เซี่ยชิงหยวนกลับหยุดเดินเอาดื้อ ๆ ราวกับเท้าของเธอถูกตรึงไว้กับพื้น “ไม่มีทาง ฉันอยากทำให้เขาประทับใจ และจดหมายรักนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ความในใจของฉันที่มีต่อเขา”
คำพูดของเซี่ยชิงหยวน ทำให้หวังชุ่ยเฟินคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน
หากเวลานั้นเซี่ยชิงหยวนปฏิเสธที่จะยอมรับเมื่อเธอถูกจับได้ การมีจดหมายรักเข้ามาเพิ่มเป็นหลักฐาน มันจะยิ่งดีมากเลยไม่ใช่เหรอ?
ในตอนนั้น แผนการก็จะยิ่งสมบูรณ์!
ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอไปหาตู้อวิ๋นเซิงก่อน ส่วนตัวฉันจะกลับไปเอาจดหมายนั่นให้เอง”
เซี่ยชิงหยวนยังคงส่ายหัว “ไม่ได้ ฉันซ่อนมันในกล่องไม้เล็ก ๆ ในห้อง ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่บ้าน การที่เธอจะเข้าไปที่นั่นยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ฉันว่าเราเลื่อนนัดไปวันอื่นก่อนดีไหม?”
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำถามนี้ของอีกฝ่าย หวังชุ่ยเฟินย่อมไม่เห็นด้วย
เพราะหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อให้แผนการในวันนี้เกิดขึ้น แล้วเธอจะเปลี่ยนวันได้ยังไงกัน?
เธอพูดว่า “งั้นเอาแบบนี้ เธอรีบวิ่งกลับไปเอาจดหมายให้เร็วที่สุดแล้วจากนั้นก็รีบกลับมา”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้”
แต่แล้วเมื่อวิ่งไปได้สองสามก้าว เซี่ยชิงหยวนก็หันกลับมาและจับมือของหวังชุ่ยเฟินเอาไว้ “ชุ่ยเฟิน มันคงไม่ดีกับฉันที่จะไปสายในการนัดพบครั้งแรกกับตู้อวิ๋นเซิง ถึงยังไงเธอช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนเขาแทนฉันก่อนได้ไหม บอกให้เขารอก่อนเดี๋ยวฉันตามไปที่หลัง”
ตอนนี้อีกฝ่ายหมกมุ่นอยู่กับวิธีการทำลายชื่อเสียงของเธอมาก
หญิงสาวจึงจะได้เห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะแล้ว
ส่วนคำขอของเซี่ยชิงหยวน หวังชุ่ยเฟินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกัดฟันตอบ “ได้ เธอรีบไปเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าทันที และมองไปที่อีกฝ่ายอย่างขอบคุณ “ชุ่ยเฟิน ฉันขอบคุณเธอมาก!”
หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งไปยังทิศทางที่เธอจากมา ทำตัวให้ดูกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
หวังชุ่ยเฟินถ่มน้ำลาย “เสแสร้ง!” จากนั้นเธอก็หันหลังและเดินต่อไปยังลานตากข้าว
ข้างหลังของหวังชุ่ยเฟิน เซี่ยชิงหยวนวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง จากนั้นก็หยุดและเลี้ยวเข้าถนนด้านข้าง
ขณะที่หญิงสาวกำลังซ่อนตัวอยู่นั้น ผานเยว่กุ้ยกับผู้หญิงอีกสองสามคนก็กำลังเดินไปตามถนนสายหลักเพื่อไปยังลานตากข้าว
เซี่ยชิงหยวนซ่อนตัวอยู่ในความมืดและมองแผ่นหลังของพวกเธอด้วยความเย้ยหยัน
ในชีวิตก่อน เธอตกหลุมพรางของคนเหล่านี้
หวังชุ่ยเฟินคงไม่คาดคิดมาก่อนแน่ว่าเธอจะเปลี่ยนจากการเป็นคนวางแผน กลายเป็นคนที่ถูกวางอยู่ในแผนแทน?
ฮึ่ม! สิ่งที่เธอประสบในชีวิตที่แล้ว เธอจะส่งมันกลับไปให้หวังชุ่ยเฟินครบทั้งต้นและดอกเลยคอยดู!