กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 150 อย่ากัดผมได้ไหมฮะ
บทที่ 150 อย่ากัดผมได้ไหมฮะ
บทที่ 150 อย่ากัดผมได้ไหมฮะ
ดวงตาของเธอขึ้นสีแดงเรื่อในขณะที่กำลังดิ้นรน เธอกลับจ้องมองเขาอย่างขมขื่นใจ
เสิ่นอี้โจวไม่รู้ว่าทำไม แต่เขายังพยุงเซี่ยชิงหยวนขึ้นแล้วปล่อยเธอไป
เขาเอื้อมมือออกไปเชิดคางของเซี่ยชิงหยวน แต่เธอกลับหลบเลี่ยง
ชายหนุ่มพลันขมวดคิ้ว “ชิงหยวน เกิดอะไรขึ้น?”
ความโกรธและความคับแค้นใจที่เซี่ยชิงหยวนระงับมาตลอดทางพังทลายลงในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายถามเธอ
เธอกำลังจะพูดทั้งน้ำตา
ทว่าเธอกลับกัดปากแน่น ขณะจ้องมองเขาก่อนจะหันหลังและจากไป
“ชิงหยวน!” เสิ่นอี้โจวเรียกเธอจากด้านหลัง แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงการหันหลังให้และเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีบเข็นรถสามล้อกลับมาและวิ่งเหยาะ ๆ ตามเธอให้ทัน
หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินยังอยู่ในครัว เซี่ยชิงหยวนเดินตรงกลับเข้าไปที่ห้องนอนทันที
เธอกำลังจะปิดประตู แต่แล้วเสิ่นอี้โจวก็วิ่งไล่ตามเธอทัน
เซี่ยชิงหยวนอยู่ข้างในห้อง พยายามปิดประตูที่เสิ่นอี้โจวรั้งไว้ “ปล่อยมือนะ!”
เสิ่นอี้โจวขัดเท้าไว้ตรงประตูแล้วจับลูกบิดประตู “คุณเป็นแบบนี้ผมจะปล่อยได้ยังไง?”
เขาเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน เพิ่งดื่มซุปที่ทั้งเหม็นและขมซึ่งหลินตงซิ่วทำให้เต็มหม้อ จากนั้นเขาก็รีบออกไปรอรับเซี่ยชิงหยวน
ทันทีที่พวกเขาพบกัน เธอกลับโมโหมากมายใส่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว
เซี่ยชิงหยวนไม่เคยอารมณ์เสียโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น และมันก็เกี่ยวข้องกับตัวเขาด้วย
เสิ่นอี้โจวคิดถึงเรื่องฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยทันที
คนหนึ่งถูกเขาส่งไปยังชนบทแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งก็มีผู้หญิงที่ชอบแล้ว ดังนั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นได้อีก?
เซี่ยชิงหยวนกำลังโกรธ เธอยกเท้าเหยียบเท้าเสิ่นอี้โจวอีกครั้ง
เสิ่นอี้โจวทนทรมานกับความเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ยอมถอยเท้าออก
เซี่ยชิงหยวนตวาดว่า “ถ้าคุณไม่ถอยไป ฉันจะหยิกขาสุนัขของคุณซะ!”
เสิ่นอี้โจวตัวสั่นเมื่อเขาได้ยิน
เขาไม่กลัวการคุกคามของเธอ แต่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคราวนี้เซี่ยชิงหยวนโกรธมากกว่าครั้งไหน ๆ
เขาพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย “ถ้าผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ คุณสามารถตีหรือด่าผมได้เลย แต่อย่าโกรธแบบนี้ได้ไหม ถ้าคุณโกรธสุขภาพของคุณจะแย่เอานะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น
เธอพูดด้วยเสียงต่ำ “เสิ่นอี้โจว คุณยังกล้าเล่นละครต่อหน้าฉันอีกเหรอ!”
หัวใจของเสิ่นอี้โจวรัดเกร็งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
จากนั้นเขาก็ได้ยินเซี่ยชิงหยวนพูดว่า “วันนี้ฉันได้พบกับหลิงเยี่ย!”
เสิ่นอี้โจว “!”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวต่อ “เรื่องของฉู่ซิงอวี่กับหลิงเยี่ย คุณอยากให้ฉันพูดต่อเลยไหม!”
เขาไม่รู้ว่าเซี่ยชิงหยวนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เขารู้แค่ว่าถ้าตัวเขาไม่อธิบายกับอีกฝ่ายให้กระจ่าง เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องบานปลาย
เขารั้งประตูไว้อย่างแข็งขัน “ชิงหยวน ฟังคำอธิบายของผมก่อน”
เซี่ยชิงหยวนไม่ยอมล่าถอยเช่นกัน “คุณยังจะอธิบายอะไรอีก? หรือคุณต้องการจะบอกว่าคุณจะหย่ากับฉันเมื่อไหร่น่ะรึ? หรือคุณต้องการบอกเหตุผลที่น่าสนใจของคุณกับฉันว่ามันคืออะไร?”
เธอหยุดพูดชั่วคราว “ทำไมคุณถึงอยากยกภรรยาของตัวเองให้กับคนอื่นนัก? เสิ่นอี้โจวให้ฉันบอกคุณไว้เลยนะ อย่ามาทำแบบนี้กับฉันเพราะฉันจะไม่ทน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวก็ขาวซีด
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ใช่ นี่มันเรื่องบ้าอะไร เขาถึงต้องการส่งคนที่ตัวเองรักไปอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่น?
เขาจะพูดอย่างไรดีล่ะ? กับความคิดเหล่านั้นที่เขาทนเห็นเธอต้องอยู่คนเดียวหลังจากที่เขาจากไปไม่ได้อย่างนั้นเรอะ?
ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดโอหังของเขาทั้งเพ และตอนนี้เขาก็ต้องมาเสียใจกับมัน
ในขณะที่เขาเงียบ เสิ่นอี้หลินก็กระโดดโลดเต้นมาที่ห้องนั่งเล่น
เด็กชายเห็นเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนคุยกันผ่านประตู เขาก็ถามขึ้นว่า “พี่ฮะ พี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
เสิ่นอี้โจวปรับสีหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว ส่งยิ้มบางให้แก่เสิ่นอี้หลิน “พี่กำลังคุยกับพี่สะใภ้ของนายอยู่น่ะ”
ในขณะที่พูด เขายื่นมือเข้าไปในประตูที่เปิดแง้มอยู่เล็กน้อย จับมือของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “ใช่ไหม? ชิงหยวน?”
จู่ ๆ ก็ถูกเสิ่นอี้โจวจับมือ ชิงหยวนผงะไปชั่วขณะ
แต่ด้วยการมาของเสิ่นอี้หลิน เธอรู้ว่าไม่ควรโวยวาย
จากนั้นเธอก็โผล่หัวออกมาจากประตู “ใช่ เรากำลังคุยกันอยู่”
ในเวลาเดียวกัน เธอขยิบตาให้เสิ่นอี้โจวส่งสัญญาณให้เขาปล่อยมือ
แน่นอนว่าเสิ่นอี้โจวย่อมไม่ปล่อย
เขามองอย่างอ้อนวอนไปยังหญิงสาวซึ่งกำลังมองตัวเขาด้วยสายตาเย็นชา
แค่ปล่อยให้เขาจับมือเธอชั่วครู่เพื่อเห็นแก่หน้าอี้หลินไม่ได้หรือ?
เมื่อเห็นว่าสัญญาณที่ให้ปล่อยมือของตัวเองถูกเพิกเฉย เซี่ยชิงหยวนก็โกรธมาก เธอก้มศีรษะไปทางมือของเสิ่นอี้โจวที่จับมือเธอไว้ และกัดมือของเขาเข้าเต็ม ๆ
ทีแรกเธอยังยั้งแรงบ้าง แต่เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวไม่แม้แต่จะย่นคิ้ว เธอก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปรานีอีกต่อไป
เธอจึงกัดแรงขึ้น
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าฟันของเธอจมลึกลงบนผิวหนังของเขาเรื่อย ๆ
ทันใดนั้น กล้ามเนื้อของเสิ่นอี้โจวก็เกร็งขึ้น
เขาเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
เซี่ยชิงหยวนกัดหลังมือของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่ายว่าจะปล่อยหรือไม่
ทว่าในทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น กลับเห็นเสิ่นอี้หลินวิ่งเข้ามาและพยายามเบียดศีรษะเล็ก ๆ เข้ามาข้างใน
แม้ว่าเสิ่นอี้โจวจะจับมือน้องชายของตัวเองไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อเสิ่นอี้หลินเลย และในที่สุดเด็กชายก็เห็นฉากในประตู
การจ้องมองของเสิ่นอี้หลินสลับไปมาระหว่างมือของเสิ่นอี้โจวกับการจ้องมองที่ดุเดือดของเซี่ยชิงหยวนซึ่งสายเกินกว่าถอนกลับ
และในที่สุด เสิ่นอี้หลินก็เบิกตากว้างและมองเธอด้วยความไม่เชื่อ
เซี่ยชิงหยวนเพิ่งรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าอายมากไปกว่าช่วงเวลานี้แล้ว
ในวินาทีต่อมา เสิ่นอี้หลินถูกเสิ่นอี้โจวลากออกจากประตู
เธอได้ยินเสิ่นอี้หลินพูดว่า “พี่ใหญ่! พี่สะใภ้ถูกจิ้งจอกเข้าสิง เธอจึงอยากกินเนื้อของพี่!”
เซี่ยชิงหยวน “…”
ฉันเนี่ยนะอยากกินเนื้อคน? ฉันยังไม่ได้กัดเข้าถึงเนื้อเลยไหม?
เซี่ยชิงหยวนคายมือของเสิ่นอี้โจวออกทันที
เมื่อถอนฟันออกมา เธอแค่อยากจะพูดบางอย่าง แต่น้ำลายหยดหนึ่งก็หยดลงบนหลังมือของเสิ่นอี้โจวเข้า
เซี่ยชิงหยวนตกใจและรีบเอื้อมมือไปเช็ดออกทันที
แต่เสิ่นอี้โจวไวกว่า ใช้โอกาสที่มือของเขาเป็นอิสระรีบชักกลับทันที
เซี่ยชิงหยวนจึงทำได้แค่ดูมืออีกฝ่ายที่มีรอยฟันลึกและน้ำลายหยดหนึ่งจากปากของเธอหดกลับไปเท่านั้น
จากนั้นเสียงทุ้มต่ำของเสิ่นอี้โจวก็ดังขึ้น เขาพยายามอธิบายกับเสิ่นอี้หลินว่าทำไมเซี่ยชิงหยวนถึงทำสิ่งนี้ในตอนนี้
ด้วยเหตุนี้ เซี่ยชิงหยวนจะอารมณ์เสียต่อได้อย่างไร?
เธอเช็ดมุมปากเผื่อว่าจะยังมีน้ำลายหลงเหลืออยู่
จากนั้นก็จัดแจงเสื้อผ้า เปิดประตูและเดินออกไป
ในห้องนั่งเล่น เสิ่นอี้โจวกำลังโน้มตัวคุยกับอี้หลินอยู่
ขณะที่ฟัง เสิ่นอี้หลินเบนสายตากลมโตของเขาไปรอบ ๆ
เมื่อสายตาของเขาสบกับเซี่ยชิงหยวน เด็กชายก็รีบหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
จากมุมมองนี้หมายความว่าเขาไม่ได้ฟังคำพูดของเสิ่นอี้โจวเลย
ถึงอย่างไร เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเพียงประโยคเดียว “อย่าบอกแม่”
จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็ปล่อยเสิ่นอี้หลิน
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้หลินก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามา เด็กชายจึงรวบรวมความกล้าและพูดว่า “พี่สะใภ้ ผมจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พี่อย่ากัดผมได้ไหมฮะ…”