กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 151 ลูกหมาออดอ้อนดื่มนม
บทที่ 151 ลูกหมาออดอ้อนดื่มนม
บทที่ 151 ลูกหมาออดอ้อนดื่มนม
เซี่ยชิงหยวน “…”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เสิ่นอี้โจวจึงลูบหัวของเสิ่นอี้หลินเบา ๆ
“นายกำลังพูดอะไรอยู่ฮะ?!”
เสิ่นอี้หลินปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว “พี่ใหญ่ พี่…สะใภ้ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับ!”
พูดจบเด็กชายก็หันหลังวิ่งจากไปทันที
ขณะที่วิ่ง เขาก็ตะโกนเสียงดัง “แม่! แม่!”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเสิ่นอี้หลินที่กำลังวิ่งหนีไป จากนั้นเธอก็หันกลับมาจ้องเสิ่นอี้โจวเขม็ง
เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขากำลังอธิบายแทนเธอหรือกำลังทำลายชื่อเสียงของตัวเองกันแน่?
แต่สิ่งที่หญิงสาวรู้แน่ชัดก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอี้หลินน่าจะไม่แน่นแฟ้นเหมือนก่อนเก่าเพราะเหตุการณ์นี้แน่นอน
มือของเสิ่นอี้โจวที่ถูกเซี่ยชิงหยวนกัดลดลงไปอยู่ข้างลำตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนคราบน้ำลายนั้นเขาเช็ดออกไปแล้วเช่นกัน
เขาเกาจมูกตัวเองและมองไปยังเซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน คือผม…”
ทว่าขณะเดียวกันนั้น หลินตงซิ่วก็ตะโกนมาจากประตูห้องครัว “ได้เวลากินข้าวแล้วจ้า!”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะแม่!”
จากนั้นเธอก็จ้องมองทางชายหนุ่มครู่หนึ่ง “ฉันจะคิดบัญชีกับคุณทีหลัง!”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินผ่านเขาไปทางห้องครัว
ตอนนี้หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว มันจึงยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะพูดคุยกัน
เธอต้องรอให้พวกเขานอนหลับก่อนถึงจะได้สานต่อเรื่องราวนี้กับเสิ่นอี้โจว
เมื่อคำพูดถูกพูดออกไปแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังอีก
เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เสิ่นอี้หลินซึ่งเคยนั่งติดกับเซี่ยชิงหยวนทุกครั้ง กลับเลือกที่นั่งห่างจากเธอให้มากที่สุดในตอนนี้
หลินตงซิ่วงงงวย “เด็กคนนี้เป็นอะไรไป?”
ทันใดนั้น สายตาทั้งสามคู่ในห้องล้วนมองไปทางเด็กชาย
เสิ่นอี้หลินยังคงมีอาหารอยู่ในปากของเขา เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนกำลังมองมายังเขาเช่นกัน เจ้าตัวก็รีบก้มศีรษะ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
เขาพึมพำว่า “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรฮะ”
หลินตงซิ่วไม่ได้คิดว่ามันเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวนเลย และคิดว่าเสิ่นอี้หลินแค่กำลังทำตัวแปลกประหลาดโดยไร้เหตุผล
เธอไม่สนใจลูกชายคนเล็กอีกต่อไปและบอกให้ทุกคนทานอาหารเย็นร่วมกัน
แม้แต่เซี่ยชิงหยวนก็ไม่แสดงท่าทีอะไร หลินตงซิ่วคิดว่าเป็นเพราะวันนี้ลูกสะใภ้ของเธอเหนื่อยเกินไปเท่านั้น
หรือไม่ลูกชายเธอก็อาจจะร่างกายไม่แข็งแรงพอ จึงไม่สามารถทำตามใจลูกสะใภ้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น เสิ่นอี้โจวจะดีกว่าเดิมหลังจากดื่มน้ำแกงที่เธอต้ม
เธอคีบเนื้อชิ้นใหญ่ให้แก่เซี่ยชิงหยวน “วันนี้ลูกน่าจะเหนื่อย กินให้มากขึ้นเพื่อบำรุงร่างกายตัวเองนะ”
จากนั้นเธอก็คีบอีกชิ้นให้เสิ่นอี้โจว “ลูกก็ทำงานหนักเช่นกัน กินให้มากขึ้นนะ”
จากนั้นเธอก็มองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม
บนใบหน้าของพวกเขาดูราวจะเห็นหญิงวัยกลางคนเป็นตุ๊กตาตัวอ้วนใหญ่กำลังส่งยิ้มให้
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินตงซิ่ว เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกแปลกเล็กน้อย
เธอเหลือบมองไปทางเสิ่นอี้โจวผ่านหางตา จึงเห็นว่าเขายังคงมีสีหน้านิ่งเรียบ
มิหนำซ้ำ เขายังคีบผักใส่ในชามให้เธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “กินเยอะ ๆ นะ”
เมื่อมีหลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินอยู่ด้วย เซี่ยชิงหยวนจึงไม่สามารถคีบผักที่เขาส่งให้ออกจากชามได้
ทว่าหญิงสาวเพียงกำหมัดและไม่แตะต้องจานนั้นอีก
จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง อาหารที่เสิ่นอี้โจวคีบให้ยังคงกองอยู่ที่ก้นชามของเซี่ยชิงหยวน
เสิ่นอี้โจวเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ และรู้ตัวว่าคืนนี้เขาไม่อาจหลบหนีได้
ดังนั้นหลังอาหารเย็น เขาจึงช่วยทำความสะอาดและพาเสิ่นอี้หลินไปอาบน้ำ
แม้แต่เซี่ยชิงหยวนก็อาบน้ำแต่หัววันและเข้าไปในห้องนอนแล้ว
เซี่ยชิงหยวนกวักมือเรียกเสิ่นอี้โจวเข้าห้องด้วยสีหน้าจริงจัง “มานี่ซิ”
ในสายตาของหลินตงซิ่ว ภาพที่เห็นดูจะเป็นเรื่องปกติอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเรียกกันเข้าไปในห้องเพื่ออะไร ดังนั้นหลินตงซิ่วจึงตะโกนไล่หลังอี้โจวว่า “อี้โจว ลูกรีบไปสิ!”
เสิ่นอี้โจว “…”
เขากำลังจะเดินไปยังลานประหารอยู่แล้ว แต่แม่ของเขาคิดว่าเขากำลังจะไปยังดินแดนแห่งความสุขเสียอย่างนั้น
เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่ เข้านอนเร็วหน่อยก็แล้วกันนะครับ”
จากนั้นเขาเปิดประตูและเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
เขาเห็นเซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ข้างเตียง เล่นกับผมในมือของเธออย่างเกียจคร้าน
เสิ่นอี้โจวรู้ว่าท่าทางที่ดูเกียจคร้านและมีเสน่ห์นี้ไม่ใช่เรื่องดี เซี่ยชิงหยวนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ซึ่งเรื่องนี้จะเล็กหรือใหญ่ก็ได้
ถ้าอธิบายดี ๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ถ้าจัดการไม่ดี มีโอกาสหย่าร้างแน่!
เสิ่นอี้โจวปิดประตูและค่อย ๆ เดินไปหาเซี่ยชิงหยวนทีละก้าว
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น
เธอเชิดคางขึ้นเล็กน้อย มองไปทางเสิ่นอี้โจวด้วยสายตาเย็นชา
เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “อธิบายมา”
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดใหม่ที่เธอแสดงท่าทีแบบนี้
เสิ่นอี้โจวก้าวไปข้างหน้า และด้วยเสียง ‘ตุบ’ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอผงะโดยไม่รู้ตัว
คนอย่างเสิ่นอี้โจวที่ยืนตรงกล้าสู้ฟ้าเสมอ เขาจะเคยคุกเข่าให้ใครมาก่อนด้วยหรือ?
หากบอกว่าเธอไม่ตกใจก็คงเป็นเรื่องโกหก และสะเทือนใจไม่น้อย
แต่แนวคิดเกี่ยวกับเพศชายและหญิงในยุคนี้ยังคงค่อนข้างรุนแรง
เซี่ยชิงหยวนตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านี่อาจเป็นกลอุบายของเสิ่นอี้โจว
เธอนั่งตัวตรงและเอ่ยดูแคลนเสียงเบา “อย่าทำอย่างนี้กับฉัน และอย่าคิดว่าฉันจะยกโทษให้คุณง่าย ๆ ถ้าคุณทำแบบนี้”
ขาทั้งสองของเซี่ยชิงหยวนแกว่งไปมาอยู่เบื้องหน้าของเสิ่นอี้โจว มันดูมันวาวภายใต้แสงไฟ
ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ เสิ่นอี้โจวรู้สึกว่าเลือดลมของตัวเองเริ่มแล่นพล่านไปยังสมองและอวัยวะเบื้องล่าง ทำให้เขาไม่อาจประมวลผลได้อย่างจริงจัง!
แน่นอนว่าการคุกเข่าของเขาในวันนี้ย่อมไม่ใช่กลอุบายทั้งสิ้น แต่ยังแสดงถึงทัศนคติในการยอมรับความผิดพลาดของตัวเองด้วย
เขาคลานเข่าไปข้างหน้าสองก้าว จับมือเซี่ยชิงหยวน จากนั้นเขย่าเบา ๆ และแนบไว้ตรงแก้มของเขา
เสียงที่เคยเงียบงันก่อนหน้านี้กลายเป็นเสียงลมหายใจแหบต่ำยิ่งกว่าเดิม
ดวงตาประหนึ่งนกฟีนิกซ์ของเขาดูกระจ่างชัดในเวลานี้ พลางมองดูเธออย่างวอนขอความเห็นใจ
มันเหมือนลูกหมาที่ยังไม่หย่านมกำลังอ้อนวอนขอความรักจากเจ้านาย มันดูน่ารักมากจนคนอดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้มัน
ขนตาของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาลูบมือของเธออย่างน่าสงสาร
ชายหนุ่มมองหญิงสาวโดยตรงด้วยสีหน้าเช่นนี้ “ชิงหยวน ผมขอโทษ”
เซี่ยชิงหยวนควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง และมองตรงไปยังเขา
หญิงสาวจ้องเข้าไปในดวงตาลึกล้ำของเสิ่นอี้โจวด้วยความว่างเปล่า และรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงชั่วที่กำลังรังแกผู้ชายจากครอบครัวที่ดี
เธอโน้มตัวไปข้างหน้า ลอบออกแรงบีบมือที่เขาจับไว้ หวังว่าตัวเองจะผลักให้เขาล้มลงใต้ร่างเธอ
จากนั้นเธอก็ทำจริงๆ
เธอผลักมือตัวเองไปทางเสิ่นอี้โจวและคิ้วของเธอก็ขมวด “เสิ่นอี้โจว คุณคิดจะหว่านเสน่ห์ใส่ฉันตอนนี้เหรอ!”
ดวงตาของเธอพลันกลับมากระจ่างชัดอีกครา ราวกับว่าคนที่มีอารมณ์เมื่อครู่ไม่ใช่เธอ
เซี่ยชิงหยวนสัมผัสร่างกายของเสิ่นอี้โจวมากเกินไป แต่ในที่สุดเธอก็กลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง
เสิ่นอี้โจวไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างนั้น
เขาคุกเข่าอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ายอมจำนนต่อการเข่นฆ่า
เซี่ยชิงหยวนถามเขาอีกรอบ “ฉักขอถามคุณตรง ๆ อีกครั้ง เรื่องของฉู่ซิงอวี่กับหลิงเยี่ย ทำไมคุณถึงทำแบบนี้!”