กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 154 รอผมกลับมาตอนค่ำ
บทที่ 154 รอผมกลับมาตอนค่ำ
บทที่ 154 รอผมกลับมาตอนค่ำ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง
หญิงสาวคว้าแขนของเสิ่นอี้โจวไว้ “ร่างกายคุณเป็นแบบนี้ ยังจะทำเก่งอีกเหรอคะ?”
เสิ่นอี้โจวโอบกอดเธอและหัวเราะเบา ๆ
แม้เสียงจะแผ่วเบา แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เซี่ยชิงหยวนอิงแอบซบกับหน้าอกของเขาและรู้สึกว่าหน้าอกแกร่งนั้นกำลังสั่น
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “ถ้าพยายามให้หนักขึ้น มันก็อาจเป็นไปได้ก็ได้นะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ เธอจึงต้องการสัมผัสเขาอีกครั้งทันที
เสิ่นอี้โจวระวังตัวอยู่แล้ว เขาจับมือเธอและวางไว้บนหน้าอกของเขา
มืออีกข้างหนึ่งเอื้อมโอบเอวของหญิงสาว แล้วไล้หยุดที่บั้นท้ายอันอวบอิ่มของเธอ
ฝ่ามือใหญ่ของเขากอบกุมก้นไว้ทั้งหมด
จากนั้นเขาก็ออกแรงบีบคลึงแน่น
เสียงของเขาราวกับคนมึนเมาด้วยฤทธิ์ไวน์แดง มันดูจะเปล่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ “คุณเองก็รู้สึกได้ ว่าไม่มีส่วนใดในร่างกายผมไม่คิดถึงคุณ”
เซี่ยชิงหยวน “…”
ร่างกายของเธอแข็งค้างและไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อน
เธอต้องการจะดิ้นให้หลุด ทว่าเขากลับกอดแน่นกว่าเดิม
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝังศีรษะไว้ในอ้อมแขนของเขา แม้แต่ปลายหูของเธอก็ยังแดงเรื่อ
“เจ้าคนตัวเหม็น!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เขินอายของเธอ ชายหนุ่มก็ส่งเสียงหัวเราะอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ไม่ยักจะดื้อดึงขนาดนี้ อีกทั้งยังทิ้งผมไว้ตั้งครึ่งค่อนวัน ทำไมล่ะ? พอผมให้โอกาสคุณ ไหงคุณถึงหงอแบบนี้ล่ะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเขาทันที “ คุณรู้เรื่องราวหมดแล้วเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ครับ”
พูดให้ชัดก็คือรู้คร่าว ๆ
แต่ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงกลอุบายในการหาเหตุผลหย่าร้างของเธอเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเห่อร้อนไปทั้งหน้า
เธอคิดว่าวิธีการของตัวเองฉลาดมากแล้วนะ!
เสิ่นอี้โจวจูบเธอเบา ๆ ที่หน้าผาก “เอาล่ะ ผมจะไม่แกล้งคุณแล้ว แต่ถ้าขืนเรายังคุยกันต่อไป ผมก็คงรับประกันไม่ได้ว่าจะไม่ทำอะไรจริง ๆ นะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้ารัวราวกับว่าเธอได้รับการอภัย “อืม ๆๆ เข้านอนกันเถอะ”
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อทั้งสองคนเปิดใจคุยกันและกันในคืนนี้แล้ว พวกเขารู้สึกว่าหัวใจสองดวงใกล้ชิดกันมากขึ้น
มันราวกับได้ข้ามน้ำข้ามภูเขา ฝ่าชั้นหมอกที่อำพรางไว้ และในที่สุดคนทั้งสองก็มาเผชิญหน้ากัน
คนทั้งสองกอดกัน แล้วหลับไปเหมือนคู่รักที่ธรรมดาที่สุดในโลก
…
เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า ทั้งเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวต่างมีชีวิตชีวา
ผิดกับหลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลิน ซึ่งมีรอยคล้ำใต้ตา
เซี่ยชิงหยวนตกใจ “คุณแม่กับอี้หลินเป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
หลินตงซิ่วเป็นห่วงเสิ่นอี้โจว ในขณะที่เสิ่นอี้หลินหวาดกลัวเซี่ยชิงหยวน
เมื่อได้ยินเสียงทักนี้ เด็กชายพลันหดคอและวิ่งไปหลบหลังหลินตงซิ่ว
ผู้เป็นแม่สามีรู้สึกอายที่จะเผชิญหน้ากับเธอ
ถึงอย่างไร มันก็เป็นเพราะน้ำแกงยาที่เธอปรุง เสิ่นอี้โจวจึงมีเลือดกำเดาไหล
ยิ่งกว่านั้น หลังจากนี้น้ำแกงนั่นอาจทำให้ร่างกายของเสิ่นอี้โจวอ่อนแอลงกว่าเดิม
เธอรู้สึกขอโทษต่อลูกสะใภ้อย่างมาก
หลินตงซิ่วยิ้มอย่างฝืนใจ “เมื่อคืนแม่แค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังหัวเล็กทุยของเด็กชายซึ่งหลบอยู่ด้านหลัง ขณะพยายามชะเง้อมองเธอเช่นกัน “แล้วนายล่ะ? เป็นอะไรล่ะหืม?”
ขณะที่เสิ่นอี้โจวเพิ่งเข้ามา เสิ่นอี้หลินก็พูดว่า “ผม…ผมฝันร้าย” จากนั้นเด็กชายก็รีบวิ่งไปหาเสิ่นอี้โจว
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอตีเขาเหรอ? เธอดุเขาเหรอ?
ก็เปล่า! แต่ทำไมอีกฝ่ายกลับดูกลัวเธอขนาดนั้น?
แต่แล้วหญิงสาวก็จำได้ว่าเสิ่นอี้หลินเห็นเธอกัดเสิ่นอี้โจวเมื่อวานนี้ มุมปากของเธอกระตุกวูบ
ช่างเถอะ เด็กแบบนี้ลืมง่ายอยู่แล้ว เดี๋ยวผ่านไปสักพักคงเป็นปกติ…
หลินตงซิ่วเรียนรู้บทเรียนจากเมื่อคืนนี้แล้ว ดังนั้นเช้านี้เธอจึงทำอาหารที่มีรสอ่อนมาก
มีเพียงโจ๊ก ไข่ต้มและเครื่องเคียงอีกเล็กน้อยเท่านั้น
เธอพูดว่า “ช่วงนี้อากาศร้อน แม่เลยทำอะไรที่มันอ่อน ๆ หน่อยนะ”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เธอก้มศีรษะลงและใช้มือปิดรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
ใต้โต๊ะ หลังมือของเธอถูกสัมผัสอันอบอุ่นกอบกุมเอาไว้
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นและสบเข้ากับสายตาของเสิ่นอี้โจว
เขากำลังคุยกับหลินตงซิ่วในขณะที่จับมือเธอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อสังเกตเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนมองมาที่ตัวเอง เขาก็งอนิ้วเกาฝ่ามือของเธอ
ทำให้หญิงสาวมีอาการจักจี้ที่ฝ่ามือทันที ตั้งแต่กลางฝ่ามือลามไปถึงแขนขา
จากนั้นทั่วทั้งร่างกายของเธอพลันร้อนผ่าว
เธอรีบกำนิ้วเขาแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสร้างปัญหาอีก
เสิ่นอี้โจวเลิกแกล้งเธออย่างง่ายดาย และจับมือเธอไว้เงียบ ๆ แทน
…
หลังอาหารเช้า เสิ่นอี้โจวกำลังจะไปทำงาน
เมื่อเขาเข้าไปบ้วนปากในห้องน้ำ เซี่ยชิงหยวนก็เดินตามเขาเข้ามา
เธอพูดว่า “เมื่อคืนนี้คุณเลือดกำเดาออกเยอะมากเลยนะ ทำไมวันนี้คุณไม่พักสักวันหนึ่งล่ะคะ?”
“ผมไม่เป็นไรหรอก” เสิ่นอี้โจวเช็ดปากตัวเองและมองเธอ “ถ้าคุณไม่เชื่อ คืนนี้ผมจะแสดงให้ดูแบบถึงใจเลย”
เซี่ยชิงหยวนดุเขาทันที “คุณนี่เอาแต่เล่นตลอดเลย”
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของเธอ เห็นได้ชัดว่ามีความสุขมาก
ทั้งสองเดินออกไปด้วยกัน และในวินาทีต่อมา เสิ่นอี้โจวก็ดึงเธอไปทางมุมประตู
เขาดันเธอติดกับผนังด้วยแขนแข็งแรง ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้น เขาก็จูบเธออย่างรุนแรงราวกับพายุที่โหมกระหน่ำอย่างฉับพลัน
เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงที ดังนั้นเธอจึงทำได้แต่เชิดหน้าขึ้นและถูกบังคับให้ต้องแบกรับไว้
เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเรือเล็กในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ซึ่งกำลังถูกคลื่นซัดเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่า
รสจูบนี้รุนแรงและทรงพลังมากเสียจนหญิงสาวรู้สึกว่าอากาศในปอดของเธอถูกสูบออกไป
เมื่อเธอเกือบจะหมดลมหายใจ เสิ่นอี้โจวก็ผละจากไป เขาจุ๊บมุมริมฝีปากของเธอเบา ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “หายใจเข้า”
จิตใจของเซี่ยชิงหยวนกลายเป็นว้าวุ่น
เธอสูดลมหายใจเข้าโดยไม่รู้ตัว
วินาทีที่เธอสูดอากาศเข้าเต็มปอด พายุก็พัดกระหน่ำใส่เธออีกรอบ
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอทำได้เพียงเกาะแขนเขาราวกับไม้เลื้อยที่กำลังจะเหี่ยวเฉาโรยรา
ในที่สุดเธอก็ทรุดตัวลงในอ้อมแขนของเขา ในหัวขาวโพลนไปหมด
เสิ่นอี้โจวกอดเอวบาง ปล่อยให้เธออิงเขาไว้
ดวงตาคมกริบอันเปล่าเปลี่ยวของเขาราวเอ่อคลอด้วยน้ำ โดยรอยแดงจาง ๆ ที่หางตา
เขากัดเม้มติ่งหูของเธอเบา ๆ และพึมพำว่า “วันนี้ผมไม่อยากไปทำงานเลย”
เซี่ยชิงหยวนตัวสั่นด้วยความขนลุก
แต่ในที่สุดขาของเธอก็กลับมามีเรี่ยวแรง ทว่ายังคงยืนไม่มั่นคงนัก
ไม่แม้แต่จะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ
เธอเอื้อมมือผลักเขาออกไป “เร็วเข้า ไม่งั้นคุณจะสายนะ”
เสิ่นอี้โจวอารมณ์ดีขึ้นอย่างมาก
เขาเอื้อมแตะปลายจมูกของเธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงใจร้ายตัวน้อย”
เขาเดินเข้าหาเธออีกครั้ง “รอผมกลับมาตอนค่ำนะ ตกลงไหม?”
เซี่ยชิงหยวนหดคอโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นภายใต้แววตากึ่งตลกกึ่งคาดหวังของเสิ่นอี้โจว เธอก็พยักหน้า