กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 16 การรอคอยที่แสนยาวนาน
บทที่ 16 การรอคอยที่แสนยาวนาน
บทที่ 16 การรอคอยที่แสนยาวนาน
หากใครถามหวังชุ่ยเฟินกับตู้อวิ๋นเซิงว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรตอนนี้ พวกเขาสามารถตอบพร้อมกันได้เลยว่า อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้!
ตู้อวิ๋นเซิงฉวยโอกาสที่หวังชุ่ยเฟินกำลังถูกทุบตี พยายามจะหลบหนี
แต่เขาจะสมหวังได้ง่าย ๆ ที่ไหนกัน?
หลิวอิ๋นซิ่งเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเธอเห็นเขาพยายามวิ่งไปด้านข้าง เธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางทางชายหนุ่มเอาไว้ “คุณตู้! คุณจะไปไหนคะ”
ตู้อวิ๋นเซิงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย ทั้งยังพยายามหมุนตัวกลับ และวิ่งไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเขาก็ถูกผานเยว่กุ้ยที่วิ่งเข้ามาพอดีขวางทางไว้ “คุณตู้ อย่าวิ่งสิ!”
เมื่อมีคนมาที่นี่มากขึ้น และล้วนถือไฟฉายกันไว้ในมือ ตอนนี้ใต้ต้นไทรใหญ่จึงสว่างไสวมาก
คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าที่แห่งนี้มีงานเลี้ยง
เมื่อผานเยว่กุ้ยเห็นอีกฝ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น เธอก็เบิกตากว้างและชี้ไปที่หวังชุ่ยเฟิน “ทำ…ทำไมถึงเป็นเธอ?”
ตอนนี้ความสงสัยของเธอได้รับความกระจ่างแล้วว่า ทำไมแม่เฒ่าเจี่ยถึงโกรธมากขนาดนี้ ที่แท้ไม่ใช่เซี่ยชิงหยวนที่ถูกจับชู้ แต่เป็นหวังชุ่ยเฟิน!
ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร
หลิวอิ๋นซิ่งเม้มปาก “เห็นไหม? เห็นรึยังว่าผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งแค่ไหน เธอสามารถเป็นชู้กับชายอื่นได้อย่างหน้าไม่อาย!”
หวังชุ่ยเฟินเกลียดผานเยว่กุ้ยแทบตายในขณะนี้
ถ้ายัยป้านี่ไม่เฮโลพากลุ่มคนมา เธอคงผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่ตอนนี้มีคนเห็นเธอมากมายแบบนี้ แล้วเธอจะอธิบายตัวเองอย่างไร!
มันเป็นความสำเร็จของอีกฝ่ายบนความล้มเหลวของเธอ!
ตอนนี้หญิงสาวได้ลืมไปแล้วว่า เธอเป็นคนบอกให้ผานเยว่กุ้ยทำแบบนี้เอง
ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “แม่เฒ่าเจี่ย เกิดอะไรขึ้น?”
แม้ว่าเหตุการณ์จะชัดเจนคาตาแบบนี้ แต่มันก็เป็นคำถามที่ดี
หญิงชราฟาดหวังชุ่ยเฟินเป็นครั้งสุดท้าย แล้วไฟฉายเจ้ากรรมก็แตกพอดิบพอดี
เธอโยนไฟฉายที่แตกลงบนพื้นและตะโกน “จะเกิดอะไรขึ้นได้อีกเล่า นอกจากนังสารเลวนี่ลอบคบชู้!”
ขณะพูด ความเกลียดชังก็ยิ่งปะทุขึ้นในใจของเธอ เธอหยิกเนื้อแขนของหวังชุ่ยเฟินอย่างรุนแรง
หญิงสาวรู้สึกอับอายอย่างมาก
ทั่วทั้งร่างกายของเธอปวดร้าวและสะบักสะบอมไปหมด
และตู้อวิ๋นเซิงไอ้สารเลวนั่นก็ไม่คิดจะช่วยอะไรเธอเลย!
หวังชุ่ยเฟินจึงทำได้เพียงช่วยตัวเองเท่านั้น
เธอส่ายหัวอย่างแรงและร้องไห้ออกมา “ฉันถูกเข้าใจผิด! ชายคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันจริง ๆ เป็นเซี่ยชิงหยวนต่างหากที่มีความสัมพันธ์กับตู้อวิ๋นเซิง ฉันแค่เป็นคนส่งสารเท่านั้น!”
เมื่อได้ยินหวังชุ่ยเฟินโพล่งเรื่องของเซี่ยชิงหยวนขึ้นมา ทุกคนก็สบตากันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ก่อนหน้านี้ ตัวเอกของข่าวลือคือเซี่ยชิงหยวนกับตู้อวิ๋นเซิง
หลิวอิ๋นซิ่งรีบพูดว่า “พี่สะใภ้ ฉันรู้ว่าพี่ไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อกี้ฉันกับแม่เห็นเต็มสองตาว่าพี่กับครูตู้กำลังจะพลอดรักกัน!”
ขณะที่พูด หญิงสาวก็แสร้งทำหน้าอับอายออกมา
“ถุย! นังบ้านี่!” หวังชุ่ยเฟินถ่มน้ำลายใส่อีกฝ่ายและตะโกน “อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ! เมื่อกี้ฉันสะดุดล้มโดยไม่ได้ตั้งใจ และตู้อวิ๋นเซิงก็มีน้ำใจพยายามที่จะช่วยฉันก็เท่านั้น!”
หลิวอิ๋นซิ่งไม่คิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะถ่มน้ำลายใส่เธอ หญิงสาวจึงหลบไม่ทัน น้ำลายจึงกระเด็นถูกร่างกายของเธอเต็ม ๆ ซึ่งมันยิ่งทำให้เธอเกลียดพี่สะใภ้คนนี้มากขึ้น
แต่เธอยังคงแสร้งเห็นใจอีกฝ่าย “พี่สะใภ้ ที่ฉันพูดคือความจริง พี่เลยโกรธฉันมากสินะ ตู้อวิ๋นเซิงช่วยแบบไหนเหรอ ถึงต้องลงไปนอนกอดกันแบบนั้น?”
ดวงตาของหวังชุ่ยเฟินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จากเธอก็กระโจนเข้าไปตบหน้าของอีกฝ่ายทันที
“ว้าย!” หลิวอิ๋นซิ่งอุทานและหลบอยู่ข้างหลังแม่เฒ่าเจี่ย
เมื่อเห็นแบบนั้น คนอื่น ๆ ก็รีบหยุดหวังชุ่ยเฟินเอาไว้
เดิมที พวกเขาคล้อยตามคำพูดของหวังชุ่ยเฟินเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เชื่อถือเธออีกแล้ว
นี่มันเหมือนกับที่หลิวอิ๋นซิ่งพูดเลยนี่? เธอโกรธจัดเพราะความอับอายที่ได้รับมา
ภาพทุกอย่างมันชี้ชัดอยู่แล้วจะอธิบายให้ได้อะไรอีก?
ดูเหมือนว่า ข่าวลือเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวนและตู้อวิ๋นเซิงก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงการปกปิดเรื่องอื้อฉาวของตัวเองเสียแล้ว
แม่เฒ่าเจี่ยตะโกนด้วยใบหน้าถมึงทึงว่า “พอแล้ว! แกยังทำตัวน่าอายไม่พออีกหรือไง!”
หลังจากความโกรธของเธอเบาบางลงแล้ว เธอก็ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องอื้อฉาวในครอบครัวและไม่ควรมาดุด่ากันในที่สาธารณะ
แต่ตอนนี้ทุกคนรู้เกี่ยวกับปัญหานี้แล้ว หากพวกเขาไม่แก้ไขอย่างถูกต้อง ตระกูลเจี่ยจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้นว่า “แกบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด แกมีหลักฐานอะไร”
หวังชุ่ยเฟินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเตะตู้อวิ๋นเซิงที่เงียบและเอาแต่ก้มศีรษะอยู่ “อธิบายเร็ว ๆ สิ!”
ตู้อวิ๋นเซิงยืนก้มหัวอยู่ข้าง ๆ เหมือนไก่ขี้แพ้ ภาพที่เขาถูกคนมากมายเห็นว่านอนกอดกับหวังชุ่ยเฟิน เขาจะยังแก้ตัวอะไรได้อีก?
ในใจของเขากำลังก่นด่าบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของหวังชุ่ยเฟินไปหลายร้อยครั้งแล้ว
ในวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะหวังชุ่ยเฟิน เขาคงยังอ่านหนังสือและดื่มชาอย่างมีความสุขอยู่ในหอพัก เขาจะอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ได้อย่างไร?
เธอต้องการให้เขาอธิบายอะไรอีก
อธิบายว่าคนที่ขอให้เขามาพบในคืนนี้คือเซี่ยชิงหยวน แต่แล้วกลับมานอนกอดกับหวังชุ่ยเฟินเนี่ยนะ?
แม้มันจะเป็นเรื่องจริงที่เขากับหวังชุ่ยเฟินบังเอิญล้มทับกัน แต่คนอื่นไม่เชื่อคำอธิบายแบบนั้นแน่นอน
เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ว่าจะอธิบายอะไรไปก็ดูจะไม่ถูกต้อง
เมื่อเห็นว่าตู้อวิ๋นเซิงเงียบไป หวังชุ่ยเฟินจึงกรีดร้องขึ้นมา “เซี่ยชิงหยวน! ใช่! เธอบอกว่าจะกลับไปเอาของของเธอและกลับมาที่นี่! ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อฉัน ก็บอกให้ทุกคนที่นี่ซ่อนตัวกันก่อน อีกไม่นานเธอก็จะมาแล้วเราทุกคนก็จะจับชู้ตัวจริงได้!”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปที่แม่เฒ่าเจี่ยอย่างพร้อมเพรียงกัน
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นเรื่องของตระกูลเจี่ย วิธีแก้ไขจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ
ตอนนี้มันเป็นสังคมที่ปกครองกันด้วยกฎหมาย สิ่งที่เรียกว่าการตัดสินโดยคนหมู่มากไม่มีอีกแล้ว
แม่เฒ่าเจี่ยจ้องมองที่ลูกสะใภ้ของตัวเองเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะเชื่อใจแกอีกสักครั้ง!”
ตู้อวิ๋นเซิงกลับไม่เห็นด้วย
ตอนนี้เขาถูกเข้าใจผิดว่ามีอะไรกับหวังชุ่ยเฟินแล้ว เขายังมีเหตุผลที่จะปฏิเสธและหลบหนีจากสถานการณ์นี้ได้ แต่ถ้าเซี่ยชิงหยวนมีส่วนเกี่ยวข้องอีก เขาก็จะถูกตัดสินว่ามีสัมพันธ์สำส่อนกับผู้หญิงที่ออกเรือนแล้วถึงสองคน
การมีสัมพันธ์กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วถึงสองคนพร้อมกัน จะทำลายชื่อเสียงและอนาคตของเขา
ในขณะที่เขากำลังจะโต้เถียง ผานเยว่กุ้ยก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เธอใช้เช็ดเหงื่อมาปิดปากเขา
ตอนนี้หวังชุ่ยเฟินถูกจับแล้ว หากเซี่ยชิงหยวนนังสุนัขตัวเมียตัวน้อยนั่นไม่ถูกจับได้ เธอจะไม่ได้เงินสิบหยวนแน่นอน
กลิ่นเหงื่อที่รุนแรงทำให้ชายหนุ่มเกือบหมดลมหายใจ เขาถูกผานเยว่กุ้ยและผู้หญิงอีกคนจับเอาไว้ เขาจะยังต่อสู้ได้อยู่อีกเหรอ
จากนั้นผู้หญิงบางคนก็ไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ บางคนซ่อนอยู่หลังกระท่อมมุงจาก และบางคนก็วิ่งไปหลบด้านข้างหลายสิบเมตร จากนั้นก็ปิดไฟฉายและรอให้เซี่ยชิงหยวนมาที่นี่
หวังชุ่ยเฟินถูกกดดันอย่างหนัก เธอจ้องมองไปยังทิศทางที่เซี่ยชิงหยวนควรจะเดินมาอย่างตั้งใจ คิดในใจว่าเมื่อเซี่ยชิงหยวนมา เธอจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับอีกฝ่าย
ความเลวร้ายที่เธอประสบอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะเซี่ยชิงหยวนคนเดียว เธอจะต้องเอาคืน!
ทว่าสิบนาทีต่อมาเซี่ยชิงหยวนก็ยังไม่มา
หัวใจของหวังชุ่ยเฟินเริ่มกระวนกระวาย
หลิวอิ๋นซิ่งซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ พี่ไม่ได้จงใจหลอกพวกเรา เพื่อหาข้อแก้ตัวใช่ไหม”
หวังชุ่ยเฟินมองเธออย่างแข็งกร้าว “ถ้าแกไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดก็เงียบไปซะ หากไม่พูดก็ไม่มีใครที่นี่คิดว่าแกเป็นใบ้หรอก!”
คนข้าง ๆ หญิงสาวเริ่มหมดความอดทน “ชุ่ยเฟินนี่ก็สิบนาทีแล้ว ทำไมฉันไม่เห็นใครเลย”
หญิงสาวหน้าเสียทันที ก่อนที่เธอจะกล่าวขอโทษออกมาด้วยรอยยิ้มฝืน “รออีกห้านาที เซี่ยชิงหยวนจะมาในอีกห้านาทีแน่นอน”
ครั้งนี้เธอไม่มีแผนอะไรอยู่ในหัวแล้ว จึงทำได้เพียงภาวนาให้เซี่ยชิงหยวนรีบมาถึงที่นี่
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเซี่ยชิงหยวนเดินกลับมาที่บ้าน เสิ่นอี้หลินได้ย้ายมานั่งรอเธอที่ม้านั่งเล็ก
เด็กน้อยตั้งหน้าตั้งตารอ เมื่อเห็นพี่สะใภ้กลับมา เด็กชายก็ยิ้มร่าทันที
เซี่ยชิงหยวนถามเขาว่า “เรียบร้อยไหม”
เสิ่นอี้หลินคืนนาฬิกาของผู้หญิงให้เซี่ยชิงหยวนด้วยท่าทางค่อนข้างภูมิใจ “เสร็จแล้ว แม่เฒ่าเจี่ยรีบออกไปทันทีเมื่อได้ยินว่าหวังชุ่ยเฟินไปแอบส่งของบางอย่างให้กับครอบครัวของเธอ ผมเพิ่งกลับมาและแม่เฒ่าเจี่ยก็ออกไปตามเวลาที่พี่สะใภ้บอกแล้วด้วย”
เพราะมีความทรงจำในชีวิตที่แล้ว เซี่ยชิงหยวนจึงสามารถคำนวณที่อยู่และเวลาของทุกคนได้อย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินแบบนั้น หญิงสาวก็ยกยิ้มและลูบหัวอีกฝ่าย “เยี่ยมมาก!”
เสิ่นอี้หลินให้เซี่ยชิงหยวนสัมผัสศีรษะของเขาด้วยความรู้สึกที่มีความสุขระคนทุกข์ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “อย่าลืมขาหมูอันใหญ่ที่พี่สะใภ้สัญญาไว้กับผมล่ะ!”
หญิงสาวกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”
จากนั้นเสิ่นอี้หลินก็หน้ามุ่ยอีกครั้ง “พี่ชายรออยู่ในห้องแน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่ห้องของเธอกับเสิ่นอี้โจว มีแสงสลัวลอดผ่านหน้าต่างออกมา
เธอตบไหล่เสิ่นอี้หลิน “ขอบคุณสำหรับวันนี้ กลับไปพักผ่อนเถอะ”
จากนั้นเธอก็เดินไปที่ห้องของตัวเอง