กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 164 เมื่อผู้หญิงบอกปัด แปลว่าเธอต้องการ
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 164 เมื่อผู้หญิงบอกปัด แปลว่าเธอต้องการ
บทที่ 164 เมื่อผู้หญิงบอกปัด แปลว่าเธอต้องการ
บทที่ 164 เมื่อผู้หญิงบอกปัด แปลว่าเธอต้องการ
เซี่ยชิงหยวนคิดว่าได้ยินเสียงดังปัง ภายในหัวของเธอระเบิดกระเจิงเพราะคำพูดของเขา
พวกเขายืนอยู่ข้างนอก ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว
เมื่อมองไปยังคิ้วคมเข้มอันหล่อเหลาของเขา เธอก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาดูเปล่งประกายยิ่งกว่าดวงดาว
ชั่วขณะนั้น ราวหญิงสาวต้องมนตร์สะกด
ผ่านไปเนิ่นนาน เธอก็รวบรวมสติของตัวเองได้อีกครั้ง “มีคนเคยบอกว่ามันก็ได้ดีเสมอไปหรอกนะคะ”
เสิ่นอี้โจวส่ายหัว “ผมไม่ได้เป็นแบบนี้มากว่ายี่สิบปีแล้ว”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เมื่อเห็นดวงตาคู่งามของเซี่ยชิงหยวนเบิกกว้าง ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็ออกแรงบีบที่บั้นท้ายของเธอ
เขายังคงโน้มน้าวอีกฝ่ายต่อไป “บอกผมหน่อยสิ ผมสมควรได้รับรางวัลไหม หืม?”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนทนไม่ไหวอีกต่อไปและกลายเป็นสีแดงก่ำ
เธอก้มหน้าลงและไม่กล้ามองเขา “คุณไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็หัวเราะเบา ๆ
สายตาของเขาเป็นเหมือนเส้นไหมที่พันรอบร่างเธอไว้จนไม่อาจดิ้นหนีได้อีกต่อไป
เขาโน้มเข้าไปใกล้ติ่งหูและเลียเบา ๆ “เมื่อก่อนคุณก็ไม่เป็นแบบนี้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ดูดมันเบา ๆ
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอเอื้อมมือไปตบไหล่ของเขาอย่างไว “เราอยู่ข้างนอกนะ”
ดวงดาวเหล่านั้นสว่างมาก หากใครออกมาก็จะเห็นพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “งั้นไปที่อื่นกันเถอะ”
ขณะที่พูดนั้น มือหนายังคงซุกซนและพาเธอไปยังข้างบ้าน
มีกำแพงขวางกั้นอยู่จึงพอจะบังสายตาอยู่บ้าง
ท่ามกลางท้องฟ้าค่ำคืน นอกจากเธอกับเขาแล้ว ยังมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและภูเขาเงียบสงบอยู่ไม่ไกล
เสิ่นอี้โจวไม่อาจสงบใจได้อีกต่อไป เขาเชิดคางเธอขึ้นและบดจูบอย่างรุนแรง
เซี่ยชิงหยวนถูกผลักติดกับกำแพงจนขยับไปไหนไม่ได้
หญิงสาวแหงนคอขึ้น มีเพียงเสียงครวญครางแว่วออกมาเป็นระยะเท่านั้น
เธออดลอบกลืนน้ำลายไม่ได้ทุกครา ทว่าชายหนุ่มกลับกลืนกินพวกมันเข้าไปแทน
ริมฝีปากของเขาเย็นเยียบ แต่ร่างกายแกร่งกลับเป็นดุจไฟลนแผดเผากายเล็ก
ภายใต้การปลุกเร้าของชายหนุ่ม หญิงสาวจึงทำได้เพียงกอดเกี่ยวร่างเขาไว้ และมิอาจเปล่งเสียงใด ๆ ได้
เมื่อเสิ่นอี้โจวถอนจูบ ริมฝีปากบางของคนตัวเล็กก็ชาหนึบ
ยามจ้องมองเขา นัยน์ตาคู่งามเอ่อด้วยน้ำตาระยิบระยับ
เสิ่นอี้โจวไม่อาจระงับตัณหาในกายไว้ และโน้มจูบหญิงสาวอีกครั้ง “กลับไปต่อกันในบ้านเถอะ”
ริมฝีปากของเขาชุ่มชื้นและแดงเรื่อดูเย้ายวน อีกทั้งน้ำเสียงทุ้มต่ำยังฟังดูไพเราะ ขณะขบติ่งหูบางของเธอเบา ๆ
เซี่ยชิงหยวนกัดริมฝีปากและไม่พูดอะไร
เสิ่นอี้โจวไม่ได้รีบร้อน เขาเพียงแค่กอดเธอไว้อย่างนั้น และรอคอยให้หญิงสาวเอ่ยออกมา
ในที่สุด เซี่ยชิงหยวนก็ทนการจ้องมองที่ทำให้มึนเมาของเขาไม่ไหว และพยักหน้าช้า ๆ
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวทันที เขาจูงมือเธอเดินไปที่ประตูบ้าน
หลังจากทั้งสองเข้ามาในบ้าน หลินตงซิ่วก็พูดว่า “พี่รองของลูกกลับไปแล้วเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “อืม ผมออกไปส่งเขาแล้วคุยกันสักพัก”
หลินตงซิ่วไม่ได้สงสัยอะไร “พี่น้องไม่ได้เจอกันนาน พวกลูกน่าจะคุยกันนานกว่านี้ก็ดีนะ คราวหน้าก็ให้เขามาทานหารเย็นที่บ้านเราอีกสิ”
เสิ่นอี้โจวอ้างว่าเป็นเพราะเซี่ยจิ่งเฉิน พวกเขาทั้งสองจึงต้องอยู่ข้างนอกนาน
เซี่ยชิงหยวนมองดูเขาโกหกหน้าตาย
เสิ่นอี้โจวขยิบตาให้เธอ
แก้มของหญิงสาวยังคงมีสีแดงจาง ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าลงและตอบว่า “ค่ะ”
จากนั้นเธอก็สะบัดมือของเสิ่นอี้โจวทิ้ง แล้วเดินกลับไปที่ห้อง
…
ในตอนดึก ขณะที่เสิ่นอี้โจวกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เซี่ยชิงหยวนก็ขึ้นคร่อมร่างทันที
เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นจากหนังสือมองไปยังเธอ มุมปากโค้งขึ้นจนแทบถึงหู จากนั้นก้มศีรษะลงอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้วขึ้น
เขาไม่ได้บอกว่าต้องการรางวัลหรอกหรือ?
วันนี้เธออาบน้ำอย่างดีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกหนักในคืนนี้ที่น่าจะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้หมาตัวผู้คนนี้กลับเมินเธองั้นเรอะ?
เซี่ยชิงหยวนโน้มเข้าหาร่างเขาและพ่นลมหายใจ “อี้โจว?”
ท่าทีของเสิ่นอี้โจวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “หือ?”
สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือ ขณะเซี่ยชิงหยวนวางสองนิ้วบนหน้าอกเขาเหมือนขามนุษย์ที่เดินบนร่างกายของชายหนุ่ม
จากไหปลาร้าลงไปที่หน้าอกแล้วเลื่อนลงมา สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่เอว จากนั้นมือเล็กก็ล้วงเข้าไป
เธอพูดช้า ๆ “คุณกำลังอ่านอะไรอยู่?”
ขณะที่ถาม หญิงสาวก็อิงศีรษะไว้บนไหล่ของเขาและขยับเข้าใกล้ขึ้น
มันคือบทความภาษาอังกฤษนั่นเอง แต่เนื่องจากเซี่ยชิงหยวนได้เข้าเรียนวิทยาลัยขั้นพื้นฐาน ฉะนั้นเธอจึงพอจะอ่านคำศัพท์ได้หลายคำ
ทว่าคำศัพท์ในหนังสือเล่มนี้เป็นศัพท์เฉพาะทาง จึงทำให้อ่านยาก
เซี่ยชิงหยวนถามอีกครั้งว่า “คุณอ่านออกหมดเลยเหรอคะ?”
เสิ่นอี้โจวกัดฟันและพยักหน้า “ก็ใช่นะ ยกเว้นบางคำที่ผมไม่แน่ใจ แต่แปลความหมายโดยรวมแล้ว ก็อ่านได้อยู่นะ”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “คุณน่าทึ่งจัง”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “ทำไมคุณไม่สอนภาษาอังกฤษให้ฉันบ้างล่ะ?”
นิ้วของเสิ่นอี้โจวหยุดพลิกหน้ากระดาษและดวงตาของเขาก็มืดมนลง “คุณคิดว่าตอนนี้เหมาะจะเรียนภาษาอังกฤษงั้นเหรอ?”
ขณะที่ชายหนุ่มกล่าว เขาก็ยืดเอวขึ้น เซี่ยชิงหยวนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเขา แม้แต่การหายใจของเขาก็หนักหน่วงขึ้น
เธอยิ้ม จากนั้นก็เอื้อมมือออกไป “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เรียนตอนไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ”
เธอกางหนังสือบนหน้าท้องของเสิ่นอี้โจวและชี้ไปที่ประโยคด้วยนิ้วเรียวขาว “มา สอนฉันอ่านหน่อย”
เสิ่นอี้โจวดึงหนังสือออกและพลิกร่างของเขา “ชิงหยวน คุณนี่มักจะแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาหลังจากจุดไฟในตัวผมจริงๆ”
เซี่ยชิงหยวนมองเขาและกลั้นยิ้ม “ฉันเปล่านะ”
เสิ่นอี้โจวพลิกตัวเองขึ้นคร่อมเธอ “จริงเหรอ?”
ขณะพูด มือใหญ่ของเขาก็สอดเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอแล้ว
เซี่ยชิงหยวนรีบกดมือของเขาไว้ทันที “ปิดไฟก่อน”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวกะพริบปริบ ๆ “ผมไม่ปิดหรอก”
ท่ามกลางสายตาตกใจระคนประหลาดใจของเซี่ยชิงหยวน เขาก็พูดช้า ๆ ว่า “ผมอยากเห็นทุกอย่างชัด ๆ ผมอยากเห็นว่าวายร้ายตัวน้อยของผมจะร้องไห้ในภายหลังอย่างไร”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอพยายามดิ้นรน “ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีก~”
เสิ่นอี้โจวหัวเราะเบา ๆ “มันสายไปแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็โน้มตัวจูบเธออย่างรวดเร็ว
การรุกนี้รุนแรงเสียจนเธอหายใจไม่ออก
เธอหอบแฮก “อย่าทำแบบนี้เลย นะคะ?”
เสิ่นอี้โจวจูบปลายจมูกของเธอเบา ๆ “มีคำกล่าวที่ว่าเมื่อผู้หญิงบอกปัด แสดงว่าเธอต้องการ ดังนั้นผมจะเข้าใจว่าคุณกำลังหมายถึงว่าคุณต้องการมัน”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เขาเข้าใจแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ไม่สิ เสิ่นอี้โจวไปได้ยินคำพูดบ้า ๆ แบบนั้นมาจากไหน?
ก่อนที่เธอจะคิดอะไรได้กระจ่าง เสิ่นอี้โจวก็เร่งรุกอย่างรุนแรงราวกับพายุโหมแล้ว
เธอต้านทานไม่ได้อีกต่อไป หญิงสาวจึงทำได้เพียงโยนความคิดทุกอย่างทิ้งไปก่อน
ในที่สุด เธอตวัดขาขาวเกี่ยวกับเอวบางของเขา ขณะพยายามเกี่ยวผ้านวมผืนบางที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้าง ๆ
ในวินาทีต่อมา เสิ่นอี้โจวก็คว้าตัวเธอไว้อีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนดึงผ้านวมผืนบางมาคลุมตัวทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเม็ดเหงื่อบางบนหน้าผากของเขา “ภรรยาของผม คุณคิดจะทำให้ผมหายใจไม่ออกงั้นเหรอ?”