กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 172 เจ้าถิ่นเองก็ถูกไล่ล่าและทุบตีเช่นกัน
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 172 เจ้าถิ่นเองก็ถูกไล่ล่าและทุบตีเช่นกัน
บทที่ 172 เจ้าถิ่นเองก็ถูกไล่ล่าและทุบตีเช่นกัน
บทที่ 172 เจ้าถิ่นเองก็ถูกไล่ล่าและทุบตีเช่นกัน
ที่หัวมุมถนน ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงกำลังเดินกลับโรงแรม มีกลุ่มคนกำลังต่อสู้กัน ฝ่ายหนึ่งที่มีคนมากกว่ากำลังล้อมชายสามคนไว้
คำสบถจำพวก ‘ไอ้หมาข้างถนน!’ ‘แม่งมึงสิ!’ และ ‘กูจะถอนรากถอนโคนพวกมึงให้หมด!’
กลุ่มคนที่มีราวแปดหรือเก้าคนยืนอยู่ข้างถนน พวกเขาถือท่อเหล็กหรือมีดยาว และกำลังพยายามรุมทำร้ายอีกกลุ่มที่มีเพียงสามคน
พวกเขาโจมตีอย่างโหดเหี้ยม
เมื่อเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีที่หนักหน่วง ฝ่ายสามคนก็ทำได้เพียงล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
ในบรรดาสามคนนี้ คนที่เป็นผู้นำสามารถต้านทานการโจมตีพร้อมกันจากหลายคนได้ด้วยตัวเอง
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม ซึ่งขาดวิ่นไหวพลิ้วตามแรงลมและรอยเลือดเปรอะตามผิว
ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มยังคงแน่วแน่
เขาอยู่ในท่าตั้งรับเสมอ จ้องมองการโจมตีของคู่ต่อสู้ตาไม่กะพริบ
แน่นอนว่ามีบางคนลอบโจมตีสำเร็จ แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะคร่ำครวญ
ด้วยแรงหมัดและลูกเตะ เหล่าคนที่พุ่งเข้ามาต่างถูกคว่ำลงกับพื้นทีละคน
มีบาดแผลมากมายบนร่างกายของเขา แต่ชายหนุ่มไม่มีเวลามาสนใจมัน
ในกลุ่มพวกเขา คนหนึ่งยืนได้ไม่มั่นคงนัก จึงถูกอีกคนหิ้วปีกไว้
ภายใต้การปกป้องของหัวหน้า พวกเขาก็ล่าถอยไปเรื่อย ๆ
ชายผู้นำอยู่ด้านหน้าตะโกนขึ้น “ชุนไจ่ พาอาเฉียงออกไปก่อน!”
ชายผมเกรียนตอบกลับ “ลูกพี่! ผมทิ้งลูกพี่ไปแบบนี้ไม่ได้!”
ผู้ชายคนเดิมหันไปด่าลูกน้องตัวเองอีกครั้ง “นายไม่ต้องมาซื่อสัตย์กับฉันตอนนี้! ระวังการลอบโจมตีด้วย!”
อีกฝ่ายหัวเราะแล้วพูดว่า “ศึกไม่หน่ายเล่ห์*[1] นายไม่รู้หรือยังไง?”
ขณะที่เขากล่าว ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ผู้นำชายคนเดิมตวาดอีกครั้ง “รีบหนีไปเร็ว ๆ สิวะ!”
เสียงนั้นชัดเจนและแข็งกร้าวจนไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปบราวนี่ออนไลน์
คนที่ถูกเรียกว่าชุนไจ่ดูจะตัดสินใจแล้ว “ลูกพี่ต้องอดทนเอาไว้ก่อนนะ ผมจะไปเรียกพี่น้องของเรามาช่วย!”
ขณะที่เขากล่าว พยุงร่างของอาเฉียงจากไปทั้งที่ยังคงกะโผลกกะเผลก
เป้าหมายของอีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้ชายซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่มากกว่า เพราะเมื่อเห็นว่าชุนไจ่จากไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ไล่ตามไป แต่กลับเข้าหาลูกพี่หนุ่มทีละก้าว
เซี่ยชิงหยวนพาอาเซียงมาด้วยและบังเอิญพบกับเหตุการณ์นี้เข้าพอดี
สิ่งเหล่านี้อยู่เหนือการควบคุมของเธอกับอาเซียงอย่างมาก
ถ้าเธอตะโกนว่ามีตำรวจ เธอคงถูกมีดฟันตายก่อนที่ตำรวจจะมาถึงแน่นอน
การที่คนเหล่านี้กล้าไล่ฆ่ากันบนถนน มันเห็นชัดว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวตำรวจในบริเวณนี้เลย
ในบรรดาสามสิบหกกลยุทธ์ การหนีเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
ส่วนผู้ชายคนนั้น หากหนีไม่รอดในคืนนี้ เธอจะจุดธูปให้เขาในวันนี้ของปีหน้า
เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและพูดกับอาเซียง “อาเซียง ไปกันเร็ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่อาเซียงเจอสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน
เด็กสาวกัดริมฝีปากของเธอแน่น และพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “อื้ม!”
จากนั้นอาเซียงกับเซี่ยชิงหยวนก็รีบถอยห่างออกมาเงียบ ๆ
หากอีกฝ่ายรู้ว่าพวกเธออยู่ตรงนี้ พวกเธอจะถูกปิดปากเหมือนในหนังหรือไม่?
แต่ในตอนนั้นเอง ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงถอยหลังไปได้สองสามก้าวแล้วหันหลังวิ่งหนี จู่ ๆ พวกเธอก็ได้ยินเสียงตะโกนมาจากทางด้านหลัง “จับมันไว้!”
เซี่ยชิงหยวนหันไปมองและผู้ชายคนนั้นกำลังวิ่งหนีมาทางพวกเธอ!
หญิงสาวเผอิญยืนอยู่ท่ามกลางแสงที่ส่องมาจากไฟถนน และเมื่อชายคนนั้นหันหลังและวิ่งมา เขาก็เห็นเธอในทันที
ดวงตาทั้งสี่คู่ประสานกัน จากนั้นพวกเขาก็ตกตะลึง
คนกลุ่มหนึ่งไล่ตามผู้ชายคนนั้น ฝีเท้าของพวกเขาไวมาก หากเธอและอาเซียงวิ่งหนีพร้อมกัน พวกเธออาจจะหลบหนีไม่ทัน
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังอาเซียงซึ่งยืนอยู่ในเงามืด และข้างหลังของอาเซียงคือตะกร้าไม้ไผ่ขนาดใหญ่สูงครึ่งหนึ่งของคน
เซี่ยชิงหยวนเอื้อมมือผลักอาเซียงเข้าไปในตะกร้าไม้ไผ่ ก่อนจะกดถุงกระสอบปิดปากตะกร้าอีกครั้ง และพูดอย่างรวดเร็วว่า “อย่าพูดอะไร!” แล้วเธอก็วิ่งหนีไป
ชายคนนั้นย่อมเห็นการกระทำของเซี่ยชิงหยวนแน่นอน
แต่เขาไม่พูดอะไรและวิ่งมาทางเซี่ยชิงหยวน
แม้ตอนที่วิ่งมาทางนี้จะต้องผ่านตะกร้าไม้ไผ่ซึ่งอยู่ทางด้านข้าง เขาก็จงใจวิ่งหลบไป
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการดึงเซี่ยชิงหยวนเข้ามาเกี่ยวพัน
เพียงแต่ทิศทางที่เขาวิ่งมากลับเป็นทางเดียวกับที่หญิงสาวกำลังวิ่งเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
เซี่ยชิงหยวนวิ่งไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง
เสียงฝีเท้าตามหลังเธอเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ และหญิงสาวไม่กล้าหยุดแม้แต่ครู่เดียว
ความคิดของเธอในตอนนี้คือวิ่งกลับไปยังตลาดกลางคืน ซึ่งมีผู้คนมากมาย และว่ากันว่าที่นั่นเป็นถิ่นของลูกพี่โจว
เมื่อไปถึงที่นั่น เธอก็น่าจะปลอดภัยแล้ว
เธอวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้องมาจากข้างหลัง
เป็นนักเลงชายที่วิ่งตามหลังเธอมา
อีกเพียงหนึ่งก้าว ชายคนนั้นก็จะตามเธอทันแล้ว
ขณะที่ชายคนนั้นวิ่งผ่านไป จู่ ๆ เขาก็คว้าข้อมือของเธอและพาเธอวิ่งไปด้วย
โจวจิ่นจือสบถด่าพ่อล่อแม่ถึงการกระทำของเขาอยู่ในใจ
he members of the Qingcheng Gang can do anything, if they take their anger out on this stupid-looking woman because they didn’t catch him, it’s really his fault.
สมาชิกแก๊งชิงเฉิงจะทำอะไรก็ย่อมได้ หากพวกมันระบายความโกรธกับผู้หญิงหน้าโง่คนนี้ เพราะจับเขาไม่ได้ละก็ มันจะเป็นตราบาปของเขา
ยิ่งกว่านั้น แม้มองเพียงแวบเดียว เขาก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้สวยจริง ๆ
ดังนั้น หากผู้หญิงคนนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของไอ้พวกชั่วแก๊งชิงเฉิง เธอคงได้ประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายอย่างมาก
วินาทีต่อมา เขาจึงคว้ามือเธอไว้
โจวจิ่นจือยอมจำนนต่อชะตากรรมของเขาและคิดว่าตัวเองเป็นหนี้ผู้หญิงคนนี้
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเพิ่งพบกับเขา ทว่าเธอกลับวิ่งเร็วกว่าใคร
เซี่ยชิงหยวนหวาดกลัวมากเสียจนอยากจะกรีดร้อง
เธอสะบัดมือเขาอย่างแรง “ปล่อยฉัน!”
ไอ้คนพวกนั้นกำลังไล่ล่าชายคนนี้ แต่ทำไมชายคนนี้ถึงจับมือเธอวิ่งด้วยเล่า?
โจวจิ่นจือจ้องมองเธออย่างดุร้ายและตะโกน “ถ้าคุณไม่อยากตายก็วิ่งให้เร็วกว่านี้!”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอยังคงไม่ยินยอม
ขณะที่วิ่งไปกับชายที่ไม่รู้จักคนนี้ เธอหอบและพูดว่า “ฉันอยากให้คุณปล่อยเพราะฉันไม่อยากตายยังไงเล่า! ฉันต้องไปที่ตลาดกลางคืนเพื่อตามหาลูกพี่โจว! บอกให้ลูกพี่โจวสอนบทเรียนให้พวกเขา!”
เมื่อได้ยินครึ่งประโยคแรก ชายหนุ่มต้องการโยนร่างของเซี่ยชิงหยวนออกไปอยู่ครู่หนึ่ง
แต่หลังจากได้ยินคำพูดครึ่งหลังของเซี่ยชิงหยวน สมองของเขาก็คล้ายกับลัดวงจรไปชั่วขณะ
ลูกพี่โจวที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึง มันคือตัวเขาเอง!
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะรู้สึกเป็นเกียรติหรือร้องไห้ดี เขาได้พบเจอกับคนที่รู้จักชื่อเสียงของเขาโดยบังเอิญเสียอย่างนั้น
เขากัดฟันกรอด “ฉันนี่แหละคือลูกพี่โจวคนนั้น!”
เซี่ยชิงหยวนอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “…”
กระทั่งเจ้าถิ่นเองก็ถูกไล่ล่าและทุบตีเหมือนกันว่างั้นสิ!
[1] ศึกไม่หน่ายเล่ห์ เป็นสำนวน หมายถึง การทำศึกสงครามย่อมต้องใช้กลอุบายหลอกอีกฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นอุบายร้ายกาจก็ต้องทำ