กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 175 ปกป้อง
บทที่ 175 ปกป้อง
บทที่ 175 ปกป้อง
โจวจิ่นจือหยุดและหันมามองลูกน้องตัวเองทันที
ดวงตาของเขาลึกล้ำและเย็นชา “ชุนไจ๋ นายไปเรียนรู้นิสัยพวกนี้มาจากไหน? คนรอบ ๆ ตัวฉันไม่น่าจะมีความคิดไร้สาระแบบนี้ได้นะ”
ฟู่ชุนไจ๋ตกใจจนกรามแทบค้าง
เขาโบกมือทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม “ลูกพี่ ผมแค่ล้อเล่น ผมแค่ล้อเล่น”
จากนั้นเขาก็เดินตามโจวจิ่นจือ “ลูกพี่ของผม ผู้หญิงทุกคนในกว่างโจวแย่งกันปีนเตียงลูกพี่ ทำไมลูกพี่ถึงต้องติดใจอะไรนักหนากับผู้หญิงที่ไม่สนใจลูกพี่ด้วยจริงไหม?”
ขมับของโจวจิ่นจือกระตุก “หุบปาก!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่ชุนไจ๋ก็เอามือปิดปากทันทีและไม่กล้าพูดอะไรอีก
ทำไมวันนี้ลูกพี่เอาใจยากจัง
พูดอะไรก็ไม่ถูกใจเลย
เขาเดินตามไปข้าง ๆ สังเกตท่าทีของโจวจิ่นจืออย่างเงียบ ๆ
เขาเห็นใบหน้าของโจวจิ่นจือขณะนี้เย็นชามากราวกับว่าทุกคนเป็นคนแปลกหน้าและไม่ควรเข้าหาเขา
ฟู่ชุนไจ๋กลืนสิ่งที่ตนจะพูด และไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป
ส่วนผู้หญิงคนนั้นเขาคงต้องพยายามหาทางมัดเธอไว้กับเตียงของลูกพี่ให้ได้ด้วยตัวเองเสียแล้วสิ เพราะงั้นพอถึงเวลาแล้วลูกพี่จะบอกว่าเขาทำผิดเหรอ?
มีแต่พอถึงเวลาลูกพี่จะยกย่องเขามากกว่า!
….
ในขณะเดียวกัน ตำรวจได้พาเซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงกลับถึงโรงแรมอย่างปลอดภัย
ทันทีที่พวกเธอถึงห้อง อาเซียงก็ร้องไห้ออกมาทันพลัน
อารมณ์ที่ถูกอดกลั้นมาตลอดถูกปลดปล่อยออกมาอย่างพรั่งพรู
ตอนนั้นเซี่ยชิงหยวนผลักเธอเข้าไปในตะกร้าไม้ไผ่และยัดถุงกระสอบปิดด้านบนเพื่อแอบซ่อนเธอ เมื่อเธอพยายามดิ้นรนจะออกไป อาเซียงพลันเห็นคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามเซี่ยชิงหยวนที่กำลังวิ่งหนี
เธอไม่รีรอช้า และไม่สนใจพวกเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้ว เธอเอาแต่วิ่งไปตามถนน เพื่อขอความช่วยเหลือ
โชคดีที่มีตำรวจลาดตระเวนสองคนอยู่บนถนนพอดี
เธอแสดงความหวาดกลัว อีกทั้งยังมีเลือดจำนวนมากอยู่บนพื้น ตำรวจจึงคิดว่านี่คงเป็นคดีร้ายแรง
ดังนั้นตำรวจคนหนึ่งจึงไล่ตามทิศทางที่เซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ วิ่งไป ส่วนอีกคนก็กลับไปที่โรงพัก เพื่อเรียกกำลังเสริมมาช่วย
ในตอนนั้นที่สถานีตำรวจ พอเธอเห็นสภาพของเซี่ยชิงหยวน เธอก็ผงะไป
เซี่ยชิงหยวนคอยปลอบโยนเธอ โดยบอกว่านี่ไม่ใช่เลือดของตัวเอง
ถึงกระนั้น รอยขีดข่วนและรอบช้ำเล็กน้อยบนใบหน้าก็เป็นของจริง
ขณะรออยู่ที่สถานีตำรวจ อาเซียงคิดทบทวนถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด
เธอเฝ้าภาวนาต่อพระเจ้าว่าขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเซี่ยชิงหยวนเลย
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของผู้หญิงและเธอก็ไม่กล้าพูดออกไป
ต่อมาตำรวจพบถุงกระสอบใส่เสื้อผ้าทั้งสองใบ ซึ่งถือเป็นข่าวดี
ในที่สุดเมื่อกลับมาที่โรงแรม สิ่งแรกที่เซี่ยชิงหยวนทำคือตรวจสอบเสื้อผ้าที่ซื้อมา
อาเซียงถามว่า “พี่สาวเซี่ย พี่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเธอ เซี่ยชิงหยวนก็รู้ว่าเด็กสาวคนนี้ยังคงหวาดกลัวอยู่
เธอยิ้มและลูบหัวของเด็กสาว “ฉันสบายดีจริง ๆ เลือดทั้งหมดนี้เป็นของชายคนเมื่อกี้ ตอนที่ฉันวิ่งหนี ฉันบังเอิญล้มลงและหน้าของฉันก็ไปกระแทกพื้นน่ะ”
ตอนโดนโจวจิ่นจือถีบก้นเพื่อให้ลอดพ้นกำแพง เรื่องนั้นเธอจะเก็บมันให้เน่าอยู่ในท้องของเธออย่างเด็ดขาด
มันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจที่จะเล่าให้ใครฟังเลยจริง ๆ
อาเซียงม้วนแขนเสื้อของเซี่ยชิงหยวนขึ้น แล้วสำรวจดูอีกครั้งว่าไม่มีบาดแผลจริง ๆ เธอจึงรู้สึกโล่งใจคลายกังวลไปได้
แต่น้ำตาของเด็กสาวยังคงไม่หยุดไหล “ฉันขอโทษพี่สาวเซี่ย ฉันไม่สามารถปกป้องพี่ได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เธอจับมือของเด็กสาวแล้วพูดว่า “เด็กโง่ ฉันเป็นคนพาเธอมา ฉันก็ต้องปกป้องเธอสิ ทำไมเธอต้องปกป้องฉันด้วย?”
อาเซียงอายุเพียงสิบเจ็ดปี อีกทั้งยังไม่เคยห่างจากเมืองเตียนเฉิง ต่อให้จะเก่งแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี
เจอแบบนี้ถือว่าเก่งแล้วที่ไม่กลัวจนฉี่ราด
เมื่อได้ยินสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูด น้ำตาของอาเซียงก็ยิ่งไหลกว่าเดิม
เธอพูดว่า “พี่สาวเซี่ย ฉันปกป้องพี่ได้จริง ๆ นะ ฉันมีแรงเยอะมาก ฉันต่อสู้ได้และวิ่งเร็ว ในอนาคตถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีก พี่ต้องซ่อนให้ดี แล้วปล่อยให้ฉันล่อพวกมันไปนะ”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเหตุการณ์นี้ทำให้อาเซียงกลัวมาก
แต่กระนั้นเด็กคนนี้ก็ยังดื้อรั้นและตั้งใจแน่วแน่ที่จะปกป้องเธอ
หากเซี่ยชิงหยวนไม่พยักหน้า เด็กสาวคนนี้อาจจะยังรู้สึกไม่สบายใจต่อไป
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อเวลาทำสิ่งผิดพลาดในอดีตก็มักจะอยากทำให้ดีขึ้นในอนาคต
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงตอบกลับไปว่า “เอาล่ะ เข้าใจแล้ว นับจากนี้พี่จะให้อาเซียงปกป้อง ตกลงไหม?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ อาเซียงก็พยักหน้าในที่สุด “ดีค่ะ ดีค่ะ”
เหตุการณ์ก็จบลงไปเช่นนี้
อย่างน้อยจิตใจของเซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก
ยกเว้นแต่อาการฝันร้ายตอนกลางคืนเพียงครั้งเดียวก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลกระทบอื่น ๆ หลงเหลืออยู่อีก
เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อาเซียงก็ซื้ออาหารเช้าจากข้างนอกเข้ามา
มันเป็นนมถั่วเหลืองและซาลาเปา
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้น อาเซียงยิ้มและพูดว่า “พี่สาวเซี่ย นี่อาหารเช้าที่ฉันซื้อมาจากแถวข้างโรงแรมค่ะ”
เด็กสาวเชื่อฟังมากและไม่ได้เดินไปไหนไกลเลย
เซี่ยชิงหยวนยิ้มออกมา “ขอบคุณจ้ะ”
ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่อาเซียงจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พวกเธอรีบกินอาหารเช้าและออกไปตามหาเหล่าไต้กัน
เช้านี้เซี่ยชิงหยวนต้องเดินตามหาแผงขายของเหล่าไต้อยู่สักพัก เพราะเขาไม่ได้ตั้งร้านอยู่ที่เดิมกับเมื่อคืน
หลังจากเดินตามหาไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอ
เมื่อหันไป เธอเห็นว่าเป็นเหล่าไต้ที่อยู่เยื้อง ๆ ฝั่งตรงข้าม ซึ่งกำลังโบกมือให้เธออยู่
เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงรีบเดินเข้าไปหาทันที
แผงขายของเหล่าไต้จัดวางของเหมือนเมื่อคืน เสื้อผ้าบางส่วนอยู่ที่พื้นและบางส่วนแขวนอยู่บนราว
เหล่าไต้ชี้ไปที่ถุงกระสอบใบใหญ่ตรงเท้าของเขา “ฉันหยิบของดีทั้งหมดที่เก็บไว้ก้นหีบออกมาแล้ว”
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ในตลาดค้าส่งเป็นสินค้าทั่วไปราคาถูก แต่ไม่เหมือนกับของเหล่าไต้ที่เลือกเสื้อผ้าแบบพิถีพิถันมาขายมากกว่าคนทั่วไป
ด้วยเหตุนี้เสื้อผ้าของเขาจึงมีราคาแพงกว่าของร้านอื่น ๆ
จริง ๆ แล้วครอบครัวของเขาแนะนำให้เขาซื้อเสื้อผ้าคุณภาพทั่วไปเหมือนกับคนอื่น ๆ อย่างน้อยเขาก็สามารถชนะได้ด้วยปริมาณ
แต่เหล่าไต้ไม่เต็มใจ
เขามีความชอบเรื่องเสื้อผ้า และแม้แต่สิ่งที่เขาถืออยู่ก็คือเสื้อผ้าแบบล่าสุด
ตอนนี้เขาได้พบกับเซี่ยชิงหยวนแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนเธอเป็นเพื่อนที่มีความคิดเดียวกัน
ดังนั้นเมื่อเธอบอกว่าต้องการเสื้อผ้าผู้ชายคุณภาพดี เขาจึงรีบเอาชุดสินค้าที่เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ให้เธอดูทันที
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เมื่อเช้าเขามาที่ตลาดช้าจนที่ตั้งแผงเมื่อวานถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว
เซี่ยชิงหยวนมองลงไปที่เสื้อผ้าในถุงกระสอบ
เธอพบว่าแม้เสื้อผ้าทั้งหมดจะถูกยัดอยู่ในถุง แต่เสื้อผ้าแต่ละตัวก็บรรจุอยู่ในถุงใสแยกจากกัน พับอย่างเรียบร้อย และบางชิ้นถึงกับยังอยู่ในไม้แขวนพลาสติก
ดูท่าแล้วคุณภาพและราคาคงต่างจากเสื้อผ้าธรรมดาแน่นอน
เหล่าไต้นำออกมาสองสามตัวก่อนแล้ววางบนเสื่อน้ำมัน
เขาแกะห่ออย่างช่ำชองและพูดว่า “นี่เป็นของแท้จากฮ่องกง ผู้คนที่นั่นมักสวมเสื้อผ้าแบบนี้แหละ”
ขณะที่เหล่าไต้คลี่เสื้อผ้าออกทีละชิ้น ทันใดนั้นดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็จับจ้อง
ผิวสัมผัสของเสื้อผ้าเหล่านี้ดูน่าจะใส่สบายอย่างยิ่ง
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสมัน
เนื้อผ้ามีความละเอียดอ่อนและรู้สึกเย็นสบายมาก
หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ไม่คาดคิดเลยว่าเหล่าไต้จะมีเสื้อผ้าคุณภาพขนาดนี้
เมื่อเหล่าไต้เห็นท่าทีของเซี่ยชิงหยวน เขาก็รู้เลยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น เขาลอบถอนหายใจ ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนเฉียบคมมาก
เขายิ้มและพูดว่า “เป็นไงบ้าง ฉันไม่ทำให้เธอผิดหวังใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ถูกต้องเลยค่ะ”
เธอเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก “ราคาเท่าไหร่คะ?”
ในเวลานี้ แม้ว่าเหล่าไต้ต้องการขอราคาที่สูง แต่ก็ไม่กล้า
หนึ่งคือเซี่ยชิงหยวนไม่ถูกหลอกแน่นอน และอีกอย่างคือเธอมองเขาด้วยสายตามองทะลุทุกอย่าง ซึ่งมันทำให้เขาต้องการเสนอราคาจริงโดยไม่รู้ตัว
เขาส่ายหัวและพูดว่า “เนื่องจากเราคงได้ทำการค้ากันระยะยาว ดังนั้นฉันจะไม่พูดราคาเกินจริง เธอก็จะได้ไม่ต้องขอต่อราคาของฉันด้วย”
เขาชี้ไปที่เสื้อของผู้ชาย “พวกนี้ตัวละหนึ่งหยวนเจ็ดเหมา”
จากนั้นชี้ไปที่กางเกง “พวกนี้ตัวละหนึ่งหยวนแปดเหมา”
ถัดมาเขาชี้ไปที่ถุงกระสอบอีกใบข้างหลัง “นี่มาจากฮ่องกงเหมือนกัน คุณภาพแย่กว่าแต่สไตล์ดีมาก ถ้าเธอสนใจ ฉันจะขายถูกกว่าตัวอื่นสามเหมาเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ชั่งน้ำหนักในใจของเธอชั่วครู่
เธอรู้ว่าครั้งนี้เหล่าไต้ไม่ได้โกหกเธอ
เธอเดินเข้าไปดูเสื้อผ้าในถุงกระสอบที่เหล่าไต้จัดให้อันสุดท้าย แล้วหยิบเสื้อผ้าข้างในมาคลี่ดู
เธอพบว่านอกจากคุณภาพที่แย่กว่าเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
จากนั้นเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ฉันจะรับมันตามราคาของคุณค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เหล่าไต้ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในตลาดค้าส่งหลายวันมานี้ ผู้คนมากมายคงไม่รีบที่จะอยากขายของให้หมดไวที่สุดหรอก ซึ่งทำให้ราคามันต่ำกว่าที่ควรจะเป็นอย่างน้อยสองเหมาเลย”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอคะ?”
********************************