กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 181 ไม่ต้องโชว์ก้นอีกต่อไปแล้ว
บทที่ 181 ไม่ต้องโชว์ก้นอีกต่อไปแล้ว
บทที่ 181 ไม่ต้องโชว์ก้นอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นอีกครั้งก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว
พอลืมตาตื่นขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของเสิ่นอี้โจวก็ปรากฏเต็มตา
เขาจับใบหน้าของเธอ “เราถึงแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนขยี้ตาของเธอพลางลุกขึ้นนั่ง
เมื่อมองไปยังฝูงชนที่พลุกพล่านนอกหน้าต่างรถ เธอก็รู้ว่าพวกเขามาถึงเตียนเฉิงแล้ว
เมืองเตียนเฉิงเป็นเพียงสถานีทางผ่าน และเวลาแวะพักก็ค่อนข้างสั้น เซี่ยชิงหยวนที่ยังไม่ได้ใส่รองเท้าจำต้องรีบตื่นทันที
เสิ่นอี้โจวอุ้มเธอลงจากเตียงพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวลไปเลย ทุกอย่างพร้อมแล้ว”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางและถุงกระสอบที่ถูกวางไว้ข้าง ๆ เช่นเดียวกับอาเซียงที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เสิ่นอี้โจวก้มลงและสวมรองเท้าให้เธอ
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนเธอรีบหดเท้า และพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “ฉันจะทำเอง”
อาเซียงมองจากด้านข้าง สามีจะใส่รองเท้าให้ภรรยาได้อย่างไร
เสิ่นอี้โจวไม่ได้ดึงดัน หลังจากส่งรองเท้าให้เซี่ยชิงหยวนแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืน
อาเซียงมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้ม และเมื่อนึกถึงบางสิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างกว่าเดิม
ทันทีที่พวกเขาออกจากสถานีรถไฟ เสี่ยวหลิวก็รออยู่ในรถแล้ว
เขาก้าวเข้ามาพร้อมเรียก “คุณนาย” แล้วรีบช่วยขนของขึ้นรถ
หลังจากที่เสี่ยวหลิวส่งเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวกลับบ้าน เขาก็ได้ไปส่งอาเซียงกลับเช่นกัน
หลินตงซิ่วมองไปที่เสื้อผ้าสองถุงกระสอบใหญ่ในห้องนั่งเล่น และรู้สึกตกตะลึงเกินกว่าจะพูดได้
เธออุทานขึ้นทันพลัน “‘สวรรค์ กว่าจะขายหมดต้องนานเท่าไหร่เนี่ย”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “นี่ไม่มากเท่าไหร่นะคะแม่ ยังไม่ถึงหนึ่งพันตัวเลย”
“หนึ่งพันตัว?” หลินตงซิ่วทุบหน้าอกของเธอ
เธอกังวลว่ามันจะขายไม่ออก แต่เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งของเซี่ยชิงหยวนเธอก็ไม่กังวลอีกต่อไป
สะใภ้คนนี้แม้จะชอบทำอะไรที่ดูบ้าบิ่น แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นคนที่คิดอย่างละเอียดรอบคอบเสมอ
เช่นเดียวกับการเช่าร้านค้าในตอนนั้น ค่าเช่าสองร้อยหยวนตกลงจ่ายโดยไม่กะพริบตา
แต่หลังจากนั้น?
ตอนนี้เธอคิดว่าควรจะมีร้านที่สองเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นไม่ว่าลูกสะใภ้จะพูดอะไร เธอก็จะร่วมมืออย่างเต็มที่
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “หนูวางแผนที่จะขายเสื้อผ้าที่หน้าร้านของเราในช่วงแรกค่ะ”
ร้าน ‘ตรอกเก่า’ มีฐานลูกค้าเก่าจำนวนมากอยู่แล้ว และเธอกับลูกค้าก็คุ้นเคยกันมาก
เพียงแค่เปลี่ยนลูกค้าเก่าของร้าน ‘ตรอกเก่า’ เป็นลูกค้าใหม่สำหรับเสื้อผ้าเท่านั้น ซึ่งนี่คือวิธีที่ไวกว่าการไปเปิดร้านใหม่เป็นไหน ๆ
หลินตงซิ่วยังกล่าวอีกว่า “ดี ดีเลย ลูกค้าที่มารอซื้อสลัดเย็นจะได้สามารถแวะดูเสื้อผ้าของเราได้ง่าย ๆ ด้วย”
เซี่ยชิงหยวนเปิดถุงกระสอบใบใหญ่ และหยิบถุงเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างในออกมา
เธอหยิบเสื้อผ้าข้างในถุงเล็กออกมาและพูดว่า “นี่คือเสื้อผ้าที่หนูเลือกให้แม่ต่างหากค่ะ”
สินค้าที่ร้านของเหล่าไต้นั้นดีมาก เมื่อเซี่ยชิงหยวนคัดเลือกเสื้อผ้าลงใส่ถุงกระสอบ เธอพบว่าบางตัวมีสไตล์และเนื้อผ้าที่แตกต่างกัน
เธอยังไปหาเจ้าของแผงขายเสื้อผ้าอีกรายที่ได้รับการแนะนำโดยเหล่าไต้ เพื่อซื้อเสื้อผ้าเด็กสำหรับให้เสิ่นอี้หลินใส่ด้วย
เมื่อหลินตงซิ่วเห็นเสื้อผ้าที่เซี่ยชิงหยวนซื้อมาให้เธอโดยเฉพาะ เธอก็รีบเก็บมันลงในกระสอบและพูดอย่างเร่งรีบ
“ชุดนี้มันดีเกินไปสำหรับแม่ที่จะใส่ เราควรเก็บมันไว้ขายดีกว่านะ”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “มันดีเกินไปสำหรับแม่ตรงไหน? แม่อุตส่าห์เดินทางมาอยู่กับเรา ในอนาคตหนูจะให้แม่สวมเสื้อผ้าที่ดียิ่งกว่านี้อีกค่ะ”
เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ข้าง ๆ มองด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ใช่ครับแม่ ในอดีตแม่และชิงหยวนใช้ชีวิตที่ยากลำบากมามากแล้ว จากนี้ไปเราก็ไม่ต้องทนทุกข์อีกแล้ว”
เขามองไปที่เซี่ยชิงหยวน ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความขอบคุณ
เขายิ้มและพูดว่า “ชิงหยวน ขอบคุณนะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบเช่นกัน “ครอบครัวของคุณก็คือครอบครัวของฉันเช่นกันค่ะ”
ทางด้านเสิ่นอี้โจวเองก็ปฏิบัติต่อเซี่ยจิ่งเฉินและพ่อแม่ของเธอเหมือนญาติของเขาเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เสิ่นอี้หลินเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ มีเสื้อผ้าใหม่ของผมไหม?”
เขารู้แค่ว่าพี่สะใภ้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการถามเธอแบบนี้จึงหมายความว่า เขาแน่ใจว่าเซี่ยชิงหยวนจะซื้อเสื้อผ้าให้เขาแน่นอนเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนลูบหัวของเด็กชาย “อี้หลินของพี่น่ารักมาก ดังนั้นต้องมีเสื้อผ้าของนายอยู่แล้ว”
เธอล้วงถุงเล็กในถุงกระสอบอีกอันแล้วยื่นให้เขา “นี่ของนาย”
ดวงตาของเสิ่นอี้หลินเป็นประกาย พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่สะใภ้!”
เขากอดเสื้อผ้าและหมุนตัวอย่างมีความสุข “เยี่ยมเลย ฉันมีเสื้อผ้าใหม่แล้ว! ฉันไม่ต้องโชว์ก้นอีกต่อไปแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวรู้สึกขบขันกับความไร้เดียงสาของเสิ่นอี้หลินทันที
หลินตงซิ่วอธิบาย “มันไม่ได้ถึงกับโชว์บั้นท้ายสักหน่อย มันเป็นแค่รูเล็ก ๆ เท่านั้นเอง”
เสิ่นอี้หลินแย้งกลับ “มันไม่ใช่รูเล็ก ๆ นะพี่สะใภ้ อาเซียงบอกว่ามันใหญ่พอ ๆ กับฝ่ามือเลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็หัวเราะอีกครั้ง
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็หยิบถุงเล็กอีกใบหนึ่งออกมา “นี่สำหรับครอบครัวของฉัน ฉันจะส่งมันกลับตอนมีเวลาแล้วกัน”
เสิ่นอี้โจวหยิบถุงเล็กนั้นไปจากเธอและพูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะเอาไปที่ทำงาน และจะส่งไปรษณีย์ให้แทนคุณเอง”
บ้านพวกเขาอยู่ห่างไกลจากที่ทำการไปรษณีย์ และเซี่ยชิงหยวนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ เขาจึงอาสาไปส่งแทนเพราะสะดวกกว่า
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เขา “อื้ม ก็ได้”
ในตอนเย็น เซี่ยชิงหยวนจัดการเสื้อผ้าทั้งหมด หลังจากนั้นก็เริ่มทำบัญชี
มีเสื้อผ้า กระโปรง กางเกง และชุดเดรสของผู้หญิงทั้งหมด 500 ตัว โดยมี 300 ชิ้นในราคา 9 เหมา และ 200 ชิ้นในราคา 1.5 หยวน
เสื้อผ้าและกางเกงสำหรับผู้ชาย 200 ชิ้น ราคา 1.7 หยวนและ 1.8 หยวนตามลำดับ
ดังนั้นเสื้อผ้าทั้งหมดที่ซื้อมาคือ 900 ชิ้น รวมเป็นเงิน 1,270 หยวน
เธอใช้เงินไปทั้งหมด 160 หยวนสำหรับค่าตั๋วรถไฟ ค่าที่พัก และค่าอาหารในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ดังนั้นการไปเมืองกว่างโจวในครั้งนี้ จึงหมดเงินไปทั้งหมด 1,430 หยวน
สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนต้องทำตอนนี้คือตั้งราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อให้เสื้อผ้าเหล่านี้ทำกำไรได้คุ้ม ดังนั้นเธอจำเป็นต้องรวมค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง 160 หยวน กับเสื้อผ้าทั้งหมดแล้วกำหนดราคาต่อชิ้นให้ดี
เซี่ยชิงหยวนหยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มคำนวณ
ในตอนท้าย เธอเขียนลงในสมุด
เสื้อผ้าผู้หญิงต้นทุน 9 เหมา เธอจะขายราคา 3 หยวนต่อตัว
เสื้อผ้าผู้หญิงต้นทุน 1.5 หยวน เธอจะขายราคา 5 หยวน
เสื้อผ้าผู้ชายต้นทุน 1.7 หยวน เธอจะขายราคา 6 หยวน
เสื้อผ้าผู้ชายต้นทุน 1.8 หยวน เธอจะขายราคา 7 หยวน
หากเสื้อผ้าพวกนี้ขายออกทั้งหมด กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 3,000 หยวน
ถ้าหักค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้อาเซียงในระหว่างขายหรือค่าทำการตลาดให้ลูกค้า เธอควรจะเหลือกำไรราว 2,800 หยวน
ถ้าขายได้ตามแผนนี้ มันจะใช้เวลาเพียงสามหรือสี่เดือน เธอก็จะกลายเป็นครอบครัวที่มีเงินหนึ่งหมื่นหยวน
เมื่อเซี่ยชิงหยวนคำนวณถึงจุดนี้ หัวใจของเธอเริ่มเดือดพล่าน
เธอตบหน้าตัวเอง “ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ”’
เธอยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตั้งร้านในวันพรุ่งนี้
เซี่ยชิงหยวนวางสมุดบันทึกและยืดเส้นยืดสาย
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอเห็นเสิ่นอี้โจวยืนพิงประตูกำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม
การจ้องมองของเขาร้อนแรงจนหัวใจดวงน้อย ๆ ของเซี่ยชิงหยวนสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้
เสิ่นอี้โจวถามเธอ “คุณพร้อมรึยัง?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าด้วยความงุนงง “ฉันเสร็จแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นอี้โจวก็เดินเข้ามากอดเธอทันที “ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะให้เวลาแก่ผมบ้างแล้วใช่ไหม?”