กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 182 อยากทำอีกครั้ง
บทที่ 182 อยากทำอีกครั้ง?
บทที่ 182 อยากทำอีกครั้ง?
เซี่ยชิงหยวนคล้องคอของเสิ่นอี้โจวอย่างประหม่าเล็กน้อย หญิงสาวพยักหน้าพลางพูดว่า “ใช่”
เมื่อพูดอย่างนั้น เสิ่นอี้โจวก็อุ้มเธอออกจากห้องหนังสือกลับไปในห้องนอนของพวกเขาอย่างไม่รีรอ
ชายหนุ่มใช้ขาปิดประตูอย่างคล่องแคล่ว
เสิ่นอี้โจวไม่ได้วางเธอลงบนเตียงเหมือนก่อน แต่เขานั่บนเตียงงพลางอุ้มประคองกอดเซี่ยชิงหยวนไว้บนตักแกร่ง
เซี่ยชิงหยวนวางมือที่ขาของตัวเอง และมองเขาอย่างุนงง
เสิ่นอี้โจวยิ้มเบา ๆ และแตะปลายจมูกของเธอ “แน่นอน เวลานี้ของผม ผมหมายถึงการพูดคุยระหว่างเรา มีหลายวิธีในการพูดคุยนะ หรือคุณคิดเฉพาะแต่วิธีนั้นอย่างเดียว?”
เสียงของเขาแฝงควาามหยอกเย้าจาง ๆ ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ประหนึ่งเสียงกระซิบและความสนุกสนานระหว่างคู่รัก
หูของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อพลางจ้องไปที่เขา น้ำเสียงของเธอแสดงอาการเขินอายออกมาโดยไม่รู้ตัว “แล้วคุณจะมากอดฉันทำไมล่ะ?”
เขาทำให้เธอหลงคิดไปว่า…
กลับกัน เสิ่นอี้โจวกอดเธอแน่นเหมือนเด็กทารก แล้วกล่าวออกมา
“ทำในสิ่งที่ต้องการโดยธรรมชาติไง”
เขาปล่อยตัวหญิงสาว และแนบหน้าผากของตัวเองเข้ากับหน้าผากของเธอ “ไม่เจอผมตั้งหลายวัน คุณไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ?”
ลมหายใจชื้นและร้อนพรมรดใบหน้าของเธอ โพรงจมูกของเธอเต็มไปด้วยลมหายใจของเขา
เซี่ยชิงหยวนหายใจเข้าอย่างตะกละตะกลาม แต่ไม่กล้าจะส่งเสียงดัง
ถึงกระนั้นเขาก็ยังสังเกตเห็นท่าทีเล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอ
ทันทีที่มุมปากของเขาเผยยิ้ม เขาก็ก้มศีรษะลงและจูบที่ริมฝีปากของภรรยา
เขายิ้มออกมา “คุณดมผมแล้วได้กลิ่นอะไรบ้างเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนย่นจมูก “ฉันแค่ดมดูว่ามีกลิ่นผู้หญิงคนอื่นรึเปล่า”
หลังจากจบประโยคนี้ เธอก็ก้มหัวลงดมที่คอ หู กราม และลูกกระเดือกของเขา ทุกที่เธอสูดดมอย่างพอใจ
เมื่อจบลง เธอแสร้งทำเป็นคิดและพูดว่า “อืม…”
หญิงสาวเลือกที่จะยืดเยื้อไม่พูดออกมาทันที
เสิ่นอี้โจวมองเธออย่างสบาย ๆ พลางถาม “ทำไม คุณได้กลิ่นอะไรไหม?”บราวนี่ออนไลน์
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันได้กลิ่น”
เสิ่นอี้โจวถามทันที “กลิ่นอะไร?”
เมื่อถูกถามกลับมา ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็เบนไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว “กลิ่นผู้ชายของฉัน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ รอยยิ้มบนริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวก็กว้างขึ้น
เขาพูดว่า “ใช่ ผู้ชายของคุณ”
ในขณะที่เขาพูด มือก็จับหลังศีรษะของเธอไว้ “ตอนนี้ ถึงตาของผมแล้ว”
เขาก้มศีรษะลงต่ำและดอมดมแก้มของเธอ ไล่ไปที่เปลือกตา ปลายจมูก มุมปาก หลังใบหู และลำคอระหง
แต่ดูเหมือนว่าการสูดดมเบา ๆ บางครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น ริมฝีปากของเขาก็ได้สัมผัสเนื้อหนังของเธอ พลันเกิดรู้สึกจั๊กจี้และเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
สัมผัสนั้นราวกับขนนกที่เบาบางลูบไล้ไปทั่วผิวของเธอ เซี่ยชิงหยวนรู้สึกคันปนจั๊กจี้อย่างช่วยไม่ได้ เธอเลยยื่นมือจิกผมของสามีและดึงแรงขึ้น
เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างเงียบ ๆ
ดวงตาฟีนิกซ์ถูกย้อมด้วยสีเข้มเป็นประกายต้องแสง
เธอคิดว่าเขาจะหยุดเท่านี้ แต่ในช่วงวินาทีเดียว เขาก็ก้มลงหาเธออีกครั้ง
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็อดพูดออกมาไม่ได้ “คุณเพิ่งพูดไปเองว่ามันไม่ใช่วิธีการพูดคุยแบบนี้นะ”
เสิ่นอี้โจวกล่าวออกมา “คนเรามักใช้วิธีสองแง่สองง่าม เพื่อให้ได้ผลเป็นสองเท่านะคุณ”
เซี่ยชิงหยวนพูดไม่ออก “!”
เธอจึงทำได้เพียงแค่กอดศีรษะของเขาไว้ “งั้นก็เข้าเรื่องสักทีสิ”
ศีรษะของเสิ่นอี้โจวถูกฝังอยู่ระหว่างอกของเซี่ยชิงหยวน เสียงพูดของเขาก็ดังอู้อี้ “ภรรยา คุณทำผมหายใจไม่ออกนะ?”
เซี่ยชิงหยวน “เงียบไปเลย!”
เธอกอดศีรษะของเขาให้แน่นขึ้นอีก
เธอคิดว่าจะปราบเสิ่นอี้โจวได้ด้วย ‘ทักษะผาดโผน’ นี้ แต่เซี่ยชิงหยวนก็ปล่อยเขาไปทันทีหลังจากที่รู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ แถวหน้าอกของเธอ
เมื่อก้มมองลงไป ก็เห็นรอยสีม่วงแดงปรากฏขึ้นที่หน้าอกเป็นดวง ๆ
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “เสิ่นอี้โจว!”
เสิ่นอี้โจวไม่พูด แต่คว้าเอวของเธอและจูบอย่างรวดเร็ว
เธอได้ยินเพียงเขาพูดว่า “เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันเรื่องต่าง ๆ นะ แต่ตอนนี้เราเริ่มคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่า”
เหมือนกับโลกหมุน เซี่ยชิงหยวนก็ถูกโยนลงบนเตียงนุ่ม
เสิ่นอี้โจวคุกเข่าบนเตียง พลางปลดกระดุมเสื้อ แล้วพูดว่า “ผมอยากจะทำเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่บนรถไฟเมื่อวานนี้แล้ว”
ขณะที่เขาพูด เขาก็คร่อมร่างของเธอด้วยร่างกายแกร่ง และพูดต่อว่า “คืนนี้ผมอยากคุยกับคุณจริง ๆ แต่คุณซนมากเกินไป ชอบแกล้งผมตลอดเลย”
ว่าแล้วก็ถอดเสื้อออก จากนั้นทิ้งตัวลงที่เตียง เขาเอนตัวลงพร้อมประคองเธอไว้ใต้แขน “ในกรณีนี้ ถ้าผมไม่ตอบสนองความต้องการของคุณ มันคงกลายเป็นว่าผมไร้น้ำยาเกินไป”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธออดไม่ได้ที่จะแย้งกลับ “คุณโทษฉันคนเดียวไม่ได้นะ”
ริมฝีปากบางของเสิ่นอี้โจวโค้งขึ้น “ความงามคือหายนะ”
…
เมื่อเสิ่นอี้โจวอุ้มเธอเข้าไปในห้อง เซี่ยชิงหยวนชำเลืองมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องนั่งเล่น มันเป็นเวลาหลังสองทุ่มนิดหน่อย
กว่าที่เธอจะถูกเขาปล่อยตัวอีกครั้งมันก็กินเวลาถึงเที่ยงคืนแล้ว
เซี่ยชิงหยวนเหนื่อยล้ามากจนแทบยกมือไม่ขึ้น
เธอทำได้เพียงแค่เหลือบตามองได้เท่านั้น เพียงเท่านี้มันก็เหมือนเป็นคำเยินยอให้อีกฝ่ายแล้ว
เสิ่นอี้โจวเข้าหาเธอ “คุณต้องการทำอีกครั้งไหม?”
เซี่ยชิงหยวนแผดเสียงออกมา “สัตว์ร้าย!”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอและปล่อยให้หญิงสาวนอนบนอกแกร่งของเขา “ถ้าผมไม่มีอะไรจะคุยด้วยอย่างจริงจัง คุณคิดว่าวันนี้ผมจะปล่อยคุณไปง่าย ๆ ให้เหลือแรงพูดแบบนี้เหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “คุณต่างหากที่ไม่มีแรงพอ คุณแค่ไม่มีน้ำยาพอที่จะทำให้ฉันเงียบได้ต่างหาก!”
เสิ่นอี้โจวยิ้มกริ่ม “ตกลง พรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณพอใจเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ครุ่นคิดกับตัวเองทันทีว่าเผลอไปยั่วสัตว์ร้ายเข้าให้แล้ว
เธอทำเพียงแสดงสีหน้าโกรธ แต่ก็ไม่กล้าพูดท้าทายอะไรอีก
เสิ่นอี้โจวลูบหลังขาวเนียนของเธออย่างพึงพอใจ พลางพูดว่า “เดี๋ยวประมาณไม่ถึงครึ่งปี ผมต้องย้ายไปยังเมืองหลวงของมณฑล”
พอได้ยินเช่นนั้น เซี่ยชิงหยวนก็เงยหน้าขึ้นจากแขนของเขา “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เมื่อตอนที่มาศาลากลางตอนแรก เซี่ยชิงหยวนได้ยินมาว่าจะต้องอยู่ที่นี่ราวหนึ่งปีครึ่ง
เดิมทีเธอก็คิดว่ามันเป็นเพียงการพูดสวยหรู แต่เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่า ความเป็นจริงกลับกลายเป็นเวลาเพียงครึ่งปี
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่ เลขาธิการหยวนจะเกษียณในอีกสองปี ท่านเซี่ยคาดหวังให้ผมไปช่วยเขาเร็วกว่าเดิม”
ความคาดหวังของบุคคลที่อยู่เหนือเขานั้นไม่ง่ายเหมือนให้เขาเป็นแค่เลขาธิการทั่วไป
ดูผิวเผินแล้วเหมือนเป็นเพียงการส่งมอบงาน แต่ถ้ามองในภาพที่ใหญ่ขึ้น มันคือการถ่ายโอนเครือข่ายความสัมพันธ์ทั้งหมด
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจการเดิมพันนี้ แต่เธอก็ไม่สบายใจเช่นกัน “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของเราจะเป็นแบบนี้”
แม้ว่าเธอจะกลับมาเกิดใหม่ แต่สำหรับเธอมันก็แค่เพื่อชดเชยต่อเสิ่นอี้โจว และกตัญญูต่อพ่อแม่ของเธอเท่านั้น
แต่ชาตินี้เสิ่นอี้โจวกระโดดจากการเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของสถาบันธรณีวิทยามาเป็นตำแหน่งในศาลากลาง และตอนนี้เขากำลังจะไปที่ศาลากลางมณฑลอีก
ตอนนี้เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าเท่านั้น เขาก็ประสบความสำเร็จเช่นนี้แล้ว อาชีพทางการเมืองของเขาในอนาคตอาจโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ
ในปรัชญาของเธอ เมื่อสามีและภรรยาก้าวหน้าไปด้วยกันเท่านั้นที่พวกเขาจะก้าวไปได้ไกล
คนหนึ่งก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ในขณะที่อีกคนยังคงอยู่ที่เดิม วันหนึ่ง เขาจะไปได้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้นเธอจึงต้องเก่งขึ้นให้ทัน
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดพร้อมกันได้
เสิ่นอี้โจวกอดเธอแน่น “เชื่อเถอะ เราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ”
เซี่ยชิงหยวนปกปิดความไม่สบายใจของเธอไว้ และตอบว่า “ใช่ มันจะควรเป็นแบบนั้น”
เสิ่นอี้โจวรู้สึกถึงความปั่นป่วนทางอารมณ์ของเซี่ยชิงหยวน เขาจูบปลอบเธอเบา ๆ ที่หน้าผากและถามว่า “คุณกังวลเกี่ยวกับอนาคตใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่าความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอจะถูกจับได้
เธอพยักหน้า “นิดหน่อยน่ะ”
เสิ่นอี้โจวกุมใบหน้าของเธอไว้ พลางจูบเธออีกครั้งที่หว่างคิ้วและพูดว่า “คุณแค่กังวลเรื่องของคุณและตั้งใจกับธุรกิจที่คุณต้องการทำก็พอ เรื่องอื่น ๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมจัดการเอง”
ดวงตาที่อ่อนโยนของเขาสงบนิ่งราวกับทะเลสาบ
ดั่งทะเลสาบที่สงบนิ่ง ซึ่งสามารถรองรับทุกอารมณ์ของเธอได้
ประดุจภูเขาสูงตระหง่านค้ำฟ้าให้เธอ
เซี่ยชิงหยวนไม่ค่อยเป็นคนเริ่มจูบก่อนนเสียเท่าไหร่ แต่คราวนี้เธอเริ่มจูบที่มุมปากของเขาก่อนและยิ้มอย่างจริงใจ “ขอบคุณนะ”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอไว้ “เก็บคำขอบคุณไว้ก่อน ผมมีอะไรจะพูดอีกอย่าง”
เซี่ยชิงหยวน “…”
หญิงสาวกลอกตา ขณะเดียวกันมือเล็ก ๆ ของเธอก็มุดเข้าไปใต้ผ้าห่มพลางดึงขนหย่อมหนึ่งบนร่าง “คิดจะแกล้งฉันงั้นเหรอ?”