กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 189 อารมณ์เล็กน้อยที่ถูกพบเจอ
บทที่ 189 อารมณ์เล็กน้อยที่ถูกพบเจอ
บทที่ 189 อารมณ์เล็กน้อยที่ถูกพบเจอ
ในตอนแรกมันไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงเป็นพิเศษ เซี่ยชิงหยวนเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว ยามเมื่อตอนที่เธออยู่บ้านแม่ในอดีต
แต่หลังจากสิ่งที่เสิ่นอี้โจวพูด อารมณ์ลบ ๆ ที่เธอจงใจซ่อนไว้ก็ระเบิดออกมาเหมือนเขื่อนแตก
เธอรู้สึกว่าดวงตาอุ่นชื้น
หญิงสาวพยักหน้าและกัดริมฝีปากตอบ “ใช่ ฉันรู้สึกไม่เป็นธรรมจริง ๆ”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ เสียงของเธอก็ขึ้นจมูก
เมื่อเหอเส้าหยวนและเติ้งซูอี้มาที่บ้าน เสิ่นอี้โจวช่วยเธอพูดคำเหล่านั้น ซึ่งทำให้เธอคลายความโกรธได้จริง ๆ
อารมณ์ที่เหลือเธอคิดว่าจะค่อย ๆ ทำให้มันสงบลงเอง
แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะพบมันเสียก่อน
ถือเป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ ที่มีคนใส่ใจ และดูแลทุกอารมณ์อันละเอียดอ่อนของตัวเอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นอี้โจวก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและจูบลงที่หน้าผาก
เขาจึงกล่าวว่า “เดี๋ยวสัปดาห์หน้าผมจะไปประชุมที่เมืองหลวงของมณฑล ถ้าอย่างนั้นคุณไปกับผมแล้วเราไปพบแพทย์ด้วยกันนะ”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเสิ่นอี้โจวว่าเขาคิดถึงสิ่งที่เติ้งซูอี้พูดเช่นกัน
เธอตอบว่า “อื้ม ได้สิ”
ทุกครั้ง ยิ่งเขาดีกับเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอยากจะมีลูกกับเขามากเท่านั้น
แม้ว่าเธอจะมีความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้วมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ความคิดเรื่องการสืบทอดวงศ์ตระกูลก็ส่งผลต่อเธออย่างลึกซึ้งเช่นกัน
ดังนั้นในชีวิตนี้ แม้เธอจะพยายามต่อต้าน แต่เธอก็ถูกความคิดนี้ขังไว้ในเวลาเดียวกัน
เสิ่นอี้โจวลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยน “อย่าเครียดเลย ในอนาคตเมื่อคนอื่นถาม พวกเราจะบอกว่าเราไม่ต้องการมีลูกไปก่อน แต่ถ้าคุณทนไม่ไหวก็แค่บอกว่ามันเป็นปัญหาของผมก็พอ”
เซี่ยชิงหยวนรีบปิดปากอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่พูดอย่างนั้นแน่”
ในชีวิตที่แล้วเสิ่นอี้โจวโกหกทุกคนว่าเป็นเขาที่ไม่สามารถมีลูกได้ แต่เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม
ในยุคนี้ การพูดว่าผู้ชายมีลูกไม่ได้เป็นเรื่องน่าอายยิ่งกว่าบอกว่าผู้หญิงมีไม่ได้เสียอีกบราวนี่ออนไลน์
มันคงเป็นการโกหกที่จะบอกว่าเธอไม่หวั่นไหวกับข้ออ้างนี้
แต่เธอก็สงสารเขาเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “แต่ฉันเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดีแน่”
เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของเธอ เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มเช่นกัน
เขาตอบว่า “ใช่แล้ว ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี”
ครั้งหนึ่งเขาเคยสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป ดังนั้นตอนนี้ สิ่งเหล่านั้นก็เป็นเพียงเรื่องภายนอกเท่านั้น
อะไรจะสำคัญไปกว่าการที่คนสองคนอยู่ด้วยกันอีก?
แต่เซี่ยชิงหยวนสาวน้อยซื่อบื่อคนนี้คงยังไม่เข้าใจ
…
สนามหน้าหอพัก ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยกำลังนั่งที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ พลางดื่มเหล้าทีละแก้ว
พวกเขาซื้อเหล้าที่ดีที่สุดเท่าที่สามารถจะหาได้ในบริเวณนั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้รสชาติดีนัก
เมื่อเทียบกับเหล้าที่พวกเขาดื่มที่เมืองหลวงในอดีต มันไม่คุ้มที่จะพูดถึงเลย
แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องเหล้าไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสองคนจะบ่นตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
พวกเขามองไปยังดวงจันทร์ที่ส่องแสงบนท้องฟ้าหรือภูเขาสูงตระหง่านในระยะไกล แต่พวกเขาไม่ได้สนใจว่าเหล้านั้นแย่แค่ไหน
ความมึนเมาพลุ่งพล่านในใจของพวกเขา ฉู่ซิงอวี่เป็นผู้นำและพูดว่า “นายรู้ไหม นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าในโลกนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดีมากตั้งแต่ฉันโตขึ้น”
รูปลักษณ์ของเซี่ยชิงหยวนเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเขา
ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มดูเหมือนจะตราตรึงอยู่ในใจของเขา แม้ว่าตอนนี้เขาจะเมานิดหน่อย แต่ภาพของเธอก็ยังชัดเจนมาก
เขาจำได้ว่า เซี่ยชิงหยวนบอกว่าเธอแต่งงานแล้ว และยิ้มอีกครั้ง
เขายิ้ม แต่ยิ้มของเขาตอนนี้มีทั้งความโดดเดี่ยวและการเย้ยหยันตัวเองมากมาย “ใช่ เธอน่ารักมาก แต่มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?”
ตามคำพูดของฉู่ซิงอวี่ หลิงเยี่ยก็นึกถึงเซี่ยชิงหยวนอย่างเลี่ยงไม่ได้
หญิงสาวที่ทำให้เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ แต่ก็ต้องอกหักเมื่อได้พบเธออีกครั้ง
เขาหยิบแก้วขึ้นมาและชนกับแก้วของฉู่ซิงอวี่ “มาดื่มกัน!”
เขาต่างจากฉู่ซิงอวี่ ตัวเขาเติบโตในกองทัพตั้งแต่ยังเด็ก และนอกจากเจอแต่พวกผู้ชายแกร่ง ๆ แล้ว เขาก็ยังเป็นผู้ชายอกสามศอกอีกด้วย
แม้ว่าจะมีทหารหญิงในหน่วยอื่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเขามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกว่านั้น
เขาแค่รู้สึกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ พวกนั้นบอบบางมาก ถ้าเขาพูดเสียงดังกว่าเดิมสักหน่อย พวกเธอคงจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง
มันลำบากจริง ๆ
จนกระทั่งเขาได้พบกับเซี่ยชิงหยวน
เธอดูอ่อนช้อยและยังดูบอบบางยิ่งกว่าทหารหญิงเหล่านั้นซะอีก
แต่ทว่าภายใต้สถานการณ์อันตราย เธอเพียงแค่น้ำตาคลอแต่ไม่แม้แต่จะร้องไห้สักแอะ
เขาจับมือรอบเอวของเธอ และมันก็ร้อนขึ้นทันที
ชายหนุ่มส่ายหัว สลัดความคิดยุ่งเหยิงออกไป หยิบแก้ว และเริ่มดื่มอีกครั้ง
ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว เขาควรจะเลิกคิดถึงเธอได้แล้ว
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและซื่อตรง ผู้ชายคนนั้นโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับเธอ
เมื่อฉู่ซิงอวี่เห็นหลิงเยี่ยดื่ม ตัวเขาก็หยิบแก้วขึ้นมาดื่มบ้างเลียนแบบอีกฝ่าย และดื่มไปอึกใหญ่
หลังจากดื่มเข้าไปอึกใหญ่ก็แทบจะสำลัก
เขากระแอมไอหลายครั้งก่อนที่จะพูดว่า “นายดื่มเหล้าเป็นน้ำหรือไง”
เพราะเขาสำลัก ใบหน้าที่หล่อเหลาจึงแดงเรื่อ ๆ และดวงตาของเขาเป็นประกายสดใส
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลิงเยี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แล้วนายไม่เหมือนกันเหรอ?”
หลังจากพูดจบ หลิงเยี่ยก็ยกแก้วของตัวเองขึ้นมาและชนแก้วเหล้าในมือของฉู่ซิงอวี่ที่ยังเหลือเหล้าอีกครึ่ง “หมดแก้วไปเลย”
ฉู่ซิงอวี่คร่ำครวญ “ไม่คิดจะเห็นอกเห็นใจกันบ้างรึไง?”
ฉู่ซิงอวี่ดื่มไม่เก่ง แต่เขาชวนหลิงเยี่ยดื่มกับเขาเพราะวันนี้เขารู้สึกหดหู่ใจมาก
เมื่อเห็นหน้าตาของอีกฝ่าย หลิงเยี่ยก็ยิ้มและพูดว่า “เมื่อตอนที่นายอยู่ในศาลากลาง นายทำให้ผู้หญิงหลายคนร้องไห้ ครั้งนี้การลงโทษคงมาถึงแล้ว”
ฉู่ซิงอวี่จ้องเขา “ไปให้พ้นเลย”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็หัวเราะ ฮ่าฮ่า ออกมาเสียงดัง
“จริงสิ”’ หลิงเยี่ยจำสิ่งที่เสิ่นอี้โจวพูดกับเขาได้ “‘พอเลขาธิการเสิ่นถูกย้าย นายจะกลับไปด้วยกันไหม?”
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้า “น่าจะแบบนั้น”
นับตั้งแต่ทำงานร่วมกับเสิ่นอี้โจว เขาสร้างผลงานไปไม่น้อยเลย ดังนั้นเมื่อครบครึ่งปี ผลงานของเขาจะใหญ่ขึ้นไม่มีเล็กลงแน่นอน
เพราะแบบนี้ มันจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่พวกเขาจะกลับไปที่เมืองหลวงของมณฑล
เขาจิบเหล้ารสเผ็ดที่ทำให้ระคายคอและพูดว่า “ตอนที่ฉันลงมาที่นี่ก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินจากลุงหยวนว่าเลขาธิการเสิ่นมีผู้หญิงจะแนะนำเรา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีข่าวเลย”
ไม่ใช่ว่าเขาต้องมานัดดูตัวผู้หญิงด้วยเหรอ?
เขาเริ่มอยากรู้อยากเห็นเสียแล้วสิ
คนอย่างเสิ่นอี้โจวที่ดูเย็นชาและไม่แยแสกับสิ่งใด กลับมีใจจัดการเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นได้ด้วยหรอ?
หลิงเยี่ยกล่าวว่า “บางทีความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวและครอบครัวของสามีเธอคงดีขึ้นแล้ว ดังนั้นเธอคงไม่หย่าร้างแล้วแหละ”
ในตอนนั้น เสิ่นอี้โจวเพียงแค่พูดสรุปถึงเรื่องนี้อย่างคร่าว ๆ และไม่ได้อธิบายสถานการณ์ลึก ๆ ของหญิงสาวอย่างละเอียด
ฉู่ซิงอวี่เดาะลิ้นของเขาและพูดว่า “ก็จริง มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
แก้วทั้งสองชนกันอีกครั้ง “มาเถอะ มาดื่มให้แก่พวกเราที่ไม่สมหวังกันเถอะ”
หลิงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่ถามว่าเขารู้ได้อย่างไร
เขายกแก้วขึ้นดื่มเหล้าจนหมด
…
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินตงซิ่วซ่อนตัวตลอดทั้งคืน แต่เสิ่นอี้โจวก็ยังไม่ปล่อยเธออีก
“แม่ครับ แม่ว่างไหม ผมมีเรื่องจะคุยกับแม่หน่อย”
เสิ่นอี้โจวพูดกับหลินตงซิ่ว ขณะที่ติดกระดุมแขนเสื้อตรงประตูบ้าน
หัวใจของหลินตงซิ่วเต้นไม่เป็นจังหวะ และเธอตอบด้วยความกระอักกระอ่วน “ว่าง…”