กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 194 ความลับ
บทที่ 194 ความลับ
บทที่ 194 ความลับ
เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเลย แต่พอพูดถึงก็ยังอดโกรธไม่ได้
เสิ่นอี้หลินนึกถึงบทสนทนาที่นำโดยเด็กคนหนึ่งในสวนสาธารณะเมื่อตอนบ่าย
เด็กชายร่างสูงผอมคนนั้นออกมาจากบ้าน และเห็นเสิ่นอี้หลินกำลังเล่นกับเพื่อนของเขา
เด็กชายคนนั้นอายุราวสิบขวบ ซึ่งอายุเท่านี้ย่อมต้องมีวิจารณญาณพื้นฐานเกี่ยวกับความดีและความชั่วแล้วแน่นอน
แต่เพียงเพราะสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตมา เขาจึงไม่เคยจะเบื่อเรื่องรังแกผู้คนให้เจ็บช้ำ เพื่อสนองความสุขของตัวเอง
เขาเดินเข้าหาเสิ่นอี้หลินและยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เสิ่นอี้หลิน พี่สะใภ้ของนายเป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้งั้นเหรอ? ฉันได้ยินมาจากคนอื่นว่าหล่อนทำแท้งหลายครั้งก่อนที่จะแต่งงานกับพี่ชายของนาย เพราะงั้นตอนนี้หล่อนเลยมีลูกไม่ได้”
ในเวลานั้นเสิ่นอี้หลินกำลังสร้างปราสาทข้างบ่อทราย พอเขาได้ยินประโยคนี้ เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง”แน่จริงก็ลองพูดอีกครั้งซิ!”
เด็กชายคนนั้นสูงกว่าเสิ่นอี้หลินถึงครึ่งหนึ่ง
เด็กชายทำหน้าตาเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่าไม่กลัวเสิ่นอี้หลินเลย
เด็กชายก้าวมาข้างหน้าและผลักไหล่ของเสิ่นอี้หลินอย่างแรงจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เขาพูดต่อว่า “ถ้าฉันพูดอีกแล้วมันจะทำไม? พี่สะใภ้ของนายไม่ใช่ผู้หญิงดี… อ๊า!”
ก่อนที่เด็กชายจะพูดจบ เสิ่นอี้หลินก็ขว้างทรายใส่หน้าอีกฝ่ายไปหนึ่งกำมือ
ทั้งดวงตา รูจมูก และปากของเด็กชายคนนั้นก็เต็มไปด้วยทราย
เด็กชายร่างสูงปิดตา เขาลืมตาไม่ได้เพราะความเจ็บปวดจนน้ำตาไหลออกมา
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงดุด่าด้วยถ้อยคำร้ายกาจที่สุดที่ไม่เหมาะกับเด็กวัยสิบขวบ “ฉันพูดอะไรผิดไปหรือไง พี่สะใภ้ของแกมันสำส่อน… อั่ก!”
ทันใดนั้นเสิ่นอี้หลินก็ผลักที่หน้าท้องของเด็กชายร่างสูง ส่งผลให้เขาเซถอยและเอวก็กระแทกกับก๊อกที่อยู่ข้างหลัง เอวของเด็กชายร่างสูงเจ็บอย่างรุนแรง
ดวงตาของเสิ่นอี้หลินแดงก่ำด้วยความโกรธ
เขากัดฟันกรอด “ถ้านายพูดไร้สาระอีก ฉันจะฆ่านาย!”
แม้ว่าเสิ่นอี้หลินจะไม่เข้าใจคำพูดที่เลวร้ายเหล่านั้นทั้งหมด แต่เขารู้ว่าสำหรับผู้หญิงแล้วมันเป็นสิ่งที่เลวร้ายแน่นอน
ในหมู่บ้านซีสุ่ย พี่สาวคนหนึ่งมีความสัมพันธ์กับชายมีการศึกษาจากในเมือง ต่อมาชายมีการศึกษาคนนั้นกลับเมืองไปและหญิงสาวก็ถูกทอดทิ้ง เขาได้ยินหลายคนตำหนิเธอด้วยคำพูดเช่นนี้
วันหนึ่งเสิ่นอี้หลินบังเอิญได้ยินว่าเธอกระโดดน้ำและจมน้ำตายไป
แต่เสิ่นอี้หลินไม่เชื่อคำพูดตำหนิของคนในหมู่บ้านเหล่านั้นเลย
เพราะตอนเด็ก ๆ หญิงสาวคนนั้นมักจะไปเล่นน้ำที่แม่น้ำกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน และเธอยังพาพวกเขาไปจับจักจั่นและอบตั๊กแตนกินด้วย
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นพี่สาวที่ดี
การโจมตีสองครั้งของเสิ่นอี้หลินประสบความสำเร็จ เพราะเด็กชายร่างสูงไม่ได้ตั้งตัว
ทว่าถัดมาเด็กชายร่างสูงตั้งตัวได้ พลางอดทนต่อความเจ็บปวดในดวงตาของเขา “ถุย!”
เด็กชายร่างสูงถ่มทรายออกจากปาก จากนั้นยกกำปั้นขึ้นแล้วชกที่ร่างของเสิ่นอี้หลิน
แม้ว่าเสิ่นอี้หลินจะหลบหมัดแรกได้ แต่หมัดที่สองเสิ่นอี้หลินก็หลบไม่พ้น
หางตาของเสิ่นอี้หลินถูกต่อยอย่างแรงจนแดงและบวมช้ำ
แม้ว่าเสิ่นอี้หลินจะยังเด็ก แต่เขาก็สู้ไม่ถอยกับเรื่องนี้
เขาตะโกนราวกับจะให้กำลังใจตัวเองแล้วพุ่งไปหาคู่ต่อสู้
ทว่าท้ายที่สุดความแตกต่างของอายุก็ยังมีผล เด็กชายร่างสูงตั้งตัวได้และคว้าไหล่ของเสิ่นอี้หลินไว้
ถึงกระนั้นเอวของเด็กชายร่างสูงก็ยังเจ็บอยู่
เด็กชายร่างสูงเดือดดาลมากขึ้น “บัดซบ! วันนี้ฉันจะฆ่าแก!”
ขณะที่เขาพูด กำปั้นของเขาก็ทุบไปที่ร่างของเสิ่นอี้หลินอย่างไร้ปรานี
พวกเด็ก ๆ ที่เห็นเหตุการณ์นี้ถึงกับผงะ
แต่ละคนมองกันและกันโดยไม่รู้จะทำอย่างไร
เพื่อนตัวน้อยที่มักจะเล่นกับเสิ่นอี้หลินเป็นประจำก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หยุดตีเขาได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กชายร่างสูงก็หันหน้าไปมองเด็กที่กำลังห้ามด้วยสายตาดุร้าย พลางเตือนว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับนาย อย่าแส่! ระวังฉันจะตีนายด้วย!”
หลังจากนั้น เด็กชายร่างสูงก็ชี้ไปที่เด็กผู้ชายที่เตี้ยกว่าข้าง ๆ เขา “เฉิงเฟิง มาช่วยฉันสักทีสิวะ?”
เด็กชายชื่อเฉิงเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็เข้าไปรุมด้วย
ด้วยความที่ว่าเสิ่นอี้หลินอายุน้อยกว่าพวกเขาสองสามปี และมีรูปร่างที่เล็กกว่า ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเด็กที่ตัวใหญ่กว่าสองคน เสิ่นอี้หลินก็ถูกบดขยี้และทุบตีในทันที
เสิ่นอี้หลินถูกกดลงกับพื้น ใบหน้าของเขาอยู่แนบกับพื้น เด็กชายร่างสูงขี่เขาและสาปแช่ง “เป็นไง? ทีนี้แกยังกล้าปากดีอีกไหม? ไอ้ลูกหมา!”
เสิ่นอี้หลินที่ถูกกดอยู่ก็โกรธจัด แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจลุกขึ้นได้
ดวงตาของเขาค่อย ๆ เต็มไปด้วยน้ำตา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู เด็กชายกัดริมฝีปากแน่นและนิ่งเงียบ
เมื่อเห็นว่าน่าจะชนะแล้ว เฉิงเฟิงจึงเกลี้ยกล่อม “เลี่ยวจวิ้น น่าจะพอได้แล้วนะ พวกผู้ใหญ่ใกล้จะเลิกงานกันแล้ว”
เมื่อเลี่ยวจวิ้นได้ยินแบบนั้นก็ปล่อยเสิ่นอี้หลินไป
แต่ก็ยังมีการเตะเสิ่นอี้หลินส่งท้าย “คราวหน้าถ้าเจอฉัน แกจงเดินอ้อมซะนะรู้ไหม ไม่งั้นฉันจะตบแกทุกครั้งที่เจอ!”
จากนั้นเลี่ยวจวิ้นก็ข่มขู่เด็กทุกคนในบริเวณ “ใครกล้าพูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉันจะเป็นคนแรกที่ทุบตีมัน!”
หลังจากนั้นเลี่ยวจวิ้นก็เรียกเฉิงเฟิง “ไปกันเถอะ!”
ในพริบตา เด็ก ๆ ที่อยู่โดยรอบก็สลายตัวหายไปหมด
เด็กชายที่พูดแทนเสิ่นอี้หลินในตอนแรก เหลือบมองที่เขาและวิ่งหนีไปพร้อมกับเด็กคนอื่น ๆ
ต่อมาเสิ่นอี้หลินก็ได้พบกับเซี่ยชิงหยวน
เสิ่นอี้โจวฟังคำพูดของเสิ่นอี้หลินอย่างเงียบ ๆ และไม่พูดเป็นเวลานาน
เขาขมวดคิ้ว มือของเขาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถามว่า “เด็กที่นายกำลังพูดถึงคือเลี่ยวจวิ้นใช่ไหม?”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้า “มีเฉิงเฟิงด้วย”
พ่อของเลี่ยวจวิ้นเป็นเจ้าหน้าที่ในแผนกธุรการของศาลากลาง และอีกฝ่ายรับผิดชอบห้องเก็บเอกสาร เสิ่นอี้โจวคิดถึงบางอย่างได้ทันที
ชายหนุ่มหรี่ตาลง เม้มริมฝีปาก และตบแขนของเสิ่นอี้หลิน “คราวนี้นายทำได้ดีมาก” หลังจากหยุดชั่วคราว เขาพูดว่า “แต่ในอนาคต หากนายพบกับสถานการณ์ที่นายรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ นายก็อย่าได้เอาตัวเข้าไปแลกอีก”
“ทำตัวเองให้ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยหาทางแก้แค้น วิธีนี้ปลอดภัยที่สุด เข้าใจไหม?”
เสิ่นอี้หลินฟังและก้มหน้าลงด้วยความอับอาย “ผมเข้าใจแล้วพี่ใหญ่”
เสิ่นอี้โจวดึงเขาเข้ามาและพูดว่า “นายเก่งมากแล้ว แค่ตอนนี้นายยังเด็กอยู่และนายยังต้องการให้เราปกป้องนาย แต่เมื่อไหร่ที่นายเติบโตเป็นต้นไม้สูงตระหง่าน นายจะสามารถปกป้องแม่และพี่สะใภ้ของนายได้แน่นอน”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”
ท้ายที่สุดเขายังเด็กเกินไป
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ให้เรื่องนี้เป็นความลับของเราด้วย อย่าให้พี่สะใภ้ของนายรู้ตกลงไหม?”
เสิ่นอี้หลินเห็นด้วยอย่างแน่นอน “ตกลง”
เขารอจนกระทั่งเสิ่นอี้โจวกลับมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้สองคน เพราะเขาไม่ต้องการให้เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเขาเศร้าแค่ไหน
เด็กชายอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่ชาย เราควรทำยังไงต่อดี?”
เสิ่นอี้โจวลูบหัวน้องชาย จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาบนริมฝีปาก
“แน่นอนว่าเราต้องทำการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ทุกคน”