กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 196 จูบผ่านผ้าห่ม
บทที่ 196 จูบผ่านผ้าห่ม
บทที่ 196 จูบผ่านผ้าห่ม
หลังจากจัดที่ให้เด็กสองคนออกไปนั่งแยกข้าง ๆ แล้ว พวกผู้ใหญ่ก็นั่งบนโซฟาและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
พ่อของเฉิงเฟิงพูดว่า “เราได้ยินอะไรบางอย่างตอนที่เราพักกินข้าวเที่ยงน่ะครับ”
เมื่อพูดเช่นนี้ พ่อของเฉิงเฟิงก็มองหน้าเสิ่นอี้โจวไปด้วย
ก็เห็นว่าเสิ่นอี้โจวยังมีสีหน้าเฉยเมย ท่าทางฟังสบาย ๆ
พ่อของเฉิงเฟิงจึงพิจารณาคำพูดของตัวเองและพูดต่อ “ผมได้ยินคนอื่นพูดกันว่าภรรยาของเลขาธิการเสิ่นเป็นหมัน บางคนถึงกับพูดว่า…”
คำพูดต่อไปนี้ยากที่จะพูดจริง ๆ เขากลัวว่าถ้าเขาพูดออกไปเสิ่นอี้โจวจะโกรธจัด และตัวเขาก็จะเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนในคราวนี้
เสิ่นอี้โจวเชิดคางขึ้น “ไม่เป็นไร พูดต่อได้เลย”
คุณพ่อเฉิงปาดเหงื่อและพูดว่า “บางคนยังบอกด้วยว่าสาเหตุที่ภรรยาของเลขาธิการเสิ่นไม่สามารถมีลูกได้ เพราะก่อนหน้านี้เธอมีชีวิตส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมเสียเท่าไหร่ครับ”
ทันทีที่พูดจบประโยคนี้ มันเหมือนความกดอากาศในห้องต่ำลงทันที และคุณพ่อเฉิงก็กลัวเกินกว่าจะพูดต่ออีก
เสิ่นอี้โจวโน้มกายไปข้างหน้าพร้อมกับเย้ยหยันที่ริมฝีปาก
เขาหรี่ตาลงและพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “ข่าวนี้มันมาจากไหน?”
เขาทำงานอยู่ที่ชั้นสอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่รู้เรื่องซุบซิบนินทาของพวกเจ้าหน้าที่ระดับล่างได้
และคนรอบข้างเขาก็ต่างปิดปากกันเงียบ ไม่มีใครชอบพูดนินทากันเท่าไหร่นัก
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เรื่องนี้มันจะไม่ถึงหูของเขา
คุณพ่อเฉิงชำเลืองมองไปที่ภรรยาของตัวเอง และภรรยาของเขาก็เป็นคนพูดต่อ “ตอนที่เราได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็มีหลายคนที่พูดถึงเรื่องนี้แล้วค่ะ แต่ว่ากันว่าข่าวนี้มาจากห้องเก็บเอกสารตั้งแต่แรกเริ่มค่ะ”
เสิ่นอี้โจวหรี่ตาลงเมื่อเขาได้ยินมัน จากนั้นดวงตาเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและอาฆาต
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว”
คุณพ่อเฉิงยังจำเรื่องการทุบตีของเฉิงเฟิงได้ เขามองที่เสิ่นอี้โจวด้วยสีหน้าประหม่า “เลขาธิการเสิ่น เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราจริง ๆ เราไม่เคยเอาเรื่องเลวร้ายนี้ไปพูดต่อกับใคร อย่าว่าแต่ชี้แนะให้ลูกของเราพูดจาแย่เลยครับ ดังนั้นเรื่องของวันนี้…”
พวกเขาไม่ได้พูดนินทาเรื่องพวกนี้ให้เฉิงเฟิงได้ยินเลยจริงๆ พวกเขาเอาแต่โทษเลี่ยวชางกุ้ยและภรรยาที่ไม่สามารถสอนลูก ๆ ของตัวเองให้ดีได้ แถมยังปากไม่ดีอดกลั้นนินทาต่อหน้าลูกไม่ได้อีก
เสิ่นอี้โจวยกมือขึ้นด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง “ผมได้ยินจากอี้หลินเกี่ยวกับเรื่องของเด็ก ๆ แล้ว ตอนนี้เด็ก ๆ จำความผิดพลาดได้แล้ว ดังนั้นปล่อยให้พวกเขาแก้ปัญหาที่เหลือด้วยตัวเองเถอะ”
เมื่อทั้งคู่ได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนลงของเสิ่นอี้โจว พวกเขาก็ผ่อนคลายทันที บราวนี่ออนไลน์
โชคดีที่วันนี้พวกเขาออกมาขอโทษ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในพรุ่งนี้
คู่สามีภรรยาแลกเปลี่ยนสายตากันและพูดว่า “เลขาธิการเสิ่น ถ้าเช่นนั้นเราขอตัวกลับก่อนได้ไหมครับ?”
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้นพลางพยักหน้า และพูดว่า “อืม กลับดี ๆ ล่ะ”
จากนั้นเขาชี้ไปที่ของขวัญที่พ่อแม่ของเฉิงเฟิงซื้อมา “ของพวกนี้ พวกคุณเอากลับไปด้วย พวกเราได้รับการชี้แจงอย่างชัดเจนด้วยคำพูดแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจถึงเรื่องนี้หรอก”
เมื่อได้ยินแบนั้น ทั้งคู่ก็พยักหน้า “ขอบคุณเลขาธิการเสิ่น ขอบคุณเลขาธิการเสิ่น”
ขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาก็ตะโกนเรียกเฉิงเฟิงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เสิ่นอี้หลินด้วย “เฉิงเฟิง เรากลับกันได้แล้ว”
เฉิงเฟิงที่จ้องมองเสิ่นอี้หลินหลังจากถูกเรียกก็ตอบว่า “ครับ ผมไปแล้ว”
ทันใดนั้นเขาก็เค้นประโยคหนึ่งออกมาอย่างเชื่องช้า “ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรช่วยเลี่ยวจวิ้นทำร้ายนาย”
หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งออกจากบ้านทันทีและกลับบ้านไปกับพ่อแม่ของเขา
เสิ่นอี้โจวนั่งบนโซฟา พิงพนักแขนของโซฟาด้วยมือข้างหนึ่ง คิ้วที่หล่อเหลาของเขาขมวดมุ่นเบา ๆ พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เขาค่อย ๆ เชื่อมโยงเรื่องราวต่าง ๆ ของทั้งหมดเข้าด้วยกัน
มันน่าจะไม่มีอะไรมากไปกว่าเติ้งซูอี้เก็บความแค้นและกระจายข่าวลือในศาลากลาง
แต่เรื่องจริงครึ่งเท็จครึ่งพวกนี้ต้องมีที่มาที่ไป ไม่งั้นเติ้งซูอี้คงไม่กล้าพูดแบบนั้น
สำหรับแหล่งที่มานั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับจางอวี้เอ๋อ
เขาหยิบโทรศัพท์ที่ด้านข้างแล้วโทรออก “สวัสดีครับรองผู้อำนวยการเหอ ผมเองเสิ่นอี้โจว…”
…
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าคืนนี้เสิ่นอี้โจวกระตือรือร้นมาก และเธอก็ทนความกระตือรือร้นนั้นไม่ไหวเช่นกัน
เธอคว้าผ้าปูที่นอนไว้ใต้ร่างแล้วหอบหายใจแรง “เท่านี้พอแล้วไหม?”
ส่วนเสิ่นอี้โจวเองก็มีเหงื่อออกมากไม่น้อยเลย “จะพอแค่นี้ได้ยังไง?”
เขาโอบเอวของภรรยาและกดแน่น “แน่นอนว่าเราต้องทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ความสมบูรณ์แบบสิ”
เซี่ยชิงหยวนเม้มปาก “ฉันคิดว่าในเรื่องนี้ เราไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัว…อ้า…แรงไปแล้วนะ!”
เสิ่นอี้โจว “ไม่ นี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย”
เซี่ยชิงหยวนกำลังจะร้องไห้ “แล้วศักดิ์ศรีผู้หญิงของฉันอยู่ตรงไหน? คุณทำฉันเกือบแหลกสลายทุกครั้งเลย!”
ขณะที่เธอพูด หญิงสาวก็เหยียดขาออกตั้งใจจะเตะเขา
แต่เขากลับคว้ามันไว้เสียก่อน
ฝ่าเท้าขาวเล็ก นิ้วเท้าเรียวขาวสวยงาม
เสิ่นอี้โจวยกเท้าของเธอวางไว้ที่ริมฝีปากพลางขบเม้มเบา ๆ
แต่เขาไม่คิดว่ามันควรจะพอเท่านี้ เขาเริ่มจับเท้าของเธอและจุมพิตเท้าภรรยาอย่างเสน่หา
เซี่ยชิงหยวนโค้งหลังเท้าขึ้นทันที และต่อว่า “คุณมันสัตว์ร้าย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ดวงตาของเขายิ่งดูหลงใหล “ผมจูบภรรยาของผม ทำไมผมกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายไปเสียล่ะ?”
ขณะที่เขาพูด เขาก็กดเธอลงไปอีกครั้ง
เขาใช้มืออีกข้างลูบไล้ไปตามริมฝีปากได้รูปของเธอ และเอ่ยว่า “หรือคุณไม่ชอบที่ผมจูบคุณ?”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวไปหมด
เธอทำได้เพียงคว้าผ้าห่มผืนบางข้างตัวมาคลุมศีรษะ
ไม่อยากเห็นอะไรอีกแล้วทั้งนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ลืมตัวไป พอตาไม่เห็น ประสาทสัมผัสอย่างอื่นก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาก
เธอกระวนกระวายที่จะดึงผ้าห่มผืนบางออก
แต่ก่อนที่มันจะถูกยกขึ้น ก็มีแรงกดเบา ๆ ที่ตำแหน่งของริมฝีปาก
เสิ่นอี้โจวกำลังจูบเธอผ่านผ้าบาง ๆ นี้
แม้จะบอกว่าเป็นผ้านวมบาง ๆ แต่จริง ๆ แล้วมีความหนาพอ ๆ กับผ้าปูที่นอน เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็รู้สึกถึงอุณหภูมิจากชั้นของผ้า
สัมผัสนั้นหยาบกว่าริมฝีปากของเขา และรู้สึกเสียวซ่านเมื่อถูกับมัน
ในไม่ช้าจุดที่ริมฝีปากของพวกเขาบรรจบกันก็เปียกชื้นขึ้น
เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถทำอะไรได้ เธอสูดลมหายใจและโอบคอของเขาโดยใช้มือจับผ้าปูที่นอน เพื่อให้เขาเข้าใกล้เธอมากขึ้น
จิตใจของเซี่ยชิงหยวนว่างเปล่าและไม่สามารถคิดอะไรได้อีกต่อไป
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเสิ่นอี้โจวกำลังจะออกไป ตัวเซี่ยชิงหยวนก็ยังไม่ตื่น
ร่างกายของเธอซุกอยู่ใต้ผ้านวม ก่อตัวเป็นลูกบอลเล็ก ๆ อยู่ข้างใน
เสิ่นอี้โจวเอื้อมมือไปลูบขดผ้าห่มนูน ๆ นั้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“คนขี้เซา ลุกขึ้นหน่อย”
เซี่ยชิงหยวนเพิกเฉยต่อแรงบีบที่บั้นท้ายของเธอ หันหลังพลิกตัวอีกครั้ง และไม่ให้ความสนใจกับมัน
เมื่อเธอพลิกตัว ข้อเท้าขาว ๆ ของเธอก็เผยออกมาซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษ
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวลง คว้าข้อเท้าขาวนั้นและอดไม่ได้ที่จะถูมันด้วยปลายนิ้วของเขา
ขณะที่เขาเคลื่อนไหว รอยแดงที่ด้านข้างคอของเขาก็เผยออกมา
ผิวของเสิ่นอี้โจวนั้นไร้รอยตำหนิ ดังนั้นรอยแดงนั่นจึงชัดเจนมาก
มันไล่ลงมาจากด้านบนและลงไปในคอเสื้อในที่สุด
เซี่ยชิงหยวนทนไม่ได้อีกต่อไป เลยยื่นเท้าไปเตะเขา “ปล่อยนะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้โกรธ แต่เพราะเมื่อคืนนี้ความยุ่งเหยิงทำเอาเธอเหนื่อยมากเกินไปต่างหาก
เสิ่นอี้โจวเม้มริมฝีปาก “เมื่อคืนนี้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมขอโทษนะ”
จากการจูบผ่านผ้าห่มผืนบาง ในที่สุดมันก็กลายเป็นการทรมานเธอด้วยวิธีต่าง ๆ
เมื่อเซี่ยชิงหยวนคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง และจ้องมองเขา
“ฮึ่ม!”