กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 198 เสิ่นอี้โจวที่แปลกไป
บทที่ 198 เสิ่นอี้โจวที่แปลกไป
บทที่ 198 เสิ่นอี้โจวที่แปลกไป
จางอวี้เอ๋อสะอื้นไห้และพูดว่า “พี่เขย ฉันรู้ว่าครั้งนี้ฉันผิดจริง ๆ”
เธอก้าวไปข้างหน้าแต่ไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป ทำได้เพียงยืนอยู่หน้าโต๊ะเท่านั้น “ฉันขอร้องเถอะนะ ยกเลิกประกาศบทลงโทษนั้นได้ไหมคะ?”
ด้วยป้ายประกาศลงโทษขนาดใหญ่นั้น ในอนาคตเธอจะยังมีหน้าอยู่ในศาลากลางได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น งานจัดซื้อวัตถุดิบและการขนส่งมักจะทำโดยคนงานชาย ดังนั้น การที่เธอถูกย้ายไปที่นั่นมันหนักเกินไป
เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้ว เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเย้ยหยัน และพูดประชดประชัน “คุณคิดว่านี่เป็นการเล่นของเด็กหรือยังไง? แค่คุณบอกว่าคุณต้องการให้ยกเลิก ทุกอย่างก็สามารถยกเลิกได้งั้นเหรอ?”
เขาโน้มตัวไปข้างหน้า พลางวางมือบนโต๊ะ และประสานมือเท้าคาง “ตอนนี้เพิ่งมาเสียใจ มันสายไปหรือเปล่า?”
ร่างกายของจางอวี้เอ๋อเย็นวาบอย่างฉับพลันเมื่อเผชิญกับดวงตาเย็นชาของเสิ่นอี้โจว และจิตใต้สำนึกของเธอต้องการสั่งให้เธอวิ่งหนี
ทว่าเมื่อหญิงสาวนึกถึงการไปตลาดที่มีกลิ่นเหม็นและขนของกับพวกชายชราที่มีเหงื่อออกมาก เธอก็รู้สึกแย่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่เธอที่พูดเอง ดังนั้นพวกเขารู้ได้ยังไง?
บางคนถึงกับพูดเมื่อเช้านี้ว่าคนที่ทำตัวสำส่อนมาก่อนคือตัวเธอเองมากกว่า
เธอโกรธมากจนทะเลาะกับคนเหล่านั้นทันที
จางอวี้เอ๋อต่อต้านความกลัวของตัวเอง เธอเอามือแตะที่คอเสื้อ และในวินาทีต่อมา เธอก็ปลดกระดุมออก
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวเย็นชาลงอย่างรุนแรงและเขาพูดอย่างเฉียบขาด “คุณกำลังทำอะไรอยู่!?”
จางอวี้เอ๋อเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอด้วยความมุ่งมั่นที่สิ้นหวัง
เธอเดินไป การเคลื่อนไหวของมือเร็วขึ้นและปลดกระดุมคอเสื้อ “พี่เขยคะ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันเห็นพี่ ฉันก็ตกหลุมรักพี่มาตลอด มองมาที่ฉันสิ ฉันไม่ได้แย่ไปกว่าพี่ชิงหยวนขนาดนั้นใช่ไหม? ตราบใดที่พี่ตกลง ฉันยินดีที่จะเป็นชู้รักของพี่ก็ได้ค่ะ ฉันจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้เลย”
“เฮอะ!” เสิ่นอี้โจวพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
เขาเลิกคิ้วและมองเธอราวกับมองมดปลวกที่ไร้ค่าที่สุด “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? แค่คุณพลีกายเข้ามาแล้วคิดว่าผมจะตกลงเหรอ? แล้วไอ้ตรงไหนของร่างกายคุณที่มันเทียบกับชิงหยวนได้? คนอย่างคุณกล้าเปรียบเทียบกับเธอได้ด้วยงั้นเหรอ?”
คำพูดของเสิ่นอี้โจวเหมือนค้อนหนักทุบร่างกายของจางอวี้เอ๋ออย่างรุนแรง
ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้าน เธอรู้สึกหูอื้อไปชั่วขณะ
การจ้องมองของเสิ่นอี้โจวเหมือนมีดที่กรีดลึกลงในเนื้อหนังของเธอ มันทั้งเย็นชาและเจ็บปวดบราวนี่ออนไลน์
เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา แต่กลับสามารถพูดคำดังกล่าวกับเธอได้
เสิ่นอี้โจวตรงหน้าเธอตอนนี้นั้นแปลกมาก
เธอเดินโซเซและล้มลงกับพื้น พูดไม่ออก
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้น เดินเข้าหาเธอทีละก้าว
เมื่อเห็นรองเท้าหนังขัดเงาของเสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาหา หัวใจของจางอวี้เอ๋อก็เริ่มพองโต เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่คาดหวัง
ทว่าเมื่อเสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาประชิด เขาก้มลงพลางขยับริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน
เพราะเขาก้มหัวลง รอยแดงที่คอของเขาจึงถูกเปิดเผย ดูคลุมเครือและชั่วร้าย
น้ำเสียงของเขานุ่มนวล แต่ดวงตาของเขาเหมือนอสรพิษที่กำลังจ้องเหยื่อ “เธอคิดว่าตัวเองฉลาดมากจนสามารถซ่อนสิ่งต่าง ๆ จากฉันได้งั้นเหรอ? โง่เง่าสิ้นดี ก่อนหน้านี้ฉันแค่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเรื่องไร้สาระสำส่อนพวกนั้นตอนที่เธอเรียนหนังสือ และถ้าไม่ใช่เพราะฉันเห็นแก่ชิงหยวน เชื่อเถอะ ฉันไม่เก็บเธอไว้นานขนาดนี้หรอก!”
“แต่ตอนนี้สิ่งที่แย่ที่สุดที่เธอทำคือ เอาความสกปรกของเธอไปสัมผัสชิงหยวน!”
“นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้ไป ถ้าเธอไม่เก็บหางไว้ที่หว่างขาให้ดี ๆ ฉันจะทำให้เธอเสียใจที่เกิดมาบนโลกมนุษย์เลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเสิ่นอี้โจว จางอวี้เอ๋อตัวสั่นดั่งคนเป็นไข้ทันที ดวงตาของเธอหวาดกลัวราวกับเห็นปีศาจจากนรก
หวาดกลัวถึงขนาดที่เธอร้องไห้ไม่ออก
เธอคิดเสมอว่าเสิ่นอี้โจวเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและอ่อนโยน แม้ว่าบางครั้งอารมณ์ของเขาจะค่อนข้างเย็นชา แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้
เขาน่ากลัวจริง ๆ
เธอไม่กล้าพูดอะไรอีกและวิ่งออกจากสำนักงานไป
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้น จัดระเบียบข้อมือของเขาช้า ๆ จากนั้นเขาก็กลับไปที่โต๊ะหยิบเอกสารขึ้นมาและดูอย่างระมัดระวัง
เขาทำราวกับไม่ใช่ตัวเองที่พูดคำโหดร้ายเหล่านั้นกับจางอวี้เอ๋อเมื่อครู่
จางอวี้เอ๋อสะดุดและวิ่งลงไปชั้นล่าง
เมื่อเธอกำลังจะวิ่งออกไปที่ห้องโถง จู่ ๆ เธอก็จำสิ่งที่เสิ่นอี้โจวพูดเมื่อกี้ได้และหยุดอย่างรวดเร็ว
เธอคลำหากระดุมที่คออย่างลนลานและติดมัน
ความกลัวในใจของเธอทำให้มือของเธอสั่น
ถ้าเป็นปกติเธอคงอยากให้คนอื่นเข้าใจผิดบ้าง
แต่ตอนนี้เธอไม่กล้าอีกแล้ว
ในที่สุดเธอก็เชื่อว่าเสิ่นอี้โจวต้องการฆ่าเธอจริง ๆ ถ้าเธอยังเล่นตลกอะไรอีก
เธอไม่กล้าออกไปให้ผู้คนเห็นจนกว่าจะติดกระดุมเสร็จ
ยังมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ในอาคารและเมื่อพวกเขาเห็นจางอวี้เอ๋อ พวกเขาทั้งหมดแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
ในขณะที่ชื่อเสียงของเซี่ยชิงหยวนถูกแก้ไข ข่าวลือเกี่ยวกับจางอวี้เอ๋อก็รั่วไหลออกไปเช่นกัน
ทุกคนต่างพูดว่าผู้หญิงที่สำส่อนคือจางอวี้เอ๋อ
หลายคนเคยเห็นรอยที่คอของเสิ่นอี้โจว
ถ้าเซี่ยชิงหยวนเป็นคนประเภทนั้น เสิ่นอี้โจวยังจะเสน่หาในตัวเซี่ยชิงหยวนแบบนั้นหรือไม่?
ผู้คนไม่ได้โง่
อย่างไรก็ตาม ถ้าเซี่ยชิงหยวนสามารถให้กำเนิดบุตรได้จริง ๆ ทำไมเลขาธิการเสิ่นถึงยังไม่มีลูก?
เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องลึกลับในใจของผู้คน
บางคนกล่าวว่าบางทีตอนที่เสิ่นอี้โจวอยู่ที่สถาบันธรณีวิทยา ร่างกายของเขาอาจได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการเผชิญกับภัยพิบัติ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมีลูกได้
แต่คราวนี้ทุกคนเรียนรู้ที่จะฉลาดจากเหตุการณ์ครั้งก่อน เลยไม่มีใครพูดอะไรในที่สาธารณะ
แม้แต่เติ้งซูอี้ ภรรยาของเหอเส้าหยวนก็ถูกจัดการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าศาลากลางจัดการกับข่าวลือนี้อย่างจริงจังเพียงใด
หลังจากเกิดลมกระโชกแรงอย่างรวดเร็วในศาลากลางเมือง มันก็ถูกระงับด้วยฟ้าร้อง กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น
สำหรับตัวเอกของเรื่องนี้ เซี่ยชิงหยวนไม่รู้อะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
ทุกคนต่างพากันถอนหายใจอีกครั้งว่าเสิ่นอี้โจวให้ความสำคัญกับเซี่ยชิงหยวนมากเหลือเกิน
เมื่อกลับถึงบ้านในตอนกลางคืน เสิ่นอี้หลินยกนิ้วให้เสิ่นอี้โจว
“พี่ชายยอดเยี่ยมมาก!”
เสิ่นอี้โจวลูบหัวของน้องชาย “ภรรยาของฉันต้องได้รับการปกป้องอยู่แล้ว”
เขาครุ่นคิดบางอย่างพลางเหม่อมอง “ไม่งั้น…”
“ไม่งั้นอะไรเหรอพี่ใหญ่?” เสิ่นอี้หลินจ้องเขาด้วยตาเบิกโต
เสิ่นอี้โจวลูบหัวน้องชาย “ไม่เช่นนั้น ฉันก็สมควรตายอย่างโดดเดี่ยวแล้ว”
เช่นเดียวกับชาติก่อนของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นในท้ายที่สุดอาจเป็นการลงโทษของพระเจ้าสำหรับเขาก็ได้
ความรักเงียบ ๆ ที่เขาคิดว่าไม่เคยเป็นสิ่งที่เธอต้องการ
กรรมใดที่ทำไว้แก่เธอในชาติที่แล้ว ชาตินี้ย่อมต้องชดใช้ให้
หลังจากเซี่ยชิงหยวนอาบน้ำ เธอก็วางแผนที่จะคำนวณรายได้ของเธอในช่วงสองวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าพี่น้องทั้งสองดูมีลับลมคมใน หญิงสาวจึงยิ้มกริ่มและพูดว่า “พวกนายกระซิบอะไรกัน?”
เสิ่นอี้หลินพูดด้วยรอยยิ้มทันที “ในเมื่อมันเป็นการกระซิบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะบอกให้พี่สะใภ้รู้”
เด็กชายเงยหน้าขึ้น “ถูกไหม พี่ใหญ่?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและมองไปที่เซี่ยชิงหยวนด้วยรอยยิ้ม “มันเป็นแค่การพูดคุยเล็กน้อยน่ะ อี้หลินบอกว่าสาวน้อยจากครอบครัวของเจิ้งอวิ๋นน่ารักมาก”
เสิ่นอี้หลินหน้าแดงทันที “พี่ใหญ่!”
เสิ่นอี้หลินมองพี่ใหญ่ของตัวเองด้วยสายตาเหมือนถูกหลอกใช้และทรยศ!
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เธอเริ่มนึกถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เสิ่นอี้โจวกล่าวถึง เด็กหญิงคนนั้นอายุประมาณสามหรือสี่ขวบ บอบบางและน่ารัก
นอกจากนี้เด็กหญิงยังสุภาพมาก ทุกครั้งที่เห็นเธอ เด็กน้อยจะยิ้มและเรียกอย่างอ่อนหวาน ‘คุณป้า’
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและพูดว่า “ดีมาก บอกได้เลยว่าสายตาของอี้หลินของเราค่อนข้างดีเชียวแหละ”
เสิ่นอี้หลินได้ยินเช่นนี้หน้าแดงยิ่งกว่าเดิมอีก
เขาปิดหน้า “ผมไม่สนใจพวกพี่แล้ว!”
จากนั้นเขาก็วิ่งออกจากห้องหนังสือทันที
เสิ่นอี้โจวยิ้มและส่ายหัวก่อนจะจับมือเซี่ยชิงหยวนพลางเหยียดขาออกไปปิดประตูลง “มีอะไรเหรอ?”
เมื่อเขาจับมือเธอ เขามักจะถูหลังมือของเธอสองสามครั้งเสมอ
เซี่ยชิงหยวนต่อต้านอาการจั๊กจี้บนมือได้เลยพูดว่า “ฉันจะมาทำบัญชี”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวเลยลากเก้าอี้ออกจากโต๊ะแล้วนั่งลง จากนั้นก็ดึงเธอไปนั่งที่ตักของเขา “เอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยทำ”
เซี่ยชิงหยวน “!”