กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 20 กลับตาลปัตร
บทที่ 20 กลับตาลปัตร
บทที่ 20 กลับตาลปัตร
เนื่องจากความรู้สึกผิด ผานเยว่กุ้ยจึงต้องการจะหดตัวให้เล็กลงเพื่อเลือนการมีอยู่ของเธอออกไปในตอนนี้
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชนเพราะตอนแรกเธออยากดูฉากดี ๆ ของเซี่ยชิงหยวน
ทุกคนในตอนนี้มองตามการจ้องมองของหญิงสาวไปยังร่างของผานเยว่กุ้ย
ผานเยว่กุ้ยชูคอขึ้นทันที “พวกคุณมองฉันเพื่ออะไร ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ!”
แต่ดวงตาของเธอกลับกลอกไปรอบ ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีบางอย่างซ่อนอยู่ภายในใจ
ส่วนหวังชุ่ยเฟินนั้นโชคดีกว่าหน่อย เพราะฝ่ายนั้นถูกสามีทุบตีจนใบหน้าปูดบวม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงปรกหน้า จนอ่านสีหน้าไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว
ยกเว้นพวกคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับคนที่ทำงานอยู่ภายในหมู่บ้าน คนบางกลุ่มก็มักจะจับตัวกันเพื่อนินทาเรื่องอื้อฉาวอย่างการคบชู้สู่ชายหรือการข่มขืนอยู่เป็นนิตย์ โดยเฉพาะเรื่องราวระหว่างเซี่ยชิงหยวนกับตู้อวิ๋นเซิงนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวนแล้ว พวกเขาก็ค่อย ๆ คิดวิเคราะห์กันอีกรอบ
แม้จะชอบนินทา แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่ คนเหล่านี้จึงตระหนักถึงความจริงในที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ ข่าวลือดังกล่าวเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ทว่าหญิงสาวกลับยังคงไม่ทุกข์ร้อน และตู้อวิ๋นเซิงก็หายจ้อยไม่เห็นแม้แต่หน้า
ทว่าคนที่พูดถึงเรื่องนี้มากที่สุดก็คือผานเยว่กุ้ย
ในฐานะที่เป็นคุณป้าของเสิ่นอี้โจว เธอมักจะพูดว่าเห็นชายคนหนึ่งเข้าไปในบ้านของเซี่ยชิงหยวนในช่วงกลางดึก และชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นตู้อวิ๋นเซิง
ทว่าเซี่ยชิงหยวนมีภูมิหลังอย่างไร?
คุณพ่อเคยเป็นเลขาธิการพรรคของหมู่บ้านข้างเคียง และเขาก็ยังมีหน้ามีตาอยู่แม้จะเกษียณไปแล้วก็ตาม พี่ชายสองคนยังเป็นนักบัญชีในหมู่บ้านและคนขับรถบรรทุกในเมือง พวกเขาใช่ครอบครัวธรรมดาที่ไหนกัน?
ยิ่งกว่านั้น หากคิดไตร่ตรองดี ๆ ระยะทางระหว่างบ้านของผานเยว่กุ้ยกับบ้านของเสิ่นอี้โจวก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ
อีกทั้งมันก็ไร้สาระสิ้นดีที่ผานเยว่กุ้ยจะยอมนอนดึกทุกคืน เพื่อมานั่งเฝ้าดูประตูบ้านของชาวบ้านอยู่ในมุมมืด?
นอกจากนี้ยังมีหวังชุ่ยเฟิน ซึ่งว่ากันว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเซี่ยชิงหยวน แต่เมื่อไหร่ที่มีประเด็นข่าวลือนี้ของหญิงสาว เธอกลับไม่เคยปกป้องเพื่อนของเธอเลย
ยิ่งกว่านั้น หลายคนเห็นว่าเป็นหวังชุ่ยเฟินเองที่คุยกับตู้อวิ๋นเซิงอยู่หลายครั้ง
หลังจากคิดเช่นนี้ ทุกคนก็ค่อย ๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อมองไปที่ผานเยว่กุ้ยกับหวังชุ่ยเฟิน สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นว่าบรรลุผลแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็กล่าวต่อว่า “สุดท้าย คุณบอกว่าฉันขอให้ตู้อวิ๋นเซิงมาพบกันคืนนี้ คุณมีหลักฐานไหม หรือหลักฐานเดียวที่คุณมีคือคำพูดของหวังชุ่ยเฟินเพียงฝ่ายเดียว?”
เธอหยุดชั่วคราว “ตู้อวิ๋นเซิงกับหวังชุ่ยเฟิน พวกคุณได้เห็นการนัดพบส่วนตัวของพวกเขาด้วยตาตัวเองแล้ว และก่อนหน้านี้คุณป้าเยว่กุ้ยพร้อมกับคุณป้าคนอื่น ๆ ก็ได้เห็นเต็มตาแล้วว่าฉันกับสามีนอนอยู่ในบ้านด้วยกัน ฉันขอถามกลับแล้วกันว่า ฉันมีความสามารถในการแยกร่างหรือยังไง แล้วจะสามารถแยกร่างมาพบกับตู้อวิ๋นเซิงได้ไหม?”
ในตอนท้าย หญิงสาวเบนสายตามองไปยังตู้อวิ๋นเซิงที่เงียบมาตลอด
เธอทำให้คำพูดของตัวเองชัดเจนแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตู้อวิ๋นเซิง
เขาเป็นคนที่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียได้เสมอ และเธอไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ฉวยโอกาสปกป้องตัวเอง
ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะได้พูดอะไร หวังชุ่ยเฟินก็กระโดดขึ้นมาเสียก่อนและจ้องมาที่เซี่ยชิงหยวน “เธอโกหก!”
เมื่อเธอรีบลุกขึ้น ก็ถูกป้าที่อยู่ด้านข้างจับกลับไปอีกครั้ง แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมลดละ ส่งสายตาที่บ่งบอกว่าปรารถนาจะบีบคอของอีกฝ่ายให้ตายตกเสียตรงนี้
“ตกลง!” ผู้ใหญ่บ้านเจียงลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเอาไว้
เขาพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “แม้ว่าสิ่งที่คุณพูดมาจะสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่มีทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณได้ คุณมีหลักฐานอื่นมาแสดงอีกไหม”
เซี่ยชิงหยวนเกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
การจับกุมหวังชุ่ยเฟินและตู้อวิ๋นเซิงเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นคาตา แต่ผู้ใหญ่บ้านคนนี้กลับขอให้เธอหาหลักฐานเพิ่มเนี่ยนะ
โดยไม่รอให้เธอปฏิเสธ เสิ่นอี้โจวก็ก้าวเข้ามา
เขาดึงร่างของหญิงสาวกลับมา จากนั้นจึงเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่บ้านชรา
“ผู้ใหญ่บ้าน ผมคิดว่าสิ่งที่คุณพูดมีอคติต่อภรรยาของผม ส่วนเรื่องของหวังชุ่ยเฟินกับตู้อวิ๋นเซิงนั้นเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนที่นี่แล้ว หรือถ้าต้องการหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ คุณก็ควรให้พวกเขาแสดงหลักฐาน ไม่ใช่เรา”
จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า “ชิงหยวนกับผมอยู่บ้านด้วยกันดี ๆ คุณกลับส่งคนมาบุกบ้าน และพาตัวมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ผม…ไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
“นี่เธอ…” ผู้ใหญ่บ้านเจียงโกรธมาก “ระหว่างเธอกับฉัน ใครเป็นผู้ใหญ่บ้านกันแน่? กล้าดียังไงมาสอนเรื่องพรรค์นี้กับฉัน”
ท่าทีของชายหนุ่มยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ผมแค่พูดความจริงเท่านั้น”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์อาจจะเริ่มบานปลาย หญิงสาวจึงเอื้อมไปจับมือของเสิ่นอี้โจว ส่งสัญญาณให้เขาไม่ยั่วยุผู้ใหญ่บ้านไปมากกว่านี้
พวกเขาจะย้ายไปที่เตียนเฉิงในอนาคต แต่หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินจะยังคงอาศัยอยู่ที่นี่
หากเป็นศัตรูกับผู้ใหญ่บ้าน หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินอาจจะอยู่กันอย่างยากลำบากได้
เมื่อได้รับคำเตือนจากอีกฝ่าย ชายหนุ่มเพียงแค่ลูบมือเธอเบา ๆ อย่างมั่นใจ จากนั้นเขาก็มองเข้าไปในดวงตาของผู้ใหญ่บ้านชราอย่างไม่ลดละ
ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งที่มีอายุน้อยกว่าก็ยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “ในฐานะเลขาธิการพรรคของหมู่บ้าน ผมคิดว่าสิ่งที่อี้โจวพูดมีเหตุผล และเนื่องจากคำให้การของแต่ละฝ่ายขัดแย้งกัน ทั้งสองฝ่ายจะถูกสอบสวน”
จากนั้นเขาก็มองไปที่ตู้อวิ๋นเซิง “ครูตู้ หวังชุ่ยเฟินและเซี่ยชิงหยวน พวกคุณมีอะไรจะพูดไหม”
เซี่ยชิงหยวนมีความประทับใจที่ดีต่อเลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านคนนี้
เพียงแต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต
เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดเสริมทันที “ถ้าคุณคิดว่าคำพูดของพวกเราสามคนไม่น่าเชื่อถือ ฉันแนะนำให้คุณโทรหาตำรวจและให้พวกเขามาสอบสวน”
เมื่อเสียงของเซี่ยชิงหยวนเบาลง เธอก็เห็นร่างกายของตู้อวิ๋นเซิงสั่นเทา
นี่มันก็เข้าสู่ปี 1983 แล้ว ตู้อวิ๋นเซิงยังคงมีความฝันที่จะกลับไปที่เมืองใหญ่
หากมีประวัติอาชญากรรมในคดีใด ๆ ก็ตาม ชีวิตของเขาก็จะเกิดรอยด่างพร้อย และทุกสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ก็จะจบลง
ผู้ใหญ่บ้านชราตะคอก “จะอะไรกันนักกันหนา อย่าทำให้มันเป็นใหญ่ไปมากกว่านี้ได้ไหม!”
ถ้าเรื่องนี้ถึงมือตำรวจ หมู่บ้านของพวกเขาจะต้องอับอายเป็นแน่
เขาก้าวถอยและพูดกับเลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านว่า “คุณมาจัดการเรื่องนี้แทนไปเลย ฉันไม่สนใจแล้ว!”
เลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านกระแอมไอ และมองไปที่ตู้อวิ๋นเซิงอีกครั้ง “ครูตู้?”
ตู้อวิ๋นเซิงเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขามีความละอายใจ ริมฝีปากบางที่แตกพึมพำราวกับว่าได้ตัดสินใจแล้ว “ผมมีบางอย่างจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้” เขาเงยหน้าขึ้น “ก่อนอื่นหวังชุ่ยเฟินและผมไม่ได้มีสัมพันธ์อย่างที่ทุกคนเห็นหรือเข้าใจ”
ทันทีที่เขาพูด สายตาของชาวบ้านก็มองไปที่ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน
และคนที่มีความสุขที่สุดก็คือหวังชุ่ยเฟิน
เธอรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนนังสุนัขตัวเมียตัวนี้จะไม่สามารถหลบหนีได้แน่!
ทว่าประโยคถัดมาของชายหนุ่มกลับทำให้เธอยิ้มค้างทันที
หญิงสาวเห็นตู้อวิ๋นเซิงชี้นิ้วมาทางเธอ “เป็นผู้หญิงคนนี้ที่จงใจทำให้ผมเข้าใจผิด เธอบอกว่าต้องการทราบเกี่ยวกับการเรียนของหลานชายของเธอในภาคการศึกษาหน้า และขอให้ผมมาพบ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง ดังนั้นผมจึงมาพบเธอที่ใต้ต้นไทรใหญ่ แต่ทันทีที่มาถึงเธอก็กอดผม”
ดวงตาของหวังชุ่ยเฟินเบิกกว้าง “คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”