กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 202 จู้จี้
บทที่ 202 จู้จี้
บทที่ 202 จู้จี้
ผู้หญิงที่พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยประสงค์ดีมีรูปร่างผอม แก้มตอบทั้งสองข้าง ริมฝีปากบาง ดูเหมือนกับพวกนางร้ายในละคร
เมื่อหญิงสาวพูดเช่นนั้น เธอก็ใช้สองนิ้วคีบเสื้อผ้า ทำท่าทางขยะแขยง
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซี่ยชิงหยวนไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธอะไร เธอทำเพียงแค่ยิ้มให้อีกฝ่าย และยังทักทายลูกค้าคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนเงียบไม่ตอบโต้ หญิงสาวจึงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแล้วพูดต่อว่า
“ผ้าบางมาก ขาดง่ายตั้งแต่แรกเห็น เนื้อผ้าบางขนาดนี้ทำไมขายแพงจัง ไม่ใช่ว่าคุณอาจแค่สุ่มซื้อมาแล้วโกหกเราว่ามาจากฮ่องกงหรือ”
หลังจากที่เธอพูดแบบนี้
ไม่ใช่ว่าลูกค้าคนอื่น ๆ จะเชื่อคำพูดของเธอทั้งหมด แต่บางคนเริ่มก็หวั่นไหวจากคำพูดนั้น
แน่นอนว่ามีบางคนที่สงสัย
อาเซียงไม่พอใจและกำลังจะพูด แต่เซี่ยชิงหยวนยกมือขึ้นห้ามเธอเสียก่อน
ถ้าเธอไปคิดมากกับคำก่อนหน้านี้ เธอก็จะจู้จี้จุกจิกและคิดมากกับคำหลังเช่นกัน
มุมปากของเซี่ยชิงหยวนยังคงยิ้ม แต่ดวงตาของเธอกลับเย็นชา “ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราออกมาทำธุรกิจ เราให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์สุจริตอย่างจริงใจ และทุกคนก็มีสมองเหมือนกัน ฉันดั้นด้นเดินทางไปกว่าพันกิโลเพื่อซื้อผ้าเหล่านี้มาขาย ดังนั้นมันคงไม่ยุติธรรมที่คำพูดสั้น ๆ ของคุณจะทำให้สินค้าของฉันกลายเป็นของมีตำหนิหรอกใช่ไหม?”
ขณะที่จัดเสื้อผ้าอยู่นั้น เซี่ยชิงหยวนพลางพูดต่อ ‘พี่สาว ถ้าคุณต้องการเสื้อผ้าที่หนาขึ้น คุณก็รอซื้อเสื้อผ้าตอนช่วงฤดูหนาวก็แล้วกัน การจะซื้อหรือขายอะไรคุณสามารถทำได้ตามใจตัวเองอย่างอิสระ และฉันก็ไม่สามารถบังคับให้คุณซื้อได้จริงไหม?”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนพูดแบบนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
สามีของผู้หญิงคนนั้นเป็นหัวหน้าแผนกเล็ก ๆ ในโรงงาน และเขาก็เหมือนกับเธอที่มักจะพูดจาอย่างหยิ่งยโสเช่นกัน
บวกกับอารมณ์ที่ค่อนข้างร้ายกาจของเธอ คนส่วนใหญ่จึงลังเลที่จะคบค้ากับเธอ
เมื่อเวลาจะซื้อของก็ชอบพูดด้อยค่าสินค้าของผู้อื่นอย่างรุนแรงก่อน แล้วค่อยใช้เหตุผลเหล่านั้นขอให้ลดราคาหรือจนกว่าเจ้าของร้านจะสัญญาว่าจะให้ราคาตามที่เธอต้องการ
ในบรรดาลูกค้าที่อยู่ใกล้ ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งในแผนกเดียวกันก็พูดขึ้น “เถ้าแก่เนี้ยพูดถูก ถ้าคุณไม่ชอบเสื้อผ้าร้านนี้คุณก็ไปซื้อที่ร้านระดับสูงที่คุณชอบได้นี่ เถ้าแก่เนี้ยไม่ได้บังคับให้คุณซื้อที่นี่เสียหน่อย”
หลังจากได้ยิน ผู้คนก็หัวเราะขึ้นอีก
เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นแดงขาวสลับกัน ความจริงเธอต้องการซื้อเสื้อผ้าที่นี่ แต่เพราะผู้ชายของเธอแอบมองเซี่ยชิงหยวนอยู่สองสามครั้ง ทำให้เธอรู้สึกหึงหวงขึ้นมา เธอเริ่มเม้มปากและขึ้นเสียง “ใครบอกว่าฉันจะไม่ซื้อ ฉันแค่พูดถามเฉย ๆ เพราะความสงสัย คุณจะรีบร้อนอะไรกัน”
ขณะที่เธอพูด เธอยังคงคว้าเสื้อผ้าบนชั้นวาง
เซี่ยชิงหยวนหยิบเสื้อผ้าออกจากมือของอีกฝ่ายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องขอโทษด้วย จู่ ๆ ฉันก็ไม่อยากขายมันให้คุณอีกแล้วน่ะค่ะ”
เธอแขวนเสื้อผ้ากลับที่ชั้นวางและพูดว่า “เสื้อผ้าของเราบางมาก ถ้าขืนคุณซื้อไปแล้วเปื่อย ฉันคงอธิบายไม่ถูกแน่”
ลูกค้าประเภทนี้ถ้าไม่ไล่ออกไปและขืนปล่อยให้เลือกซื้อตามใจชอบ ต่อไปก็คงจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ กลัว
การขายเสื้อผ้าให้คนแบบนี้รังแต่จะมีเรื่องวุ่น ๆ ตามมา
และจากสีหน้าท่าทาง เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้มาที่นี่เพื่อจับผิดเป็นหลัก
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงไม่ต้องการที่จะขายเสื้อผ้าให้กับอีกฝ่าย
หญิงสาวอ้าปากค้างไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเท้าเอวและชี้นิ้วไปที่เซี่ยชิงหยวนด้วยความโกรธ “นี่คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ? ฉันต้องการซื้อแต่คุณกลับบอกไม่อยากขาย คุณทำการค้าแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
เซี่ยชิงหยวนยังคงไม่แสดงสีหน้าโกรธ แต่ดวงตาของเธอเย็นชามากขึ้น “พี่สาว ฉันเห็นว่าคุณไม่พอใจกับเสื้อผ้าของฉัน ดังนั้นฉันจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ ถ้าคุณบังคับตัวเองให้ซื้อมันโดยที่คุณก็คิดว่าตรงนี้ก็ไม่ดีตรงนั้นก็แย่ ท้ายที่สุดความผิดมันไม่ได้มาตกอยู่ที่ฉันหรอกเหรอ?”
ขณะที่จัดเสื้อผ้า เซี่ยชิงหยวนพูดต่อ “เพราะงั้นได้โปรดขยับเท้าของคุณแล้วไปที่ร้านหรู ๆ ที่มีตัวเลือกมากมายและคุณภาพดีกว่าของฉันเถอะ ที่นั่นต้องมีบางอย่างที่เหมาะกับคุณแน่นอน”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นรอบ ๆ อีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นทนไม่ได้อีกต่อไป และโยนไม้แขวนเสื้อพร้อมกับพ่นลมหายใจ ‘ฮึ่ม!’ “ในเมื่อคุณไม่ต้องการให้ฉันซื้อ ฉันไม่ซื้อก็ได้! ใช่ว่ามันจะดีอะไรนักหนา!”
เธอชี้ไปที่คนข้าง ๆ ด้วยความโกรธและอับอาย “พวกคุณซื้อของเธอไปเลย แต่รับประกันว่าจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน!”
ขณะที่เธอพูด เธอก็ส่ายหน้าและเดินออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว
เซี่ยชิงหยวนยังคงค้าขายกับทุกคนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้หญิงที่พูดช่วยเมื่อกี้เอ่ยขึ้นว่า “คุณไม่ต้องสนใจเธอหรอก เธอเป็นคนแบบนั้นแหละ ชอบเอาเปรียบคนอื่น”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “คนเราควรซื้อของเพื่อให้ตัวเองมีความสุข ถ้าซื้อไปแล้วจะรู้สึกมีปัญหา ฉันเองก็ไม่อยากขายให้เพราะมันขัดกับความตั้งใจเดิมในการค้าขายของฉัน คุณสามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของเสื้อผ้าของเราได้เลย เวลาเราไปเลือกซื้อพวกมันมาขาย เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ”
ลูกค้าที่เหลือพูดสนับสนุนอีกว่า “ไม่เป็นไร ๆ เราไม่เชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้นหรอก ผู้หญิงคนนั้นแค่พยายามทำให้เราไม่เลือกซื้ออะไรเพื่อที่เธอจะได้ค่อย ๆ เลือกเอาเองได้นั่นแหละ”
ทุกคนพูดคุยกันและบรรยากาศก็กลับมากลมกลืนอีกครั้ง
สามีของผู้หญิงคนนั้นที่ยังรออยู่ เมื่อเขาเห็นภรรยาเข้ามาใกล้ด้วยความโกรธ เขาก็ถามว่า “คุณมีเรื่องทะเลาะอีกแล้วเหรอ?”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินก็โกรธทันควัน “ทะเลาะอีกแล้ว? คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ในสายตาคุณฉันชอบทะเลาะกับคนอื่นมากงั้นเหรอ!”
เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว ฝ่ายชายก็คิดว่าตัวเองเดาถูกแล้ว เขาจึงโบกมือ “เอาเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วรีบกลับบ้านกันเร็ว ๆ ดีกว่า”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ออกเดินตรงไปข้างหน้าทันที
การพูดกันเสียงดังที่หน้าประตูโรงงานที่มีคนดูมากมายมันน่าอายมาก
เมื่อเห็นว่าสามีไม่สนใจตัวเอง หญิงสาวจึงเร่งฝีเท้าตามไป ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการสาปแช่งกันตลอดทาง
เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงสบตากันโดยไม่พูดอะไร
โรงงานบุหรี่ใหญ่โตมาก คนก็เยอะ จนหลังหกโมงเย็นก็ยังมีคนมาดูเสื้อผ้าของพวกเธออยู่
ในตอนท้ายก็เหลือเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ตัวที่ไม่พอดีกับขนาดของคนส่วนใหญ่เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าสไตล์ของเสื้อผ้านั้นสวยงามเกินไป เหล่าลูกค้าที่มาทีหลังก็ไม่ค่อยเต็มใจจะจากไปนัก แม้ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่าตัวของพวกเขาก็ตาม พวกเขายังคงต้องการที่จะซื้อเสื้อผ้ากลับไป
เซี่ยชิงหยวนแย้มยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณซื้อเสื้อผ้าที่ใหญ่หรือเล็กเกินไป พอใส่แล้วจะออกมาไม่ค่อยดูดีเสียเท่าไหร่ ไว้เราจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ ถ้าคุณชอบก็ลองมาดูใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะคะ”
เมื่อพูดเช่นนี้ ลูกค้าหลายคนที่มาช้าก็กลับบ้านไปอย่างไม่เต็มใจ
เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงนวดเอวที่เจ็บของพวกเธอในขณะที่เก็บกวาดแผงขาย “กำลังซื้อของโรงงานบุหรี่ไม่ใช่สิ่งที่จะรับไหวได้ง่าย ๆ เลย”
อาเซียงปาดเหงื่อออกจากคิ้วแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ ถ้าเรายังขายได้แบบนี้ ฉันคิดว่าเราคงมีเสื้อผ้าไม่เพียงพอขายแน่ๆ”
แค่ที่นี่วันนี้พวกเธอก็ขายเสื้อผ้าได้มากกว่าหนึ่งร้อยตัวแล้ว
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “จนถึงตอนนี้ เราขายสินค้าที่ซื้อมาไปแล้วกว่าหนึ่งในสาม ดูเหมือนว่าเราต้องขอให้เหล่าไต้ส่งเสื้อผ้ามาให้เพิ่มแล้วสิ”
ล่าสุดเธอคิดว่าการเอาเสื้อผ้ามาเกือบหนึ่งพันตัวนั้นเยอะแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอคิดผิดอย่างสิ้นเชิง
แต่นี่พวกเธอเพิ่งกลับมาจากหยางเฉิงได้ไม่นาน ดังนั้นจึงยังไม่สามารถไปอีกได้
เมื่อได้ยินเช่นนี้อาเซียงก็รู้สึกกังวล “แต่ถ้าเราไม่ไปที่นั่นเองจะไม่เป็นไรงั้นเหรอพี่เซี่ย?”
เพราะพวกเธอเพิ่งพบกับเหล่าไต้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพวกเธอก็ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าอีกฝ่ายจะมีพฤติกรรมอย่างไร
เซี่ยชิงหยวนครุ่นคิด “นี่แหละเป็นปัญหา คืนนี้ฉันจะโทรหาเขาก่อนเพื่อหาคำตอบแล้วกัน”
———————