กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 21 จดหมายรักที่ว่านั่น
บทที่ 21 จดหมายรักที่ว่านั่น
บทที่ 21 จดหมายรักที่ว่านั่น
เมื่อเจี่ยกุ้ยได้ยินสิ่งนี้ ความโกรธที่เขาเพิ่งระงับได้เมื่อครู่ก็พวยพุ่งขึ้นอีกครั้ง
เขาดึงหวังชุ่ยเฟินที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเอาไว้แล้วตบบ้องหูเธออย่างแรงพร้อมกับพ่นคำสาปแช่ง “แกกล้าสวมหมวกเขียวให้ฉันเรอะฮะ!”
หวังชุ่ยเฟินจะทนแรงตบของผู้ชายที่กำลังโกรธได้อย่างไร เธอล้มลงกับพื้น ฟันของเธอที่ถูกพ่นออกมาผสมกับเลือด
เมื่อเห็นการตบตีตรงหน้า เลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านจึงรีบขอให้ใครสักคนหยุดเจี่ยกุ้ยเอาไว้ จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้ตู้อวิ๋นเซิงพูดต่อ
ตู้อวิ๋นเซิงเพิกเฉยต่อเจี่ยกุ้ยและพูดต่อ “เธอมาหาผมหลายครั้งและบอกว่าเซี่ยชิงหยวนชอบผม แต่เซี่ยชิงหยวนกับผมเผอิญพบกันบนท้องถนนเป็นครั้งคราวเท่านั้น และเราไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กันเลย ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนี้”
ก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะมา สมองของเขาก็คิดหาวิธีแก้ตัวเอาไว้แล้ว และคำพูดของเธอก็เตือนใจเขา
แม้มันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่เขากับหวังชุ่นเฟินก็ถูกจับได้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะอธิบายยังไง พวกเขาก็ไม่พ้นความผิดอยู่ดี
ถ้าเขาแว้งกัดเซี่ยชิงหยวน หวังชุ่ยเฟินก็น่าจะรอดจากความสงสัย แต่สำหรับเขา จะไม่โอกาสแม้แต่รอดตัวจากข้อหาเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน
ยิ่งกว่านั้น ก่อนหน้านี้เขากับเซี่ยชิงหยวนต่างพยักหน้าส่งสัญญาณให้กันแล้ว
ถ้าเขาปฏิบัติตามแผนของอีกฝ่าย อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถโยนความผิดทั้งหมดให้กับหวังชุ่ยเฟินเพียงผู้เดียวได้
เขาจะโบ้ยว่าทุกอย่างเป็นอุบายของหวังชุ่ยเฟินเพียงคนเดียว
เขากระทั่งสงสัยว่า ทุกอย่างเป็นแผนการของหวังชุ่ยเฟินเพียงคนเดียวด้วยซ้ำ
ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องที่ว่าเซี่ยชิงหยวนสนใจในตัวเขา ชายหนุ่มจะต้องโยนความผิดให้แก่อีกฝ่ายทั้งหมด
ส่วนสิ่งไหนที่ควรหรือไม่ควรพูด เขารู้ดีอยู่แล้ว
หลังจากชายหนุ่มพูดจบ ทั่วทั้งบริเวณนั้นก็เงียบกริบ ยกเว้นเสียงหอบของใครบางคน
สายตาของพวกเขาเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง และในที่สุดพวกเขาก็มองไปที่หวังชุ่ยเฟินเป็นตาเดียว
เนื่องจากคำพูดของตู้อวิ๋นเซิงกับเซี่ยชิงหยวนนั้นตรงกับข้อเท็จจริง
คนสองคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันหรือพูดคุยกัน จะสามารถมีใจให้กันโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง?
ในเวลานี้ผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานแล้วจากหมู่บ้านซิ่งฮวากล่าวว่า “หวังชุ่ยเฟินคนนี้อิจฉาชิงหยวนตั้งแต่เธอยังเด็ก และมักจะอยากได้ในสิ่งที่คนอื่นมี ฉันคิดว่าหวังชุ่ยเฟินต่างหากที่ตกหลุมรักครูตู้ แต่เธอก็กลัวจะถูกคนอื่นจับได้ ดังนั้นเธอจังวางแผนให้ชิงหยวนกลายเป็นเป้าแทน!”
หลังจากคนหนึ่งพูด คนอื่น ๆ ก็คล้อยตาม
ผานเยว่กุ้ยยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรสักคำ แต่รู้สึกเสียใจกับสิบหยวนที่เธอคงไม่ได้รับมันมาแล้วแน่ ๆ
เสียงด่าทอและคำครหารอบตัวเหมือนคำสาปที่กระแทกแก้วหูของหวังชุ่ยเฟินตลอดเวลา เธอกรีดร้องและปิดหู “อ๊าย!” จากนั้นหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นทันทีราวกับสัตว์ที่กำลังจะตายแต่ยังคงดิ้นรน “ฉันมีหลักฐาน! ฉันมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นชู้กัน!”
เลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านไม่คาดคิดว่า หวังชุ่ยเฟินจะเอ่ยแบบนี้และถามว่า “หลักฐานอะไร”
หวังชุ่ยเฟินชี้ไปที่เซี่ยชิงหยวนและพูดอย่างมีชัย “เซี่ยชิงหยวนเขียนจดหมายรักถึงตู้อวิ๋นเซิง และเธอเก็บมันไว้ในตู้ไม้แกะสลักในห้องของเธอ!”
ตู้ไม้แกะสลักนั้นเป็นสินสอดของเซี่ยชิงหยวนที่ได้รับมาจากเซี่ยโยว่หมิง เขาไปที่เมืองเพื่อหาช่างไม้มาทำมันโดยเฉพาะ
ทุกคนไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะพลิกผันอีกครั้ง
เลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านมองไปที่เซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน สิ่งที่หวังชุ่ยเฟินพูดเป็นความจริงเหรอ?”
โดยไม่คาดคิด เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ที่นั่นด้วยดวงตาสดใส ไม่เพียงไม่ดูกังวลเลย เธอยังถอนหายใจก่อนจะกล่าวว่า “คุณเลขาธิการ ฉันคิดว่าหวังชุ่ยเฟินน่าจะเสียสติไปแล้ว แต่เอาเป็นว่าในเมื่อเธอพูดอย่างนั้น ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะให้คุณเลขาธิการพาใครสักคนไปค้น ฉันหวังว่าหลังจากนี้ ฉันจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้”
ความไม่เกรงกลัวของอีกฝ่ายทำให้หวังชุ่ยเฟินสับสนในทันที
เธอไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้แกล้งทำเป็นสงบ หรืออีกฝ่ายโกหกเธออีกแล้ว?
แต่เธอต้องเดิมพันเพราะจดหมายรักเหล่านั้นคือ ความหวังสุดท้ายที่เธอจะแก้ตัวได้
ดังนั้นเธอจึงรีบกล่าวเสริม “กุญแจซ่อนอยู่ในลิ้นชักด้านซ้ายของโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ!”
เธอไปที่บ้านของเซี่ยชิงหยวนหลายครั้ง ดังนั้นเธอย่อมรู้รายละเอียดทั้งหมด
แต่พฤติกรรมของหญิงสาวในขณะนี้ ยิ่งทำให้พวกชาวบ้านมองเธออย่างดูถูกเหยียดหยามมากกว่าเดิม
เซี่ยชิงหยวนปฏิบัติต่อหวังชุ่ยเฟินเหมือนเป็นพี่น้อง มันเป็นสิ่งที่ใครก็ตามที่ไม่ได้ตาบอดย่อมสังเกตเห็น แต่หวังชุ่ยเฟินคนนี้ช่าง…เลวร้ายจริง ๆ
เมื่อเลขาธิการสั่งให้คนไปที่บ้านของหญิงสาว ผานเยว่กุ้ยก็อาสาอีกครั้ง “เลขาธิการ ฉันจะเป็นคนไปเอง!”
ใครจะรู้ว่าเมื่อเธอพูดอย่างนั้น ทุกคนกลับหัวเราะเยาะ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งไปที่บ้านของเซี่ยชิงหยวนกับเธอก่อนหน้านี้เยาะเย้ยและพูดว่า “เยว่กุ้ย คิดว่าตอนนี้เธอยังอายไม่พออีกหรือ”
หลังจากถูกพูดใส่ด้วยประโยคนี้ ผานเยว่กุ้ยก็ทำได้เพียงรู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง
ผู้คนที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยิน จึงถามผู้หญิงเหล่านั้นกันทีละคนว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเซี่ยชิงหยวนเมื่อครู่นี้ จากนั้นทุกคนก็รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับคู่รักบนเตียง
ทุกคนหัวเราะ
ใครบอกว่าเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกัน?
ยังไม่ทันค่ำ แต่รีบขึ้นเตียงนอนแล้ว!
ตอนนี้พวกเขาต่างพากันคิดว่าเรื่องในคืนนี้เป็นเรื่องตลกที่กำกับและแสดงโดยหวังชุ่ยเฟิน!
เมื่อคำพูดเหล่านี้กระทบหูของหวังชุ่ยเฟิน ปฏิกิริยาของเธอก็รุนแรงมาก
เมื่อสายตาของเธอสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเซี่ยชิงหยวน แววตาของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวน เธอจะหมดท่าในไม่ช้านี้แน่!
ในเวลานี้เอง คนที่ไปค้นบ้านก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาถือกล่องขนาดเล็กมาและมีหลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินติดตามมาจากด้านหลัง
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนยังสบายดี หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินก็ผ่อนคลายลง
กุญแจอยู่ในมือของใครอีกคน และในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องอยู่ พวกเขาก็ปลดล็อกกล่องใบนั้น
นอกจากกล่องเงินขนาดเล็กที่มีเงินมากกว่าสิบหยวนกับครีมสำหรับผู้หญิงที่อยู่ภายในนั้นแล้ว มันกลับไม่มีอะไรอื่นอีก
ไม่ต้องพูดถึงเลขาธิการพรรคหมู่บ้าน แม้แต่ใบหน้าของผู้ใหญ่บ้านเจียง
ก็ยังซีดเซียวในตอนนี้
หวังชุ่ยเฟินคนนี้เล่นละครลิงตบตาทุกคนอีกแล้วหรือ?
เลขาธิการพรรคหมู่บ้านเป็นผู้นำและพูดว่า “หวังชุ่ยเฟิน คุณต้องการจะพูดอะไรอีกไหมครับ”
ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด และยังคงพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ ว่า “เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้! ทำไมถึงไม่มีล่ะ!?”
เธอคว้าชายเสื้อของเลขาธิการพรรคหมู่บ้านเอาไว้แล้วพูดว่า “มันต้องเป็นเพราะเชี่ยชิงหยวนเอาไปซ่อนแน่ ๆ ใช่ ไปค้นบ้านของเธออีกครั้งสิ!”
“พอแล้ว!” เลขาธิการปัดมือของอีกฝ่ายออกจากเสื้อของเขา “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ทุกคนต้องทำตามคำสั่งค้นหาของคุณ เมื่อคุณพูดอย่างนั้นเหรอ”
เมื่อมองย้อนกลับไป เรื่องราวในคืนนี้เป็นหวังชุ่ยเฟินที่เป็นผู้ชี้นำความคิดของคนทั้งหมด
ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยก็บ้าแล้ว!
เขาเอามือไพล่หลังพูดด้วยเสียงดังกังวาน “เรื่องนี้กระจ่างแล้ว และหวังชุ่ยเฟินเป็นคนทำเรื่องอื้อฉาวนี้ แต่นี่ไม่ใช่สังคมแบบเก่าอีกต่อไปแล้ว เราไม่สามารถลงโทษเธอตามกฎของหมู่บ้านได้ เอาเป็นว่าในเมื่อตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว ดังนั้นเจี่ยกุ้ย คุณควรพาเธอกลับบ้านไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไป หรือคุยเรื่องการหย่าร้างกันต่อเอาเองเถอะ”
“ไม่! ฉันพูดความจริงนะ ฉันไม่อยากถูกหย่า!” หวังชุ่ยเฟินตะโกน ชี้ไปที่คนพูด “คุณต้องได้รับผลประโยชน์จากเซี่ยชิงหยวนแน่นอน ไม่งั้นคุณคงไม่ปกป้องเธอแบบนี้!”
ถ้าถูกหย่าแบบนี้ เธอจะไม่มีผู้ชายที่ไหนแต่งงานด้วยเป็นแน่!
ทว่าไม่มีใครสนใจคำพูดเธอเลย พวกเขาเอาแต่มองเธอด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ใบหน้าของเจี่ยกุ้ยนั้นดำราวกับถ่านในขณะนี้ เขาเดินไปคว้าแขนของหวังชุ่ยเฟินและกำลังจะลากเธอออกไป
“เดี๋ยวก่อน” เลขาธิการพรรคหมู่บ้านเรียกให้เขาหยุด
จากนั้นเขามองไปที่เซี่ยชิงหยวน “หลังจากนี้หวังชุ่ยเฟินต้องขอโทษคุณด้วย พรุ่งนี้ผมจะให้ครอบครัวเจี่ยไปขอโทษคุณที่บ้าน จากนั้นผมจะให้คนติดประกาศในหมู่บ้านเพื่ออธิบายเรื่องนี้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น คุณเห็นด้วยไหมครับ”
หากเป็นในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจเป็นไปได้ที่จะฟ้องหวังชุ่ยเฟินในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยเรื่องนี้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เซี่ยชิงหยวนรู้เช่นกันว่า ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่เลขาธิการพรรคหมู่บ้านสามารถทำได้แล้ว
ดังนั้นเมื่อเผชิญกับสายตาเกลียดชังของหวังชุ่ยเฟิน เธอจึงยิ้มและพูดว่า “ได้ค่ะ”