กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 210 ผมทำไม่ได้ถ้าไม่มีภรรยา
บทที่ 210 ผมทำไม่ได้ถ้าไม่มีภรรยา
บทที่ 210 ผมทำไม่ได้ถ้าไม่มีภรรยา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งร้ายของอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกัน เซี่ยชิงหยวนก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายอาจเข้าใจบางอย่างผิดไป
เธอรู้สึกหมดหนทางที่ดันก่อความวุ่นวายนี้โดยตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าไปทางเจ้าของร้านและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันกับสามีมาที่นี่เพื่อทำธุระในเมืองหลวงของมณฑลน่ะค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อมาเดินดูของเท่านั้น”
ทันทีที่เธอเปิดปาก เธอก็ระบุว่าตัวเองไม่ใช่สาวน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงานที่เดินไปมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
บทสนทนาของเธอดูสง่างามและยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรูปร่างผอมเพรียว มองแวบเดียวก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา
คนแบบนี้จะเกี่ยวข้องกับลอบขโมยเก็บข้อมูลร้านเธอได้อย่างไร?
เจ้าของร้านสูญเสียความมั่นใจไปครึ่งหนึ่งในทันที
เธอเม้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้า “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เห็นว่าเสื้อผ้าของเธอดูดี ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะถามน่ะ”
ตราบใดที่สาวสวยตรงหน้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อรบกวนธุรกิจของเธอ เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ตามต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอสามารถถามได้ว่าเซี่ยชิงหยวนซื้อเสื้อผ้าที่ใส่อยู่มาจากไหน มันจะเป็นประโยชน์มาก
เธอถามว่า “น้องสาว เธอช่วยบอกพี่สาวคนนี้ได้ไหมว่าเธอซื้อเสื้อผ้าที่ใส่อยู่มาจากไหนเหรอ?”
ในเมืองหลวงของมณฑล ร้านเสื้อผ้าของเธอเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกอย่างแน่นอน
ถ้าเซี่ยชิงหยวนบอกว่าซื้อมาจากร้านอื่นใกล้เคียง เธอจะไม่เชื่อแน่นอน
เมื่อมองไปที่สายตาที่คาดหวังของทุกคน เซี่ยชิงหยวนก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรในคำพูดเหล่านี้
เซี่ยชิงหยวนยิ้มแล้วตอบกลับ “สามีของฉันซื้อให้ฉันมาจากกว่างโจวน่ะค่ะ”
ด้วยประโยคเดียว ปากของทุกคนก็ถูกปิดกั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเจ้าของร้านก็แข็งค้าง
เสื้อผ้าในร้านของเธอซื้อส่งมาจากเพื่อนในหมู่บ้านคนหนึ่งของเธอ
เพื่อนคนนั้นของเธอบอกชัดเจนว่าเสื้อผ้าที่ส่งขายให้เป็นสไตล์ล่าสุด แต่ทำไมเมื่อเทียบกับของสาวสวยตรงหน้ามันดูเหมือนไม่ใช่แบบนั้นเลย?
แถมราคาเสื้อผ้าที่เธอรับซื้อมาก็ไม่ถูกเลย
เป็นไปได้ไหมว่าเพื่อนจากบ้านเกิดของเธอโกหก?
ความคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้นี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก
ต่อมาทุกคนก็ถามคำถามเซี่ยชิงหยวนต่อ แต่เจ้าของร้านไม่มีใจที่จะฟังแล้ว
เมื่อเผชิญกับความกระตือรือร้นของทุกคน เซี่ยชิงหยวนจึงตอบคำถามสองสามข้อและจากไปด้วยข้อแก้ตัวที่สุภาพ
เซี่ยชิงหยวนเดินไปตามถนนคนเดินต่อ เธอพบว่ามีร้านอาหารอยู่ด้วย และมีร้านขายสลัดเย็นถึงสองร้าน
ถ้ามาเปิดร้านสลัดเย็นเกรงว่าจะแข่งขันกันเยอะไม่น้อย
เธอเดินไปรอบ ๆ ครู่หนึ่ง และเห็นว่าใกล้ค่ำแล้วเธอจึงกลับไปที่หอพัก
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนเพิ่งเดินมาถึงชั้นล่างของอาคาร เธอบังเอิญเจอกับเสิ่นอี้โจวที่เพิ่งกลับมาพอดี
เขายังมีกระเป๋าเอกสารอยู่ในมือ แต่มันพองกว่าตอนที่เขาออกไปไม่น้อย
เขายืนอยู่กับคนอีกหลายคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนบราวนี่ออนไลน์
ดูจากท่าทางแล้วทุกคนน่าจะเพิ่งกลับจากการประชุม
พวกเขากำลังพูดด้วยเสียงเบาและแสดงรัศมีของผู้บังคับบัญชาในท่าทางของพวกเขาเอง
ต้องบอกว่าเสิ่นอี้โจวก็แสดงออร่าบางอย่างที่เขาไม่มีในชีวิตก่อนหน้านี้เช่นกัน
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เสิ่นอี้โจวมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและสงบมากกว่า แต่ตอนนี้เขาแผ่ออร่าที่สามารถครอบงำผู้คนได้แทน
เธอคิดว่าอาจเป็นเพราะการเปลี่ยนงาน
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ห่าง ๆ และไม่ได้ไปรบกวนเขาโดยตรง
บนใบหน้าของเขา เสิ่นอี้โจวดูเหนื่อยล้า แต่เขายังคงพูดคุยกับคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้า
เธอรู้สึกเสมอว่าไม่ว่าเสิ่นอี้โจวจะอยู่ที่ไหนหรือใครอยู่รอบตัวเขา เขามักจะโดดเด่นกว่าใคร
ราวกับสัมผัสได้ จู่ ๆ เสิ่นอี้โจวก็เหลือบมองมาทางเซี่ยชิงหยวน
เพียงแค่แวบเดียว ดวงตาที่อ่อนล้าของเขาก็สว่างขึ้น
เขามองเธอด้วยรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปาก
เขาหันหลังกลับและกำลังจะเดินเข้ามาหาเธอ แต่ทันใดนั้นก็มีคนข้าง ๆ หยุดเขาไว้
เขาทำได้เพียงยิ้มให้เธออย่างขอโทษ และกลับไปที่บทสนทนาเดิมก่อนหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนจึงวางแผนที่จะกลับไปชั้นบนเพื่อรอเขา
แต่ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงที่ฟังดูอ่อนโยนก็ดังมาจากข้างหลัง “ขอโทษทีค่ะ ขอทางหน่อยนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนหันไปด้านข้างโดยไม่รู้ตัว ทันเวลาที่จะพบกับสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเธอ
หญิงสาวผู้มาใหม่มีผิวขาว คิ้วสีอ่อน และผมสีดำสยายอย่างเรียบร้อย ดูอ่อนโยนและบอบบาง
เมื่อเซี่ยชิงหยวนมองไปที่อีกฝ่าย อีกฝ่ายก็มองมาที่เธอเช่นกัน
ความประหลาดใจฉายวาบในดวงตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ และในที่สุด ดวงตาของเธอก็กวาดอย่างรวดเร็วตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้าของเซี่ยชิงหยวนก่อนจะเดินผ่านไป
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอึดอัดในทันที
สิ่งที่ทำให้เซี่ยชิงหยวนประหลาดใจยิ่งกว่าคือผู้หญิงคนนั้นเดินไปหาเสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ แล้วทักทายว่า “เลขาธิการเสิ่นคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นอี้โจวก็หันศีรษะมามองและรู้สึกประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรอีก แต่สักพักทุกคนก็หัวเราะออกมา
ทันใดนั้นเสิ่นอี้โจวก็มองไปที่เซี่ยชิงหยวนและเดินมาหาอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนมองเขาอย่างงุนงง และค่อย ๆ ก้าวเดินไปหาเขาทีละก้าวเช่นกัน
ราวกับว่าความร้อนที่แผดเผาของปลายฤดูร้อนและเสียงรถที่อยู่ข้างหลังเธอหายไปหมดสิ้น
เสิ่นอี้โจวจับมือเธอด้วยดวงตาที่อ่อนโยน
และจากนั้น เธอก็ได้ยินเขาแนะนำต่อคนอื่นๆ “นี่คือภรรยาของผม เซี่ยชิงหยวน”
คนอื่น ๆ ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะอีกครั้ง
คนอื่นพูดติดตลก “มีข่าวลือว่าเลขาธิการเสิ่นรักภรรยาของเขามาก ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงนะ!”
“มีภรรยาสวยขนาดนี้ สามีคนไหนจะไม่รักได้?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างสุภาพ ยิ้มแย้มและยืนอยู่ข้างกับเสิ่นอี้โจว
เซี่ยชิงหยวนเห็นแววตาที่ซับซ้อนฉายชัดในดวงตาของผู้หญิงคนนั้น
จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็หัวเราะกับทุกคนก่อนจะมองดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “เริ่มสายแล้วนะคะ เลขาธิการเสิ่นไปกันเถอะค่ะ”
วันนี้เธอมาที่นี่ตามคำขอของพ่อเธอเพื่อเชิญเสิ่นอี้โจวไปทานอาหารกับเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคน
แต่ใครจะรู้ว่าเสิ่นอี้โจวไม่ใช่แค่ไม่ตอบตกลงในทันที แต่ยังบอกว่าเขาต้องการไปกับภรรยาของเขาอีกต่างหาก และก็บอกอีกว่าครั้งต่อไปที่เขามาที่เมืองหลวงของมณฑล เขาจะเลี้ยงอาหารค่ำคนอื่น ๆ แทน
คำตอบดังกล่าวทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนมากับเสิ่นอี้โจว แต่ฉู่ซิงอวี่คนนั้นกลับไม่ได้บอกเธอก่อน!
สีหน้าลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจว เขาพูดว่า “ขอโทษด้วย ผม…”
เซี่ยชิงหยวนสะกิดฝ่ามือของเขา
เสิ่นอี้โจวมองลงไปที่เธอ
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงว่าไม่เป็นไร
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เซี่ยจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “เลขาธิการเสิ่นและคุณนายสนิทกันจริง ๆ แค่มื้ออาหารหนึ่งแต่ก็ไม่เต็มใจที่จะจากกันซะแล้ว หรือเป็นเพราะเลขาธิการเสิ่นกังวลว่าคุณนายจะโกรธเลยไม่กล้าไปเหรอคะ?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกและน้ำเสียงของเธอก็อ่อนโยนเช่นกัน แต่ระหว่างคำพูดพวกนั้นดูเหมือนว่าเธอกำลังแฝงความนัยบางอย่าง
นี่ไม่ได้หมายความว่าภรรยาของเสิ่นอี้โจวเข้มงวดหรอกเหรอ?
ทว่าโดยไม่มีใครคาดคิด เสิ่นอี้โจวยิ้ม พลางโอบไหล่เซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “คุณคิดผิดแล้ว มันเป็นผมเองต่างหากที่ทำไม่ได้ถ้าไม่มีภรรยาของผม”
ขณะที่พูด เขาและเซี่ยชิงหยวนก็มองหน้ากัน
ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันขนาดนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกชมชอบในสายตาของพวกเขา
คำพูดของเสิ่นอี้โจวสามารถแก้ไขความลำบากใจของเซี่ยชิงหยวนได้อย่างง่ายดาย และทำให้หัวใจของเธออบอุ่น
เธอยิ้มเขิน ๆ กึ่งเสแสร้ง กึ่งจริงใจ
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกสดชื่นในใจของเธออย่างอธิบายไม่ได้
เธอพูดว่า “คุณไปเถอะ ฉันกินคนเดียวได้ แค่กลับมาเร็ว ๆ หน่อยก็พอ”
ดูเผิน ๆ มันอาจเป็นแค่อาหารค่ำ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นโอกาสที่หายากที่จะผูกมิตรกับชนชั้นสูงต่างหาก
เสิ่นอี้โจวเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของภรรยา เขารู้ว่าเธอสนับสนุนให้เขาไป
เขาพูดว่า “ตกลง งั้นรอผมกลับมานะ หรือถ้าคุณรู้สึกเบื่อก็ให้เสี่ยวหลิวไปเที่ยวกับคุณตอนกลางคืนก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าราวกับเป็นคนใจร้อน “ไปเถอะ ไป ๆ”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็แยกจากกัน ‘อย่างไม่เต็มใจ’
เมื่อรถของตระกูลเซี่ยแห่งเมืองหลวงของมณฑลมารับ เซี่ยจื่ออี้ก็เชิญทุกคนให้ขึ้นรถไปด้วยกัน
ท้ายที่สุดเธอก็ยิ้มให้เซี่ยชิงหยวนและเข้าไปในรถ
ถ้าเซี่ยชิงหยวนจำไม่ผิด เซี่ยจื่ออี้ขึ้นไปนั่งในรถถัดจากเสิ่นอี้โจว
แต่เสิ่นอี้โจวก็ย้ายตำแหน่งของเขาไปข้างในขณะที่เธอเข้ามานั่งทันที