กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 212 ฉันเหมือนผีแต่คุณก็ยังอยากจูบ
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 212 ฉันเหมือนผีแต่คุณก็ยังอยากจูบ
บทที่ 212 ฉันเหมือนผีแต่คุณก็ยังอยากจูบ
บทที่ 212 ฉันเหมือนผีแต่คุณก็ยังอยากจูบ
เสิ่นอี้โจวไม่แปลกใจเลยที่เซี่ยชิงหยวนถามคำถามนี้
เขาประสานมือและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ชื่อของเธอคือเซี่ยจื่ออี้ เธอเป็นลูกสาวของผู้นำศาลากลางมณฑลเซี่ยน่ะ”
เมื่อเสิ่นอี้โจวพูดนามสกุลของเธอคือ ‘เซี่ย’ เซี่ยชิงหยวนก็ครุ่นคิดเล็กน้อย
เธอพยักหน้าให้เขาพูดต่อ
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “เซี่ยจื่ออี้และฉินซูอวี้เคยอาศัยอยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน และดูเหมือนว่าพวกเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย”
ทันใดนั้นเซี่ยชิงหยวนก็เข้าใจได้ว่าทำไมเซี่ยจื่ออี้ถึงมีทัศนคติเป็นศัตรูกับเธอ
เธอถามว่า “แล้วคุณคิดยังไงกับเธอ?’’
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของเสิ่นอี้โจวกระตุกและจับมือภรรยาทันที “ยัยโง่ ผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมเลย”
ในใจของเซี่ยชิงหยวนรู้สึกอบอุ่น แต่ภายนอกเธอหยุดยิ้มและตบมือของเขา “หยุดพูดไร้สาระแล้วบอกฉันเร็ว ๆ”
เซี่ยจื่ออี้คนนั้นเป็นคนสวยเหมือนหลินไต้อวี้* เลยก็ว่าได้
เสิ่นอี้โจวแตะปลายจมูกของเธอ ยิ้มจนคิ้วขมวดขึ้น “ภรรยาของผม คุณอิจฉาเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวแกล้งเธออีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนพลันหน้าแดง “ฉันเปล่าสักหน่อย”
เสิ่นอี้โจวจับมือทั้งสองข้างของเธอ พลางมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย และพูดอย่างจริงจัง “สรุปสั้น ๆ เลยคือผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ไม่ควรมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งด้วย ช่วงนี้คุณอาจเห็นเธอบ่อยหน่อย แต่ก็แค่อย่าไปสนใจเธอให้มากก็พอ”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่าเสิ่นอี้โจวจะมีความคิดเห็นเช่นนี้กับเซี่ยจื่ออี้ที่ดูอ่อนโยน
เธอคิดว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่เข้าใจผู้หญิงดีกว่า
ได้ฟังเขาพูดแล้วทุกข์ในใจของเธอหายไปทันที
เธอยิ้มและพยักหน้า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ถ้าเซี่ยจืออี้คนนั้นไม่มายั่วยุเธอ เธอก็จะเมินเฉย แต่ถ้ามายั่วยุเธอเมื่อไหร่ เธอจะไม่ทนแน่นอน
ในขณะที่พวกเขากินของว่างเสร็จ มันก็เป็นเวลาที่ถนนทั้งสายกำลังจะปิดเช่นกัน ยกเว้นร้านของว่างยามดึกไม่กี่ร้านที่ยังคงเปิดอยู่
โคมไฟถนนส่วนใหญ่ก็ดับเช่นกัน เหลือเพียงโคมไฟถนนสองสามดวงที่เปิดอยู่ตามลำพัง
ถนนอาหารสายนี้ที่ไม่ถือว่ากว้างเท่าไหร่ก็ร้างผู้คนไปอย่างมากจากตอนแรก
ทั้งสองจูงมือกันเดินไปตามถนน
แสงสลัวทอดยาวไปด้านหลังของพวกเขา และในที่สุดพวกเขาก็เดินเข้าไปในความมืด
เซี่ยชิงหยวนหันศีรษะของเธอ มองไปที่เงาของทั้งสองและอดไม่ได้ที่จะยืนใกล้เขามากขึ้น
เสิ่นอี้โจวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของภรรยา เหยียดแขนยาวของเขาออกแล้วโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนตัวเอง “อยู่กันอย่างนี้ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกับทั้งโลกคุณมีแค่ผม และผมก็มีแค่คุณจริงไหม?”
ลมหายใจร้อนและชื้นรดคอของเธอ ทำให้เกิดอาการจั๊กจี้ขึ้นมา
ตามคำพูดของเขา เธอมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัว ซึ่งมันทำให้ปลายหูของเธอร้อนผ่าว
เธอก้มศีรษะลงและเอ่ยแผ่วเบา “ใช่”
เสิ่นอี้โจวมองไปที่ศีรษะเล็ก ๆ ของเธอ และพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย?”บราวนี่ออนไลน์
เขาชี้ไปที่เงาด้านหลังเขา “ผมกำลังพูดถึงเรื่องนี้”
มองไปในทิศทางที่เขาชี้ เธอเห็นเงาของทั้งสองซ้อนทับกันเหมือนลำต้นของต้นไม้ที่เกี่ยวพันกันในความมืด
เสิ่นอี้โจวชี้ให้เธอหันไปด้านข้างอีกครั้ง ร่างเล็ก ๆ ของเธอถูกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์ในเงาสูงของเขา เพียงมองแวบเดียวก็มีเพียงเงาของเขาเท่านั้นที่มองเห็นได้
เขาเข้าใกล้หูของเธอด้วยรอยยิ้ม พร้อมด้วยน้ำเสียงยั่วยวน “ดูสิ ด้วยวิธีนี้ เงาของคุณก็ถูกผมทับกลืนอย่างสมบูรณ์แล้ว”
เขาจงใจชะลอคำว่า ‘ทับ’ อย่างมีความนัย มีความหวานในคำพูดที่ถูกกลืนเข้าไปอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับขนมปังสับปะรดที่เธอกินคืนนี้
หอมหวานและน่าหลงใหล
เซี่ยชิงหยวนหลุดจากอ้อมกอดของเขาทันที ใบหน้าอันบอบบางของเธอร้อนผ่าว และแดงก่ำจนน่าสัมผัส “คุณแกล้งฉันอีกแล้ว!”
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยประกายดูสดใส
เสิ่นอี้โจวกลืนน้ำลายลงคอและเขามองเธออย่างจริงจังเป็นเวลาสองวินาที จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและจับมือเธอ “ไปกันเถอะ รีบกลับกัน”
เวลาต่อมา เมื่อเซี่ยชิงหยวนถูกโยนลงบนเตียง ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมคนสุนัขคนนี้ถึงกระตุ้นให้เธอรีบกลับมาที่ห้องและขอให้เธออาบน้ำเร็ว ๆ
ปรากฏว่าเพราะเรื่องนี้นี่เอง!
เธอเตะเขา แต่เขาก็จับขาเธอไว้ในอุ้งมือแกร่งนี้ได้ “นั่งรถมาตั้งครึ่งค่อนวันแถมยังไปประชุมและดื่มเหล้าอีก คุณไม่เหนื่อยเหรอ!”
เสิ่นอี้โจวจับขาของเธออยู่ก็ค่อย ๆ เลื่อนมือไล้ไปตามขานวลเนียน ก่อนจะไปจบลงที่เอวเรียวของเธอในท้ายที่สุด “แค่ผมเห็นคุณแบบนี้ ผมก็ไม่เหนื่อยแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนพูดอะไรไม่ออก “!”
เธอมองเสิ่นอี้โจวที่กำลังรุกเข้ามาหา เธอกลอกตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คิดจะเล่นแบบนี้เหรอ?”
เธอโอบแขนรอบคอของเขา แล้วดึงมันลงมาจนเขาล้มลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็วางแขนค้ำไว้ข้างลำตัวเธอได้ทันเวลา
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ริมฝีปากสีเชอร์รี่ของเธอเข้าใกล้ส่วนนูนกลางลำคอของเขา และขบมันเบา ๆ
เธอรู้สึกว่าร่างกายของเสิ่นอี้โจวเกร็งขึ้นอย่างกะทันหัน
เธอหัวเราะคิกคักและในวินาทีต่อมาก็ดึงเขาลงมาอีกครั้ง เมื่อร่างกายของเขาทรุดลง เธอก็ใช้แรงที่เอวเพื่อพลิกตัวเขากลายเป็นว่าเธอกลับอยู่ข้างบนแทน
เธอขึ้นคร่อมเขา พลางงเอามือเล็ก ๆ ปิดริมฝีปากบาง ๆ ของผู้เป็นสามี และก้มลงพูดแนบหูของเขา “จุ๊ ๆ ลดเสียงหน่อย ไม่อย่างนั้น เพื่อนร่วมงานของคุณได้ยินเข้าคงแย่นะ”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวเบิกกว้างอย่างมาก
เมื่อเห็นสิ่งนี้เซี่ยชิงหยวนพลันรู้สึกสดชื่น
มือเล็ก ๆ ของเธอปลดกระดุมคอเสื้อของเขาออก “คุณต้องอดกลั้นไว้ เพราะฉันจะไม่แสดงความเมตตาหรอกนะ”
ขณะที่เธอพูด เธอก็โน้มตัวลงไป…
อย่างไรก็ตาม เธอก็ลืมไปว่าผู้ชายของเธอไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบง่าย ๆ
แม้ว่าเธอจะได้เปรียบในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่หลังจากนั้นเสิ่นอี้โจวจะเอาเธอคืนเป็นพันเท่าอย่างแน่นอน
ไม่นานนัก ในที่สุดบทสนทนาระหว่างทั้งสองก็กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง
เซี่ยชิงหยวนร้องคร่ำครวญ “ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”
เสิ่นอี้โจวปิดปากของเธอ “เงียบ ๆ ไว้ ถ้าเพื่อนร่วมงานของผมได้ยินคงไม่ดีนะ”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “คุณมันคนเลว! คุณรังแกฉันอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเสิ่นอี้โจวก็เต็มไปด้วยความสุข “ไม่ใช่ว่าคุณสอนผมก่อนเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเงียบไป “…”
…
วันใหม่ได้เริ่มขึ้น เสี่ยวหลิวก็มารับเสิ่นอี้โจวในตอนเช้า ซึ่งเซี่ยชิงหยวนยังไม่ตื่นนอนเลย
เสิ่นอี้โจวออกคำสั่งกับเสี่ยวหลิวทิ้งท้ายไว้ “นายช่วยนำอาหารเช้ามาให้ภรรยาของฉันในอีกสองชั่วโมงต่อจากนี้ด้วยนะ”
เสี่ยวหลิวมองไปที่ใบหน้าที่ภาคภูมิใจของหัวหน้าของเขา และดูเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้
เขายืนอยู่ที่ประตู ก้มหน้าลงไม่กล้ามองไปรอบ ๆ และตอบอย่างกระอักกระอ่วน “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
เลขาธิการเสิ่นคนนี้ทำร้ายภรรยาของเขาอย่างหนักสินะ?
เซี่ยชิงหยวนโผล่หัวที่ยุ่งเหยิงของเธอออกมาจากใต้ผ้าห่ม ดวงตาของเธอเป็นสีเทาอมฟ้า เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เธอหยิบหมอนข้างขึ้นมาแล้วโยนมันออกไป
เมื่อเสิ่นอี้โจวได้ยินเสียงวุ่นวายข้างในห้องนอน สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงและเขาพูดกับเสี่ยวหลิวว่า “รอฉันเดี๋ยว”
จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นเขาเข้ามา เธอจ้องไปที่เขาแต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
เสิ่นอี้โจวเสยผมของเธอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยิ้มอย่างไม่มีพิษมีภัย “หลังจากนี้ก็ทำตัวให้ดีกว่าเดิมนะรู้ไหม?”
แต่เมื่อคำพูดพวกนั้นออกมาจากริมฝีปากของเขา เธอก็ต้องอดกลั้นไว้
เห็นได้ชัดว่าเธอได้รับ ‘บทเรียน’ เพียงพอแล้วเมื่อคืนนี้
เธอหันหน้าหนีและพ่นลมหายใจออกมา ซึ่งเป็นคำสัญญา
เสิ่นอี้โจวพลางจูบลงบนผมที่ยุ่งเหยิงเหมือนเล้าไก่ของภรรยา “ผมจะบอกให้เสี่ยวหลิวพาคุณไปช้อปปิ้งระหว่างวันไว้นะ ถ้าคุณต้องการซื้ออะไรก็ซื้อเลย”
เขาหยิบเงินปึกเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา “แม้ว่าผมจะหาเงินได้ไม่มากเท่าคุณ แต่ผมก็ยังพอที่จะสนับสนุนคุณได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็จูบเธอที่หน้าผากอีกครั้ง “ผมจะไปแล้วนะ”
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็ทนไม่ได้อีกต่อไป “สภาพฉันเหมือนผีขนาดนี้คุณยังจูบเอาจูบเอา คุณไม่มีวันพอเลยหรือไง?”
เมื่อฟังจบ เสิ่นอี้โจวก็หรี่ตาลง “หือ? นี่คุณต้องการให้ผมทบทวนบทเรียนเมื่อคืนนี้ให้คุณอีกเหรอ?”
*หลินไต้อวี้ คือตัวละครเอกในละครเรื่องความฝันในหอแดง