กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 222 หล่อที่สุด
บทที่ 222 หล่อที่สุด
บทที่ 222 หล่อที่สุด
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินเสียง เธอก็หยุดอยู่กับที่ทันที
หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งเดือน เธอไม่คิดว่าจะเจอกับพวกนักเลงเหล่านั้นในวันแรกที่กลับมาที่นี่
เธอเห็นฟู่ชุนไจ่หนีบรองเท้าแตะ แกว่งแขนไปมาอย่างรุนแรงพลางกำลังจะเดินเข้าหาเธอ
ข้าง ๆ เขาคือโจวจิ่นจือ
โจวจิ่นจือยืนล้วงกระเป๋ากางเกง เลิกคิ้วเมื่อได้ยินฟู่ชุนไจ่เรียกเธอก่อนที่สายตาจะจับจ้องที่ใบหน้าของเธอและหรี่ตาลง
โจวจิ่นจือเหลือบมองไปที่เฮ่ออวี้เฟิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธออีกครั้ง ดวงตาของโจวจิ่นจือก็มืดลง
วินาทีต่อมา โจวจิ่นจือเหยียดแขนยาวออกคว้าฟู่ชุนไจ่และดึงมาไว้ข้างหลังเขา
อารมณ์ที่ฮึกเหิมส่วนใหญ่ของฟู่ชุนไจ่หายไปในทันที เขาซวนเซและหยุดมองไปที่โจวจิ่นจือด้วยใบหน้าที่งงงวย “ลูกพี่?”
หลังจากลูกพี่ของเขารู้ว่าสาวสวยคนนี้ออกไปจากเมืองกว่างโจวแล้ว สีหน้าของลูกพี่ของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจริง ๆ…
ในเมื่อสาวสวยคนนี้มีอิทธิพลพอจะเปลี่ยนสีหน้าของลูกพี่เขาได้ มันก็แสดงให้เห็นว่าเซี่ยชิงหยวนนั้นแตกต่างออกไปจากผู้หญิงคนอื่น ๆ
โจวจิ่นจือเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “นายกำลังจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของโจวจิ่นจือ ฟู่ชุนไจ่ก็จำสิ่งที่เขาเคยถูกเตือนได้
ดังนั้นเขาจึงหัวเราะแห้งและพูดว่า “ลูกพี่ ไม่เป็นไรสักหน่อยที่จะเป็นเพื่อนกับสาวสวย”
บางทีเพื่อนธรรมดาอาจกลายเป็นคู่รักกันในอนาคตก็ได้นี่?
โจวจิ่นจือเลิกคิ้ว “รู้สึกคันเนื้อคันตัวอยากถูกนวดใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าโจวจิ่นจือตัดสินใจแล้วที่จะไม่ปล่อยเขาไป นั่นอาจเป็นเพราะเขากลัวว่าจะทำให้สาวงามขุ่นเคือง
สายตาของฟู่ชุนไจ่มองไปที่เสื้อกั๊กที่โจวจิ่นจือสวมอยู่ โอ้ กลายเป็นลูกพี่คิดว่าเสื้อผ้าที่เขาใส่ในวันนี้ดูไม่ดีสินะ
อืม พรุ่งนี้รอลูกพี่เปลี่ยนชุดหล่อกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาหาสาวสวยน่าจะดีกว่า
ดังนั้นเขาจึงยิ้มและส่ายหัว “ไม่นะลูกพี่ ผมไม่ได้คันสักหน่อย”
โจวจินจื้อพูดเบา ๆ “ไป!”
หลังจากพูดจบ โจวจิ่นจือก็หันกลับและเดินเข้าไปในตรอกใกล้ ๆ
ฟู่ชุนไจ่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตาม
วินาทีที่ฟู่ชุนไจ่และโจวจิ่นจือปรากฏตัว เฮ่ออวี้เฟิงยืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยชิงหยวนมองดูพวกเขาอย่างระแวดระวัง
เฮ่ออวี้เฟิงไม่ได้ผ่อนคลายจนกว่าพวกนักเลงจะจากไปจริง ๆ
เขามองไปที่เซี่ยชิงหยวน “คุณรู้จักพวกเขาเหรอ?”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเซี่ยชิงหยวนกับพวกนักเลง ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่การพบกันเป็นครั้งแรก
เซี่ยชิงหยวนไม่ทันตั้งตัวจากการปรากฏตัว และการจากไปของฟู่ชุนไจ่ กับโจวจิ่นจืออย่างกะทันหัน
เธอส่ายหัว “ไม่ถือว่าเป็นคนรู้จักหรอก เมื่อฉันมาที่นี่ครั้งก่อน ฉันบังเอิญเจอพวกเขาที่กำลังต่อสู้กับแก๊งอื่น และสุดท้ายก็ลงเอยถูกเข้าใจผิดและเข้าไปในสถานีตำรวจด้วยกัน”
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าด้วยประโยคเดียว เธออธิบายการต่อสู้ระหว่างแก๊งทั้งสองว่าเหมือนเป็น ‘การต่อสู้’ ธรรมดา ๆ ซึ่งในความเป็นจริงช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เฮ่ออวี้เฟิงมองไปที่ทางเข้าของตรอกและพูดด้วยเสียงทุ้ม “เมื่อเห็นพวกเขาในอนาคต เป็นการดีที่สุดที่จะหันหลังกลับและหลีกเลี่ยงไปเลย ชายแซ่โจวคนนั้นไม่ใช่คนที่คุณสามารถยั่วยุได้”
พอได้ยินแบบนี้ อารมณ์ของเซี่ยชิงหยวนก็ค่อนข้างได้รับผลกระทบ
เธอรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่พวกคนที่เธอสามารถยั่วยุได้ แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะจำตัวเธอได้ซะแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่เธอที่ยั่วยุพวกเขาสักหน่อย
เธอพูดว่า “คุณก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แล้ว ดังนั้นคุณคิดว่าเราควรทำยังไงต่อดีล่ะ?”
เฮ่ออวี้เฟิงครุ่นคิด “คุณอยู่ในเมืองกว่างโจวแค่สองสามวัน ดังนั้นเบื้องต้นผมจะตามคุณไปทุกที่ก่อน แต่ถ้าไม่ได้ผล ผมจะไปคุยกับคนพวกนั้นให้เอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาแสนสวยของเซี่ยชิงหยวนก็เบิกกว้าง “ฉันยังไม่ได้เป็นอะไร เพราะงั้นอย่าไปคุยกับพวกเขาเพราะเรื่องของฉันเลย ฉันจะอยู่ที่นี่แค่สองสามวันเอง แค่พยายามหลีกเลี่ยงพวกเขาก็พอ”
ท้ายที่สุด ภาพตอนอยู่ในสถานีตำรวจ เลือดและบาดแผลบนร่างกายของโจวจิ่นจือยังคงชัดเจนในหัวของเธอ เขาเป็นคนที่เลียเลือดจากคมมีด
เธอไม่ต้องการให้ใครต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะเธอ
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนประเมินเขาต่ำไปอย่างเห็นได้ชัด
เฮ่ออวี้เฟิงก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและกลืนสิ่งที่เขากำลังจะพูด
ลืมมันไปเถอะ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้บอบบางเกินไป และเธอจะหวาดกลัวเมื่อถึงเวลา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเกลี้ยกล่อมเธอ
เมื่อคิดได้แล้วนั้นเขาก็พยักหน้า “ก็ได้”
ฟู่ชุนไจ่ตามโจวจิ่นจือเข้าไปในตรอก และพูดไปเรื่อย ๆ อยู่ข้างหลังเขา
“ลูกพี่ เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนั้นที่ไอ้เจ้าสี่นำมาให้ ถ้าลูกพี่ใส่ลูกพี่ต้องดูหล่อมากแน่นอน พอไปโชว์มันต่อหน้าสาวสวยคนนั้น ผมแน่ใจว่าเธอจะต้องแทบสูญเสียจิตวิญญาณของเธอแน่นอน!”
ในรายการทีวีไม่ได้พูดหรือว่าพวกผู้หญิงชอบผู้ชายในเสื้อเชิ้ตสีขาว?
ลูกพี่ของเขาหล่อมาก ดังนั้นถ้าใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวคงจะยิ่งเท่ระเบิดแน่นอน
ฝีเท้าของโจวจิ่นจือหยุดกะทันหัน “ทำไมฉันต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินไปให้เธอเห็นด้วย?”
ฟู่ชุนไจ่พูดโดยไม่คิด “เพราะลูกพี่หล่อมาก”
โจวจิ่นจือกลอกตาไปที่ลูกน้องตัวเอง
ฟู่ชุนไจ่เกาหัวของเขาด้วยสีหน้างุนงง “ลูกพี่ไม่คิดว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวจะหล่อพอเหรอ? แต่ใส่สีดำก็ไม่ได้ใช่ไหม? ใส่สีดำแล้วดูดุไปหน่อยนะ!”
โจวจิ่นจือ “…”
เขาขมวดคิ้วและชี้ไปด้านหน้า “ตอนนี้รีบ ๆ ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลย ขืนยังพูดจาเพ้อเจ้อตรงนี้ต่อแกโดนแน่!”
…
หลังอาหารเย็น เฮ่ออวี้เฟิงพาเซี่ยชิงหยวนไปตลาดกลางคืนเพื่อหา แผงขายของเหล่าไต้
แผงขายของเหล่าไต้อยู่ใกล้ทางเข้าตลาด ดังนั้นจึงสามารถหาเจอได้แทบจะทันที
เหล่าไต้โบกมือให้เซี่ยชิงหยวน “น้องสาว ฉันอยู่นี่!”
เซี่ยชิงหยวนกับเฮ่ออวี้เฟิงเดินเข้าหา และเห็นว่าแผงขายของเหล่าไต้ไม่แออัดเหมือนแผงขายของอื่น ๆ
เสื้อผ้ามีราคาแพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แค่เห็นแวบแรกก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ผู้ที่มาที่ตลาดค้าส่งมักต้องการของราคาถูกที่คุณภาพพอไปวัดไปวาได้ก็พอ
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “เหล่าไต้ คุณวางแผนที่จะไปให้สุดทางจริงๆ”
เหล่าไต้โบกมือของเขาอย่างเฉยเมย “ฉันเชื่อว่าจะต้องมีคนที่ตาถึงเหมือนกับฉันอยู่อีกแน่นอน”
เขายิ้มและขยิบตาให้เธอ “ดูสิ ไม่ใช่ว่าเธอก็เป็นคนแรกหรอกเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร “มาดูเสื้อผ้ากันเถอะ”
เหล่าไต้ชี้ไปที่ตัวที่อยู่บนพื้น “พวกนี้มาจากชุดเดียวกันกับที่ฉันส่งให้ครั้งก่อน ยังมีสีและรูปแบบอื่น ๆ อีกที่ฉันไม่ได้ส่งให้ในตอนนั้น”
เขาชี้ไปทางด้านหลังอีกครั้ง “นี่เป็นของใหม่ เป็นของมีคุณภาพที่สวยมากเลย”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเสื้อผ้าที่อยู่ข้างหลังเหล่าไต้ สไตล์และสีของชุดเหล่านี้มีความเรียบง่าย สง่างาม และเป็นทางการมากกว่า
ดวงตาของเธอเป็นประกายโดยไม่รู้ตัว “นี่ดีมากเลย”
เธอพลิกดูพวกมันบนพื้นอย่างสบาย ๆ นอกจากสีชมพูและสีที่เป็นทางการแล้วยังมีสีสดใส อาจกล่าวได้ว่ามีเอกลักษณที่โดดเด่นมาก
เธออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เหล่าไต้ คุณเลือกเสื้อผ้าทั้งหมดที่คุณซื้อในครั้งนี้ตามความชอบของฉันเลยเหรอเนี่ย?”
จริง ๆ แล้ว ทุกสไตล์สอดคล้องกับความต้องการของเธอมาก
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหล่าไต้ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเพราะรสนิยมของเธอมันเหมือนกับของฉันต่างหาก”
ถ้าเซี่ยชิงหยวนไม่ชอบเสื้อผ้าแบบที่เขาชอบ เธอจะซื้อของของเขาไปมากมายได้ยังไง?
เซี่ยชิงหยวนกางถุงกระสอบของเธอแล้วหยิบเสื้อผ้าใส่เข้าไปพลางพูดว่า “ข้อตกลงจะเป็นอย่างที่เราพูดครั้งที่แล้ว ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
เหล่าไต้ก็ย่อตัวลงเพื่อช่วยเธอหยิบเสื้อผ้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา เรามันคนกันเองอยู่แล้ว”
ทั้งสองเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่มีความรู้สึกว่าน่าเสียดายที่เจอกันช้าไป
เขามีสัญชาตญาณที่ว่าถ้ารู้จักเซี่ยชิงหยวนไปเรื่อย ๆ เขาอาจจะเปลี่ยนโชคชะตาของเขาได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็อบอุ่นขึ้น
ตามนิสัยปกติของเซี่ยชิงหยวน เธอจะเลือกเสื้อผ้าแต่ละแบบและขนาดต่าง ๆ ไม่เกินสิบชิ้น
เมืองเตียนเฉิงใหญ่มาก อย่างเช่นเธอซื้อสองตัวที่นี่และขายสองตัวที่นั่น โอกาสที่คนใส่เสื้อเหมือนกันจะน้อยมาก
นอกจากนี้ขนาดยังแตกต่างกัน โดยทั่วไปจะแสดงถึงกลุ่มลูกค้าที่มีรูปร่างและอายุต่างกัน การใส่ในคนคนหนึ่งจะสะท้อนถึงรสนิยมที่แตกต่างกันด้วย
เหล่าไต้รู้นิสัยของเซี่ยชิงหยวน โดยที่เธอไม่พูดอะไร เขาก็เอาเสื้อผ้าใส่ถุงกระสอบสองใบให้เธออย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนเห็นว่ายังมีเสื้อผ้ามากมายอยู่ข้างหลังเหล่าไต้ จึงพูดว่า “พรุ่งนี้เช้าฉันจะมาหาคุณใหม่นะ”
เหล่าไต้เช็ดกางเกงของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง “ครั้งนี้เธอต้องการเท่าไหร่ล่ะ? นอกจากนี้ยังมีรุ่นใหม่ ๆ ที่บ้านฉันยังไม่ได้นำออกมาขายครั้งที่แล้วอีกนะ เธอไม่ได้เป็นคนบอกเหรอว่าให้ฉันหันมาสนใจกักตุนสินค้าที่โละแล้วของฤดูร้อน? ยังมีสินค้าแบบนั้นเหลืออยู่ในโรงงานของลูกพี่ลูกน้องของฉันด้วย พรุ่งนี้ให้ฉันพาเธอไปดูดีไหม?”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดเลยว่าเหล่าไต้จะพาเธอไปที่โรงงานโดยตรงเพื่อรับสินค้า
เหล่าไต้เห็นความประหลาดใจและความสงสัยของเซี่ยชิงหยวน จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “คิดซะว่าคราวนี้ฉันพาเธอไปหาเพื่อนเพิ่มแล้วกัน ยังไงฉันเองก็ต้องไปรับสินค้าที่นั่นเหมือนกัน ในอนาคต ฉันจะไม่คิดค่าส่วนต่างสำหรับสินค้าที่กำลังโละขายแล้วกัน แค่เมื่อเธอร่ำรวยขึ้นมาก็อย่าลืมฉันก็พอนะน้องสาว”
เหล่าไต้พูดตรงไปตรงมา เซี่ยชิงหยวนก็มีความสุขเช่นกัน
เธอยิ้มและพูดว่า “ต่อให้คุณไม่พูดแบบนี้ ฉันก็ไม่ลืมคุณแน่”
เฮ่ออวี้เฟิงยืนอยู่ข้าง ๆ มองไปที่คนสองคนที่หัวเราะด้วยกัน ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น และสีหน้าของเขาดูแย่
เขาสงสัยว่าเสิ่นอี้โจวกลายเป็นคนอนาถมากกว่าเหล่าไต้ตรงหน้าเขาหรือไง ทำไมภรรยาของเสิ่นอี้โจวถึงพูดคุยกับผู้ชายอื่นอย่างนี้
ภรรยาของเสิ่นอี้โจวกำลังพูดคุยและหัวเราะกับผู้ชายคนอื่น เขาควรจะบอกเสิ่นอี้โจวดีหรือไม่?
———————