กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 227 ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 227 ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง
บทที่ 227 ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง
บทที่ 227 ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง
แน่นอนว่าชายชราปลายสายรู้สึกหงุดหงิดทันทีกับคำพูดของโจวจิ่นจือ ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดไปดื้อ ๆ
เหลือแต่เสียงรบกวนของสัญญาณโทรศัพท์ทางไกลเบา ๆ
ผ่านไปพักหนึ่ง ในที่สุดชายชราคนนั้นก็ถอนหายใจ ราวกับจะประนีประนอม “ช่างเถอะ พ่อรู้ว่าแกยังโกรธพ่ออยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ แกกับแม่ของแก…”
“คุณคิดว่าคุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงแม่ของผม!” เมื่อชายชราคนนั้นพูดอีกครั้ง ทันใดนั้นโจวจิ่นจือก็พูดแทรกขัดจังหวะขึ้นมาทันที
โจวจิ่นจือเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ และดวงตาที่เศร้าหมองก็เย็นชา
เขาพ่นลมหายใจเย้ยหยันอย่างเยือกเย็น และด้วยความบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในดวงตาของเขา “เมื่อคุณปิดบังสถานะการแต่งงานของคุณ ล่อลวงเธอแล้วทิ้งเธอ คุณคงไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์ที่จะย้อนเข้าตัวเองในวันนี้ใช่ไหม? ลูกคนที่ภาคภูมิใจที่สุดตายไป และลูกที่ไม่เคยจะเหลียวแลกลายเป็นกุ๊ยต่อต้านตัวเอง นี่แหละคือผลกรรมที่ย้อนเข้าหาตัวคุณ!”
“คนอย่างคุณควรได้รับผลกรรมทั้งหมด และจะไม่มีวันสงบสุขไปตลอดชีวิต!”
หลังจากพูดจบ โจวจิ่นจือก็วางสายอย่างแรง
หน้าอกของเขากระเพื่อมและบรรยากาศเกลียดชังรอบ ๆ ตัวเขาก็หนาแน่นขึ้น แสดงถึงความโกรธของเขาอย่างชัดเจน
รองผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะประจำเมืองกว่างโจวที่ได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็ก้มศีรษะลงและไม่กล้าเงยขึ้นเป็นเวลานาน
การที่เขาได้ยินความลับที่น่าตกใจนี้ เขาจะถูกฆ่าเพื่อปิดปากหรือไม่?
โชคดีที่โจวจิ่นจือเดินผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไร
รองผู้อำนวยการถอนหายใจราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่หลังจากภัยพิบัติ
ดวงตาของโจวจิ่นจือค่อย ๆ ถอนออกจากความทรงจำ และดวงตาของเขาก็ชัดเจน
เขาหยิบบุหรี่จากฟู่ชุนไจ่ใส่เข้าไปในปากตัวเอง และฟู่ชุนไจ่ก็จุดบุหรี่ให้เขา
สายตาของเขามองไปยังสถานที่ที่เซี่ยชิงหยวนและเฮ่ออวี้เฟิงจากไป พลางพ่นควันออกเป็นวงกลม เหล่ตาของเขาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”
บางคนเกิดมาในโคลนและความมืด ไม่เคยรู้จักว่าแสงสว่างและความอบอุ่นว่ามันเป็นยังไง
หากวันหนึ่งลำแสงส่องเข้ามาในชีวิตของเขา ถ้าเขาไม่ทำลายลำแสงนั้นเขาก็จะยึดมันไว้ให้แน่นที่สุด แม้ว่าราคาของการยึดลำแสงนั้นจะเผาผลาญชีวิตของเขา เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมันไป
คนสะอาดอย่างเธอคือคนที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ตั้งแต่แรกพบเธอไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับเขา
เขาไม่เคยคาดหวังบางสิ่งที่ไม่ใช่ของเขา และผู้คนก็เช่นเดียวกัน
ถ้าสุดท้ายจะต้องสูญเสียไป เขาก็ไม่อยากได้มันมาแต่แรก
…
เฮ่ออวี้เฟิงพาเซี่ยชิงหยวนไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งเสื้อผ้ากลับไปที่เตียนเฉิง
เซี่ยชิงหยวนทำการคำนวณ และมันน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการขนส่งด้วยความเร็วปกติ
สินค้าที่เหลืออยู่ที่บ้านเหลือพอขายได้แค่สี่หรือห้าวัน บวกกับของที่เธอได้มาเพิ่มจากเหล่าไต้ในตอนหลัง ของเหล่านั้นก็พอขายได้อีกสองสามวัน รวมได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์พอดี
เซี่ยชิงหยวนพูดกับเฮ่ออวี้เฟิง “สองวันมานี้ทำให้คุณลำบากใจและเสียเวลาไปมากเลย พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปที่เมืองเตียนเฉิงแล้ว ดังนั้นฉันขอเลี้ยงอาหารค่ำคุณเมื่อฉันมาครั้งหน้านะคะ”
เธอโทรกลับบ้านเมื่อคืนนี้ ในเวลานั้นเสิ่นอี้หลินกล่าวว่าเสิ่นอี้โจวดูเหมือนจะทำงานล่วงเวลาในสองวันมานี้ และกลับมาช้ามาก
เมื่อนึกถึงร่างกายของเขาและสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องความแห้งแล้งของมณฑลยูนนาน เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ
นอกเหนือจากการพบกับฟู่ชุนไจ่และโจวจิ่นจืออีกครั้งแล้ว เธอแค่ต้องการกลับไปโดยเร็วที่สุด
คิ้วและดวงตาของเฮ่ออวี้เฟิงสงบ “ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมไม่กินข้าวคนเดียวกับผู้หญิงของเพื่อนผม”
เซี่ยชิงหยวนนิ่งอึ้งไป “…”
เธอหยุดชั่วคราวและพูดว่า “งั้นครั้งหน้าก็เรียกเหล่าไต้มาด้วย แล้วเราจะได้กินข้าวด้วยกัน แบบนี้แล้วกัน”
เฮ่ออวี้เฟิงพูดเสริม “เหล่าไต้ก็เป็นผู้ชายด้วย และคุณเป็นผู้หญิง”
ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันมาสองวันแล้ว และรู้ว่าเฮ่ออวี้เฟิงเป็นคนแบบนี้ เธอก็คงไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาเท่าไหร่
ไม่อย่างนั้นคนฟังคงสำลักตายกันพอดี
เมื่อเห็นหางตาของเซี่ยชิงหยวนกระตุก เฮ่ออวี้เฟิงกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเสิ่นอี้โจว ผมเป็นหนี้เขา คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกว่าความหนักใจที่มีต่ออีกฝ่ายลดลง
ยังไงก็ตาม ทั้งสองคนจะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร เธอไม่เคยชอบเป็นหนี้คนอื่นโดยเปล่าประโยชน์ หญิงสาวพยักหน้า “ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว ฉันขอให้คุณกับอี้โจว…มีมิตรภาพที่ยืนยาวนะ”
เฮ่ออวี้เฟิง “ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
เซี่ยชิงหยวนกำลังบ้าตาย
เธอแทบจะทึ้งหัวตัวเอง “งั้นคุณจะทำอะไรก็ทำแล้วกันตามใจคุณเลย”
ไม่สำคัญแล้วว่าชายคนนี้จะไปทางเหนือหรือใต้ เธอไม่สนใจอีกแล้ว
หลังจากกลับมาที่โรงแรมและส่งเสื้อผ้าไปทางไปรษณีย์แล้ว เหล่าไต้ก็มาหาเธอพร้อมกับรถสามล้อที่ไม่รู้ว่าไปยืมใครมา และมาพร้อมกับเสื้อผ้าอีกเพียบ
เซี่ยชิงหยวนย่อตัวลงเพื่อเลือกเสื้อผ้า และเลือกมาเกือบสี่ร้อยตัวอีกครั้ง
เธอหยุดมือของตัวเอง ขณะที่มือก็ยังอยู่ในกองเสื้อผ้า “ฉันเอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน ฉันต้องขนกลับไปคนเดียว ถ้ามากกว่านี้คงขนไม่ไหวแล้วล่ะ”
เหล่าไต้ช่วยเธอมัดถุงให้แน่น “ตกลง งั้นรอจนกว่าเธอจะมาอีกในครั้งต่อไปแล้วกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เหล่าไต้ คราวหน้าฉันอาจจะไม่มารับสินค้าด้วยตัวเองแล้วนะ ถึงตอนนั้นฉันน่าจะให้สาวน้อยที่เคยอยู่กับฉันคราวที่แล้วจะมาแทน หรือไม่ฉันก็อยากรบกวนให้คุณส่งไปแทน”
เหล่าไต้เดาว่าเซี่ยชิงหยวนอาจกังวลเกี่ยวกับบางสิ่ง แต่ในเมื่อเซี่ยชิงหยวนไม่ต้องการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
เขาพยักหน้า “ได้ ๆ ยังไงถ้าตอนนั้นเธอต้องการอะไรเป็นพิเศษ เราจะโทรศัพท์หากันนะ”
ครั้งที่แล้วเวลากระชั้นชิดไปหน่อยที่เซี่ยชิงหยวนขอให้เขาช่วยเลือก ครั้งนี้เขาพาเธอไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋า และเธอยังคงซื้อจากเขาอีก การที่เธอเลือกเสื้อผ้าจากเขาด้วยแบบนี้ มันแสดงให้เห็นว่าเซี่ยชิงหยวนไว้ใจเขามากแค่ไหน
ในตอนแรกเขาก็กังวลเช่นกัน เซี่ยชิงหยวนได้ลิ้มรสความหวานของการไปโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าด้วยตัวเธอเองแล้ว เธออาจมีความคิดอื่นอยู่ในใจ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาได้เห็นเธออย่างชัดเจนแล้ว
เซี่ยชิงหยวนมีความคิดของเธอเอง
เธอรู้ดีเช่นกันว่าถ้าซื้อสินค้าโดยตรงจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋า ราคาย่อมถูกกว่าเป็นธรรมดา
แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าขายสินค้าเน้นปริมาณมากเป็นหลัก และมีหลายสไตล์คละกันไป ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเหมาะกับฐานลูกค้าของเมืองเตียนเฉิง ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจำเป็นต้องมีใครบางคนที่คัดกรองสินค้าให้ด้วย
ในกรณีที่เธอและอาเซียงไม่สามารถมาได้เพราะบางสิ่ง พวกเธอจะต้องเผชิญกับการขาดสินค้าขายในท้ายที่สุด
และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเหล่าไต้ เซี่ยชิงหยวนชื่นชมวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับเสื้อผ้า
หากสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจสามารถทำได้ เหล่าไต้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก
เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว การซื้อสินค้าจากเหล่าไต้ก็ไม่ขาดทุน
รวมทั้งเมื่อวานนี้ เธอหยิบเสื้อผ้าจากเหล่าไต้ไปทั้งหมดหนึ่งพันชิ้นใน ราคาเจ็ดร้อยหกสิบหยวนพอดี
เมื่อเช้าเธอซื้อเสื้อผ้าราคาเกือบสามร้อยหยวนจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋า และเธอก็ใช้เงินบางส่วนไปกับการส่งเสื้อผ้า เซี่ยชิงหยวนยังคงต้องประหยัดเงินสำหรับการเดินทางไว้อีก
เธอนับเงินหกร้อยหยวนให้กับเหล่าไต้ “ฉันจะให้ส่วนที่เหลือกับคุณเมื่อกลับไปนะคะ”
เหล่าไต้ยิ้มและรับเงินมา “ไม่ต้องรีบๆ ค่อยให้ฉันเมื่อเธอว่างก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนกลับไปที่ห้อง เธอเก็บข้าวของและในขณะที่กำลังจะลงไปข้างล่างเพื่อดื่มยา เธอก็โทรหาที่บ้าน
เสิ่นอี้หลินเป็นคนรับโทรศัพท์อีกครั้ง “สวัสดีครับ นั่นพี่สะใภ้หรือเปล่า?”
เขาเพิ่งเห็นหมายเลขโทรศัพท์เมื่อคืนนี้เพียงครั้งเดียว และเขาก็จำมันได้แล้ว
หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายกันแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็ถามขึ้นว่า “‘พี่ชายของนายกลับมาแล้วรึยัง?””
เสิ่นอี้หลินหยุดชั่วคราวและลดเสียงลง “วันนี้พี่ใหญ่จะกลับมาช้าครับ ผมไม่รู้เวลาที่แน่นอน แต่เขาก็ไม่อยู่บ้านตอนที่ผมเข้านอน และเขาไม่อยู่บ้านตอนที่ผมตื่นนอนตอนเช้าเหมือนกัน”
ท้ายที่สุด เสิ่นอี้หลินก็พูดราวกับว่าเขากำลังขอผลงาน “พี่ชายบอกว่า อย่าให้ผมบอกเรื่องนี้กับพี่สะใภ้ด้วยแหละ”
ยังไงซะเขาไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพี่ชายถึงย้ำกับตัวเขาไม่ให้บอกเรื่องนี้กับพี่สะใภ้
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวางสายกับเสิ่นอี้หลินไปแบบไหนในตอนท้าย
เธอจำได้ว่าเมื่อกลับมาจากเมืองหลวงของมณฑล เธอขอรายงานผลการตรวจของเสิ่นอี้โจวและเขาบอกว่ามันถูกน้ำกระเซ็นใส่จนขาดวิ่น
ต้องใช้น้ำเท่าไหร่กันในการทำให้กระดาษขาดจนต้องทิ้ง?
ยิ่งกว่านั้น ต่อให้น้ำหกใส่ ถ้าเช็ดได้ทันอย่างรวดเร็วกระดาษก็คงไม่พังขนาดต้องทิ้งซะหน่อย
สิ่งสำคัญที่สุดคือเสิ่นอี้โจวไม่ใช่คนประมาทด้วย!