กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 23 ผมเก็บสินสอดเดิมเอาไว้ให้คุณแล้ว
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 23 ผมเก็บสินสอดเดิมเอาไว้ให้คุณแล้ว
บทที่ 23 ผมเก็บสินสอดเดิมเอาไว้ให้คุณแล้ว
บทที่ 23 ผมเก็บสินสอดเดิมเอาไว้ให้คุณแล้ว
เมื่อพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสิ่นอี้โจวกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
จากนั้นเสียงแหบแห้งของเขาก็ดังขึ้น “มันดึกแล้ว นอนกันเถอะ”
ทันใดนั้น หลังมือของเขาก็ดึงออกจากมือของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะจากไปพร้อมกับผ้านวมผืนบางของตน
“อี้โจว” หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง จับแขนและมองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง
เสิ่นอี้โจวตัวแข็งไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา ก่อนจะสบกับดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ
เซี่ยชิงหยวนยังคงจับมือของเขาด้วยท่าทางเศร้าโศก “สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไม่เพียงพอที่จะแสดงความรู้สึกในใจของฉันเลยเหรอ”
เธอเห็นขนตาของเสิ่นอี้โจวสั่นระริกแล้วพูดต่อว่า “ผมดีใจที่คุณเชื่อคำพูดของผมนะ”
แต่ก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะดีใจ เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ถ้ามีใครที่ดีกับคุณอย่างจริงใจและมีนิสัยดี ผมจะไม่หยุดเขาไว้อย่างแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว หัวใจของเธอราวกับถูกไฟแผดเผา
เธอลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปขวางหน้าเขาไว้ “เสิ่นอี้โจว คุณหมายความว่ายังไง”
เธออธิบายไม่ชัดเจนหรือสมองของเขาถูกลาเตะไปแล้ว?
หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาเร่าร้อน ราวกับเธอจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้ผลลัพธ์
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วพูดว่า “ชิงหยวน ทางเลือกเป็นของคุณ อย่างที่เรารู้กันผมไม่ใช่สามีที่ดี”
ชายหนุ่มหยุดกล่าวชั่วครู่ เขาหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาฟินิกซ์คู่นั้นสั่นไหวระริก ราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่าง ราวกับสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้มันยากเย็นเหลือเกิน
“ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผมคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากคุณกับผมแต่งงานกัน คุณก็ดูไม่มีความสุขเลยจริง ๆ ซึ่งผมรู้ว่าเหตุผลทั้งหมดเป็นเพราะผม ดังนั้นผมจะไม่รั้งคุณไว้ข้างกายอย่างเห็นแก่ตัวเหมือนที่ผ่านมาอีก”
เขามองดูเธอ “ผมเก็บสินเดิมของคุณเอาไว้ ต่อจากนี้ก็คงจะไม่มีใครดูถูกคุณได้”
แต่แล้วก็มีเสียงดัง ‘เพียะ!’
แรงตบไม่ได้หนักหน่วงนัก ทว่าฝ่ามือของหญิงสาวกลับร้อนผ่าว และร่างกายของเธอก็เย็นวาบไม่ต่างกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
หลังจากฟาดมือของอีกฝ่าย ร่างของเธอก็สั่นเทาจนไม่อาจทราบได้ว่ามันเป็นเพราะโทสะหรือตกใจกันแน่ แม้จะไม่ปริปาก แต่น้ำตาในดวงตาคู่นั้นกำลังไหลริน
เมื่อเห็นน้ำตาของเธอ ชายหนุ่มก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมเธอด้วยน้ำเสียงเหมือนในอดีตอีกต่อไป “ชิงหยวน พวกเราอย่าทะเลาะกันเลย ผมจะสัญญากับคุณทุกอย่างยกเว้นเรื่องหย่า ตกลงไหม แล้วก็อย่าหย่ากับผมเลยนะ”
เสิ่นอี้โจวเพียงแค่มองหน้าเธออยู่อย่างนั้น โดยไม่พูดอะไร
เธอไม่เข้าใจว่าหลังจากเกิดใหม่แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับเสิ่นอี้โจว ทำไมเขาถึงเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเธอโดยสิ้นเชิง
เซี่ยชิงหยวนบอกตัวเองตลอดว่า เธอจะต้องชดเชยให้เขาในชาตินี้
หญิงสาวบอกตัวเองอยู่เสมอว่า ผู้ชายคนนี้ต้องการการใส่ใจและเธอก็ต้องอดทน แต่ในเวลานี้หัวใจของเธอกลับเจ็บไปหมด
ราวกับมีตาข่ายรัดพันร่างของเธอไว้จนหายใจไม่ออก
ชิงหยวนหายใจติดขัดก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่ต้องการสินสอดพรรค์นั้นของคุณ!”
เธอจ้องมองใบหน้าของเขา แล้วปาดน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง นอนหันหลังให้เขา และไม่พูดอะไรอีก
เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ข้างหลังของหญิงสาว แสงจันทร์ทำให้ร่างสูงโปร่งของเขาดูโตขึ้นเหมือนต้นสนสูงที่ตั้งตระหง่าน โดดเดี่ยวและหยิ่งยโส
เบ้าตาของเขาค่อย ๆ เปียกชื้น แม้แต่ม่านตาของเขาก็หดเล็กลง เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนหายใจออกยาว ฝืนกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาเอาไว้
หลังจากผ่านไปหลายวินาที เขาก็หันหลังกลับและเดินไปที่เก้าอี้โยก
เพียงแต่วันนี้ย่างก้าวของเขายากลำบากกว่าเดิมมาก เขาก้าวทีละก้าวไกลออกไปจากเธอ
เมื่อฟังเสียงฝีเท้าของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็กัดริมฝีปากแน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองส่งเสียงสะอื้นออกไป
เธอไม่เคยเปิดเผยความเปราะบางต่อหน้าคนอื่น แม้แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับเสิ่นอี้โจวก็ตาม
แต่ในขณะนี้ ในคืนที่เงียบสงบ เธอกลับอยากจะร้องไห้มากจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าเมื่อคืนเธอหลับไปได้อย่างไร
แต่เมื่อตื่นเช้ามา หญิงสาวกลับตาบวมจนลืมตาแทบไม่ขึ้น
เมื่อมองไปที่เก้าอี้โยกของชายหนุ่ม กลับไม่มีคนอยู่ตรงนั้นแล้ว
เมื่อวานนี้ เธอได้สัญญากับเสิ่นอี้หลินว่าจะทำขาหมูชิ้นใหญ่ให้เขา และยังมีสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เธอต้องไปทำ
หญิงสาวเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วมองดูตนเอง และเธอแทบไม่รู้สึกกลัวคนในกระจกที่เทียบได้กับผีสาวสวยตนหนึ่งเลย
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ความข้องใจและความอึดอัดใจก็แล่นขึ้นมาอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนพูดออกมาอย่างชั่วร้าย “ไอ้ชาติหมาเอ๊ย!”
จากนั้นหญิงสาวก็เดินออกจากบ้านไป
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ยกเว้นเสิ่นอี้หลินที่ยังหลับอยู่นั้น เสิ่นอี้โจวกับหลินตงซิ่วออกไปข้างนอกแล้ว
หญิงสาวได้ยินเสียงคนคุยกันในแปลงสวนหลังบ้าน ก็สันนิษฐานว่าพวกเขาน่าจะอยู่ที่นั่น
เซี่ยชิงหยวนยังคงอึดอัดใจจากเรื่องเมื่อคืน เธอไม่ได้เดินผ่านไปยังที่ที่พวกเขาอยู่
เธอหยิบกะละมังน้ำร้อนมาล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วจึงล้างตัวแล้วค่อยไปเคาะประตูห้องของเสิ่นอี้หลิน
เด็กชายรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว จากนั้นเขาก็เดินสะโหลสะเหลไปเปิดประตูห้อง
เซี่ยชิงหยวนพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ฉันจะไปซื้อขาหมูที่หมู่บ้านเซี่ยปี้ เพื่อทำอาหารกลางวันให้นาย ฝากไปบอกแม่ด้วยนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นอี้หลินก็ตื่นตัวขึ้นมา ทว่ากว่าจะได้เมื่อคืนก็ดึกมากแล้ว อีกทั้งตาของเขาก็ยังลืมไม่ขึ้น จึงตอบกลับอย่างขอไปทีว่า “ครับ ๆ”
ตลาดในหมู่บ้านของพวกเขานั้นมีขนาดเล็กกว่าของหมู่บ้านเซี่ยปี้มาก อีกทั้งตลาดจะเปิดแค่วันที่สาม วันที่หก และวันที่เก้าตามปฏิทินจันทรคติ และวันนี้ก็ตรงกับวันที่หกพอดี
ระหว่างทางไปยังหมู่บ้านเซี่ยปี้ เซี่ยชิงหยวนบังเอิญพบกับเจี่ยต้าฮวาที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เธอเป็นคนในครอบครัวของเจี่ยกุ้ย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดีนัก
เซี่ยชิงหยวนมักจะทักทายเธอเมื่อพบอีกฝ่ายเป็นประจำ ดังนั้นความประทับใจที่เธอมีต่อเซี่ยชิงหยวนจึงไม่เลวนัก
“ชิงหยวน เธอจะไปตลาดเหรอ” เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน เจี่ยต้าฮวาก็ตะโกนเสียงดัง
หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะพี่ต้าฮวา อี้หลินบอกว่าอยากกินขาหมู ฉันเลยจะไปซื้อให้”
เจี่ยต้าฮวาถอนหายใจ “เธอเป็นพี่สาวที่น่ารักจริง ๆ ไปกันเถอะ ฉันจะไปซื้อเนื้อเหมือนกัน เผอิญวันนี้ที่บ้านฉันมีแขกน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอจะทำในภายหลัง จากนั้นจึงค่อยตอบว่า “ตกลงค่ะ”
ตลาดในหมู่บ้านเซี่ยปี้อยู่ติดกับโรงเรียน มันเป็นถนนสายเล็กที่มีความยาวประมาณสามสิบเมตร ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ตั้งแผงลอยขายของอยู่
ตอนนี้ยังไม่มีการทำเกษตรกรรมหรือปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ดังนั้นผักผลไม้และเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่จึงเพาะขึ้นภายในบ้านและนำมาขาย แต่ปริมาณที่นำมาขายนั้นมีไม่มากนัก
แผงขายเนื้อและแผงปลาอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร และถัดไปก็เป็นประตูโรงเรียน
ดวงตาที่เฉียบคมของเซี่ยชิงหยวน มองเห็นขาหมูชิ้นใหญ่ที่แขวนอยู่บนแผงขายหมูอย่างรวดเร็ว
เธอพูดทันทีว่า “อารองจาง ชั่งน้ำหนักเจ้านี่ให้ฉันหน่อยค่ะ”
คนขายเนื้อมาจากหมู่บ้านเซี่ยปี้ แซ่ของเขาคือจาง และเขาเป็นลูกคนที่สอง ดังนั้นทุกคนจังเรียกเขาว่า ‘อารองจาง’
เซี่ยชิงหยวนมาซื้อเนื้อเป็นครั้งคราว ดังนั้นเธอจึงถือว่าคุ้นเคยกับเขาอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อารองจางก็ดีใจมาก “เอาทั้งขาเลยเหรอ ซื้อไปจะกินไม่หมดเอานา แล้วราคาของมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ”
เจี่ยต้าฮวายิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ตอนนี้อี้โจวกลับมาแล้ว และบ้านนั้นก็มีเด็กวัยกำลังโตอยู่คนหนึ่งด้วย ยังไงก็กินหมดค่ะ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น อารองจางก็ส่งขาหมูกลับคืนมา “ดีแล้ว ๆ”
จากนั้นเขาก็พูดต่ออีกว่า “ใช่ อี้โจวที่ส่งเงินกลับมาให้ที่บ้านทุกเดือนรึเปล่า”
เจี่ยต้าฮวากล่าว “ค่ะ เรื่องเมื่อคืนนี้ต้องขอบคุณอี้โจวที่ปรากฏตัว ไม่อย่างนั้น มันคงจะบานปลายมากกว่านี้แน่ ๆ เลย”
ว่ากันว่าการซุบซิบนินทาเป็นธรรมชาติของผู้หญิง แต่ผู้ชายบางคนก็หยุดความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้เช่นกัน อารองจางจึงถามว่า “เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น”
เจี่ยต้าฮวามองไปที่เซี่ยชิงหยวนก่อน และเมื่อเห็นว่ามีรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากของอีกฝ่าย ดังนั้นเธอจึงพูดต่อด้วยความมั่นใจ “คุณไม่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องใหญ่เมื่อคืนนี้หรือ?”
อารองจางขมวดคิ้ว “ตลาดเพิ่งเปิดเอง ฉันจะไปฟังเรื่องนี้ได้จากที่ไหนกัน”
เซี่ยชิงหยวนแค่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร แต่เหลือบมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
เจี่ยต้าฮวาชี้ไปที่โรงเรียนที่อยู่ด้านหลังอารองจางและพูดว่า “ตู้อวิ๋นเซิงถูกจับได้ว่าเป็นชู้กับหวังชุ่ยเฟินเมื่อคืนนี้!”
เสียงของเจี่ยต้าฮวาค่อนข้างดัง แม้ว่าเธอจะพูดเบาลงแล้ว แต่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็ยังได้ยินอยู่ดี
ในหมู่ผู้คน มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและถามทันที “เมื่อกี้คุณกำลังพูดถึงใครนะ?”