กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 236 ร้ายแรงมาก
บทที่ 236 ร้ายแรงมาก
บทที่ 236 ร้ายแรงมาก
เติ้งซูอี้รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน
ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ตะกร้าในมือของเซี่ยชิงหยวน และเธอก็จำข่าวลือในห้องโถงเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวนที่ส่งอาหารให้เสิ่นอี้โจวได้
เธอพ่นลมหายใจ แต่ก็ยังคงก้มหน้ากวาดพื้นต่อ
เหอเส้าหยวนเตือนเธออย่างเข้มงวด ว่าหากมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นอีก เขาจะหย่าขาดจากเธอ
ถ้าถูกหย่าในอายุปูนนี้คงถูกนินทาจนจมน้ำลายคนอื่นตายแน่นอน!
ในทางกลับกัน เหอเส้าหยวนเป็นถึงรองผู้อำนวยการศาลากลางเมืองเตียนเฉิง มีเด็กสาวสวยมากมายพร้อมแย่งกันแต่งงานกับเขาแน่นอน
แต่มันยากเหมือนปีนขึ้นสวรรค์สำหรับเธอที่จะหาผู้ชายที่ไหนมาเหลียวมอง
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน เธอแทบทนไม่ได้แต่ก็ต้องทน เพราะเธอไม่สามารถจ่ายราคาสำหรับการล่วงเกินเซี่ยชิงหยวนอีกได้!
เมื่อเห็นเติ้งซูอี้เป็นเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เลิกคิ้วและไม่พูดอะไร
อีกฝ่ายไม่ยั่วยุ ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนก็คงไม่เสียเวลาด้วย
เซี่ยชิงหยวนไม่พูดอะไรและเดินผ่านเติ้งซูอี้โดยไม่มองอีก
หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนออกจากห้องโถงไปแล้ว เติ้งซูอี้ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่แผ่นหลังเพรียวบางของอีกฝ่าย
“จิ๊! ก็แค่สวยตอนนี้เท่านั้นแหละ ในอนาคตแก่ตัวไปแกก็จะถูกผู้ชายทอดทิ้ง!”
ไม่สิ เสิ่นอี้โจวคนนั้นหลงเซี่ยชิงหยวนคนนี้มาก ผู้หญิงคนไหนที่กล้าสร้างเรื่องให้เซี่ยชิงหยวน เสิ่นอี้โจวจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คนผู้นั้นต้องชดใช้
เมื่อนึกถึงผู้ชายของตัวเองที่กลัวเสิ่นอี้โจวอย่างกับเป็นหนูที่เห็นแมว เติ้งซูอี้ก็รู้สึกไม่มีความสุขอีกครั้ง
พวกนี้เป็นผู้ชายกันหมด ทำไมมันต่างกันขนาดนี้!
…
เซี่ยชิงหยวนเดินกลับไปที่ร้านด้วยความกังวลใจ จากนั้นจึงมองไปที่กระจกบานเล็กที่ผนังสวนหลังบ้าน และพบว่าเสื้อผ้าของเธอแห้งสนิทแล้ว
จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ
หลังจากพักสักครู่ เธอก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นสำหรับเสิ่นอี้โจว
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ เสิ่นอี้โจวมีภาระงานทำให้ไม่สามารถกลับบ้านในยามค่ำคืนได้
เธอบังเอิญจะไปขายเสื้อผ้าที่นั่นพอดี ดังนั้นเลยเอาอาหารไปให้เขาได้ในคราวเดียว
หลินตงซิ่วปิดฝาเตาถ่านให้เธอตอนเที่ยง แต่ถ่านก็ยังไม่ดับทั้งหมด
เซี่ยชิงหยวนเลยเปิดฝาเล็ก ๆ ด้านล่างเตา และใช้ที่คีบเหล็กหนีบก้อนถ่านที่ไหม้จนเป็นสีเทาที่ด้านล่างออก จากนั้นจึงวางถ่านใหม่สองก้อนลงแทนที่
วันนี้เธอจะทำโจ๊กเป็นมื้อเย็น
กลางคืนเธอไม่กล้าทำอาหารมัน ๆ เพราะกลัวเสิ่นอี้โจวหนักท้อง
เธอต้มโจ๊กใส่เก๋ากี้และพุทราแดงก่อน จากนั้นจึงใส่ขิงขูดฝอย และสุดท้าย หลังจากโจ๊กสุก เธอใส่เนื้อปลาลงในหม้อพร้อมโรยด้วยต้นหอม และโจ๊กเนื้อปลาแสนอร่อยก็พร้อมรับประทานแล้ว
เซี่ยชิงหยวนหั่นปลาที่ซื้อมาเป็นชิ้นบาง ๆ ใส่เครื่องปรุงรส และผสมให้เข้ากัน เมื่อถึงเวลาก็ต้มลงในหม้อ
เมื่อเธอกำลังจะออกไป เจียงเพ่ยหลานเรียกหาเซี่ยชิงหยวน “มีบางอย่างที่ฉันลืมถามเธอเลย ในเมื่อต้นทุนราคาผักของเราเพิ่มขึ้นแล้ว ราคาของสลัดเย็นควรเพิ่มขึ้นด้วยไหม?”
ผลกระทบต่อเนื่องที่เกิดจากภัยแล้งเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มาก แม้แต่อาหารประเภทเนื้อก็ยังมีราคาแพงกว่าเดิมมาก
เซี่ยชิงหยวนบ่นพึมพำ “เอาไงดี? ไปติดประกาศที่ประตูเพื่ออธิบายสถานการณ์แล้วกัน ตั้งแต่วันมะรืนนี้ ราคาอาหารในร้านตรอกเก่าก็จะเริ่มเพิ่มขึ้นเช่นกัน อาหารประเภทผักจะขึ้นราคาห้าเฟิน ส่วนเนื้อสัตว์จะเพิ่มขึ้นหนึ่งเหมา”
ก่อนไปกว่างโจว เซี่ยชิงหยวนได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
แต่ในเวลานั้นภัยแล้งไม่รุนแรงนัก และเธอไม่ต้องการขึ้นราคาสลัดเย็นเพียงเพราะราคาผักสูงขึ้น
ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้น
ราคาผักเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและเธอไม่สามารถทำการกุศลต่อไปได้
เมื่อพิจารณาว่าอาหารเย็นในร้านตรอกเก่ามีราคาแพงกว่าอยู่แล้ว เธอก็เลยไม่ได้ขึ้นราคามากเกินไปนัก
ถ้าราคาขึ้นมากอย่างกะทันหัน ทุกคนจะไม่ยอมรับ
ให้เวลาทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจสักสองวัน ขึ้นราคาไม่แรงเกินไป คนทั่วไปก็เข้าใจและยอมรับได้
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจียงเพ่ยหลานก็พยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอมีความคิดนี้เมื่อหลายวันก่อน แต่ในแง่ของการเพิ่มราคานั้นสูงกว่าที่เซี่ยชิงหยวนพูดไว้มาก
เมื่อเธอพูดแบบนั้นมันก็พลันรู้สึกกระดากอายขึ้นมา
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว วิธีการของเซี่ยชิงหยวนนั้นเป็นวิธีแก้ปัญหาระยะยาว และจะไม่ทำให้สูญเสียชื่อเสียงที่สั่งสมมาของร้านตรอกเก่า
ในใจของเธอ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะประทับใจกับความฉลาดของเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนตักโจ๊กใส่ลงในกล่องอาหาร พลางเก็บเสื้อผ้ากับไม้แขวนเสื้อ และพร้อมที่จะไปขายเสื้อผ้ากับอาเซียง
เธอห่อกล่องอาหารด้วยผ้าและปิดให้แน่นเพื่อให้กล่องยังคงอุ่นอยู่
พวกเธอออกจากบ้านเร็วไปเสียหน่อย และตอนนี้เสิ่นอี้โจวก็ยังไม่ได้เลิกงาน
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงเลือกที่จะตั้งแผงขายที่สี่แยก ซึ่งห่างจากศาลากลางหลายร้อยเมตรเสียก่อน
ตำแหน่งนี้เธอสังเกตเมื่อตอนไปที่ศาลากลาง ตรงสี่แยกนี้คนที่ทำงานในหน่วยงานใกล้เคียงจะผ่านที่นี่โดยทั่วไป
สี่แยกนี้ยังเต็มไปด้วยแผงขายของเล็ก ๆ เช่นกัน
พวกที่ขายผักและคนขายเนื้อเป็นเพียงตลาดผักเล็ก ๆ
เซี่ยชิงหยวนพบว่านอกจากพวกเขาแล้วยังมีหญิงสาวขายเสื้อผ้าอยู่ฝั่งตรงข้าม
เสื้อผ้าทั้งหมดของอีกฝ่ายวางอยู่บนพื้น ปูด้วยเสื่อน้ำมันเป็นกองสีแดงและสีเขียว ไม่สามารถเห็นลักษณะเสื้อผ้าได้ชัดเจน
แต่แค่มองโทนสีก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เชยมาก
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเซี่ยชิงหยวนและอาเซียง เธอก็ลุกขึ้นยืนทันทีและเริ่มตะโกน
เมื่อเห็นสิ่งนี้เซี่ยชิงหยวนทำเพียงแค่ส่ายหัวและยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
อาเซียงแขวนเสื้อผ้าต่าง ๆ พลางพูดว่า “คนคนนี้ตลกจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนทำงานในมือต่อไป “อย่ากังวลเกี่ยวกับเธอเลย ทำหน้าที่ของเราไปดีกว่า”
อาเซียงพยักหน้าและตอบกลับ “ค่ะ”
เธอมองไปที่สีหน้าของผู้หญิงฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่คบหาได้ยาก หวังว่าทุกคนจะขายเสื้อผ้าของตัวเองและไม่มีปัญหาใด ๆ ก็แล้วกัน
สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนนำมาขายวันนี้คือเสื้อผ้าผู้หญิงเป็นหลัก ยกเว้นเสื้อผ้าผู้ชายหลายสิบตัวที่ขายไม่หมดในครั้งที่แล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจความจริงว่าในแง่ของธุรกิจเสื้อผ้า ฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็นผู้หญิง
เมื่อลูกค้าหญิงเหล่านี้กลายเป็นลูกค้าประจำ พวกเธอก็จะซื้อเสื้อผ้าผู้ชายของคนในครอบครัวด้วย
หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงแขวนเสื้อผ้าในร้านเสร็จแล้ว ป้าย ‘ผลิตภัณฑ์ฮ่องกง’ ก็ถูกตั้งขึ้น ผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ลืมตะโกนและเอาแต่มองพวกเธอ
อาเซียงมองดูสีหน้าของเซี่ยชิงหยวนอย่างเงียบ ๆ และเห็นว่าพี่สาวของเธอดูเหมือนเทพชรา เธอจึงนั่งลง
ใครจะสน อีกฝ่ายสามารถมากินหัวพวกเธอได้หรือไง?
อาเซียงไม่เชื่อ เสื้อผ้าของอีกฝ่ายไม่สามารถเทียบได้กับที่เธอขายเลย
หลังจากนั้นไม่นาน คนเลิกงานก็มาที่นี่
คนขี่จักรยาน คนเดิน บางคนเดินกันเป็นคู่ บางคนเดินเป็นกลุ่มสามคนดูมีชีวิตชีวามาก
อาเซียงเปล่งเสียงทันทีและเริ่มตะโกน “สินค้าล่าสุดจากฮ่องกงมาดูกันเร็ว! ทุกแบบเป็นแบบใหม่ล่าสุดเลย สามารถเข้ามาดูก่อนได้ ไม่ซื้อไม่เป็นไร!”
คนเหล่านี้ที่เพิ่งเลิกงานก็มักจะซื้อเสื้อผ้าที่สี่แยกนี้ด้วย
เสียงตะโกนของอาเซียงดึงดูดสายตาของผู้หญิงที่เดินอยู่
พวกลูกค้าผู้หญิงไม่แม้แต่จะมองไปที่แผงขายของผู้หญิงฝั่งตรงข้าม อีกทั้งยังเดินตรงเข้ามาหาอาเซียง
เมื่อพวกลูกค้าผู้หญิงเดินเข้ามาที่แผงขายแล้วมองไปที่เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ตรงหน้า พวกเธอไม่พูดคำอื่นใดนอกจาก ‘ว้าว!’
แต่ละคนเอาเสื้อผ้ามาเทียบบนร่างกายและถามเพื่อน “เธอคิดว่าฉันดูดีไหม?”
“เธอช่วยฉันดูหน่อยได้ไหมว่าพอดีรึเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงฉีกยิ้มกว้างที่ด้านข้าง “ถ้าคุณชอบ คุณสามารถลองดูได้นะคะ”
เมื่อคนเลิกงานมากขึ้น แผงขายของเซี่ยชิงหยวนก็ถูกห้อมล้อม
คนที่มาทีหลังไม่สามารถเบียดเสียดได้ เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากคนที่อยู่วงใน พวกเขาก็ทำได้เพียงยืนอยู่รอบนอก และกังวลว่าเสื้อผ้าจะหมดเสียก่อน
เซี่ยชิงหยวนมองดูผู้คนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อลองพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เธอคงไปส่งอาหารให้เสิ่นอี้โจวไม่ได้แล้ว เพราะเธอไม่สามารถละทิ้งที่นี่ไปได้เลยในตอนนี้
เธอเอื้อมมือไปแตะกล่องอาหารที่ห่ออย่างดีบนรถ ตอนนี้มันยังร้อนอยู่ด้วย ดังนั้นเธอจึงรู้สึกโล่งใจ
เธอมองไปในระยะไกล และเห็นฟางเยว่ภรรยาของหนิงเซี่ยวเฉิง
ฟางเยว่มองมาที่ด้านนี้ด้วยรอยยิ้ม และมีผู้หญิงสองสามคนในเครื่องแบบเดียวกับเธอยืนอยู่ข้าง ๆ ดูท่าพวกเธอก็ดูอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
แต่ตอนนี้เบียดเข้ามาไม่ได้สักที ก็เลยจำต้องออกไปรอข้างนอก
ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนก็จำได้ว่าฟางเยว่ดูเหมือนจะทำงานที่นี่เช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนจึงพยักหน้าให้ฟางเยว่เป็นการทักทาย
ฟางเยว่ยิ้มกลับและเดินเข้าหาเซี่ยชิงหยวน โดยมีคนสองสามคนอยู่รอบตัวเธอ
ฟางเยว่ยิ้มกว้าง “คุณช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่ามีอะไรที่เหมาะกับเราบ้าง”
เซี่ยชิงหยวนตกตะลึงไปชั่ววินาทีและแนะนำอีกฝ่ายทันที
ในท้ายที่สุดฟางเยว่เป็นผู้นำในการซื้อไปสี่ตัวและผู้หญิงที่เหลือซื้อไปคนละสองหรือสามตัว
เดิมทีฟางเยว่ต้องการซื้อเพื่อให้กำลังใจเซี่ยชิงหยวน แต่เมื่อมองเห็นเสื้อผ้าที่อยู่ในตรงหน้า เธอก็ไม่สามารถละสายตาจากเสื้อผ้าได้อีกเลย
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนแนะนำกับเธอนั้นเหมาะสมกับตัวเองมาก และดูเหมือนถ้าเธอใส่แล้วจะดูอ่อนกว่าวัยอีกหลายปี
เมื่อจ่ายเงิน ฟางเยว่สังเกตเห็นกล่องอาหารของเซี่ยชิงหยวนบนรถ จึงถามว่า “นี่จะไปส่งอาหารให้ผู้ชายของคุณใช่ไหมคะ?”
ด้วยคนมากมาย เธอเลยไม่ได้เอ่ยชื่อเสิ่นอี้โจว
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ค่ะ เขาท้องไม่ดีฉันเลยทำอาหารให้เขาด้วยตัวเองน่ะ”
ฟางเยว่ยิ้มและพยักหน้า “เขาดูมีความสุขจริง ๆ ค่ะ”’
เธอหยุดชั่วคราว “แต่ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ พวกเขาไปที่เมืองตอนล่างน่ะค่ะ เหล่าหนิงเพิ่งบอกฉันเองก่อนจะออกไป คุณยังไม่รู้ใช่ไหมคะ?”
มือของเซี่ยชิงหยวนหยุดทันที “ลงไปที่เมืองตอนล่างเหรอคะ?”
ด้วยข่าวที่กะทันหันเช่นนี้เธอไม่รู้เลยจริง ๆ
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนไม่รู้อะไรเลย ฟางเยว่ก็เดินเข้าหาและพูดด้วยเสียงเบาว่า “ฉันได้ยินมาว่าเนินเขาด้านล่างเกิดไฟไหม้ และเนินเขาหลายลูกก็ถูกเผาลามติดต่อกันน่ะค่ะ”
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ฟางเยว่ไม่สามารถพูดเสียงดังไปรอบ ๆ ได้
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นรัวทันที “มันร้ายแรงมากเลยเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเซี่ยชิงหยวน ในที่สุดฟางเยว่ก็หลุดปากของเธอ “อื้ม มันร้ายแรงมากเลยค่ะ”
———————