กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 240 ความเป็นแม่
บทที่ 240 ความเป็นแม่
บทที่ 240 ความเป็นแม่
หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของเซี่ยจื่ออี้ ฉู่ซิงอวี่ก็ตกใจและเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพื่อมองไปยังที่มาของเสียง
แต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าการกระทำของเขาเมื่อกี้ไม่ได้ถือว่าหยาบคาย ดังนั้นเขาจึงเอาหัวใจของเขากลับคืนสู่ท้องของเขา*[1]
เขายืนขึ้นและกล่าวทักอย่างอึดอัด “จื่ออี้ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
แม้จะได้ยินและเห็นภาพดังกล่าว แต่เซี่ยจื่ออี้ก็ยังเก็บสีหน้าก่อนหน้าของเธอไว้
มีรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากของเธอ “ฉันได้ยินข่าวจากพ่อของฉันน่ะ ดังนั้นฉันเลยรีบมาทันที”
จากนั้นเธอมองไปทางเซี่ยชิงหยวน “คุณนายเสิ่นสบายดีไหมคะ?”
ในขณะนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงเช่นกัน เธอกลั้นน้ำตาลุกขึ้นยืน
เธอก้มหน้าและเช็ดน้ำตาแล้วตอบอย่างใจเย็น “ค่ะ”
เซี่ยจื่ออี้พูดต่อ “พ่อของฉันติดประชุมที่สำคัญมากอยู่ และเขายังไม่สามารถออกมาได้อีกสักพัก เขาเลยให้ฉันล่วงหน้ามาที่นี่ก่อนน่ะ”
เธอหยุดชั่วคราวแล้วมองไปที่ฉู่ซิงอวี่ “ซิงอวี่ เลขาธิการเสิ่นเป็นอะไรมากไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คิ้วและดวงตาของฉู่ซิงอวี่ก็หนักอึ้งอีกครั้ง
เขามองไปที่เซี่ยชิงหยวนก่อน และเมื่อเห็นเธอหันหน้าหนี เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการคุยเรื่องนี้กับพวกเขาอีกต่อไป
เขาขยิบตาให้เซี่ยจื่ออี้ส่งสัญญาณให้เธอออกไปคุยกับเขาสองคน
เซี่ยชิงหยวนเดินไปที่ประตูห้องตรวจ รอให้หมอและพยาบาลเข็นเสิ่นอี้โจวออกมา
มันเป็นเวลาเพียงสามหรือสองนาทีเท่านั้น และสำหรับเธอแล้ว มันดูเหมือนเป็นความทรมานที่ยาวนานมาก
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เธอได้ตัดสินใจในใจแล้ว
เพียงแค่รอให้หลินตงซิ่วมาบอกด้วยกัน
หลังจากที่ฉู่ซิงอวี่และเซี่ยจื่ออี้ไปพูดกันที่ไกล ๆ จนจบ พวกเขาก็เงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไร
เซี่ยจื่ออี้ถอนหายใจเบา ๆ “น่าเสียดายจริง ๆ เลขาธิการเสิ่นเป็นคนที่ดีเลยนะ”
ฉู่ซิงอวี่ได้ยินเสียงถอนหายใจแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เขาตามมาส่งเสิ่นอี้โจวที่โรงพยาบาล
เขาขมวดคิ้ว “หลังจากนี้อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าภรรยาของเลขาธิการเสิ่นมากเกินไปด้วย ถ้าไม่มีอะไรทำก็กลับไปก่อน”
เซี่ยจื่ออี้อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง “ซิงอวี่ นายกำลังไล่ฉันไปเหรอ?”
ร่องรอยของความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่ซิงอวี่
วันนี้เขาได้ติดตามเสิ่นอี้โจวไปที่แนวหน้าของฝูเถียน กระทั่งตอนที่เสิ่นอี้โจวล้มลง เขาก็ยังยืนอยู่เคียงข้างอีกฝ่ายจนถึงตอนนี้ กล่าวได้ว่าเขาก็เหนื่อยมากเช่นกัน
ฉู่ซิงอวี่นวดขมับตัวเอง “เธอก็น่าจะรู้ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับอาการป่วยของเลขาธิการ และเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้ต่อให้อยู่ที่นี่ก็ตาม ดังนั้นเธอกลับไปก่อนดีกว่า ฉันกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เธออาจจะพูดมากกว่าว่ามันจะทำให้ภรรยาของเลขาธิการเสิ่นรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด สีหน้าของเซี่ยจื่ออี้ก็ดูดีขึ้น
แต่ถึงยังไงเธอก็ยังรู้สึกอึดอัดในหัวใจอยู่ดี
โดยเฉพาะฉากที่เธอเห็นเมื่อกี้นี้ มันเหมือนเข็มแทงเข้าไปในหัวใจ และเธอต้องการที่จะดึงมันออกมาอย่างรวดเร็ว
เธอแค่ยิ้มกลับไป “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ นายก็อย่าทำงานหนักเกินไปล่ะ โทรหาฉันได้ทุกเมื่อหากต้องการเลยนะ”
ทันใดนั้นเธอก็กลายเป็นเซี่ยจื่ออี้ที่อ่อนโยนอีกครั้ง บราวนี่ออนไลน์
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้า “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”
เขาส่งเซี่ยจื่ออี้ไปที่ประตูแผนกโรคระบบทางเดินอาหารแล้วเดินกลับไป
เซี่ยจื่ออี้ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไกลออกไป พลางมองย้อนกลับไป และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธออย่างมีความหมายแฝง
เสี่ยวหลิวไปรับหลินตงซิ่วในตอนเย็น
เมื่อหลินตงซิ่วเห็นเซี่ยชิงหยวน น้ำตาของเธอก็ไหลทันที
เธอดูเหมือนแก่ขึ้นสิบปีในชั่วข้ามวัน
เซี่ยชิงหยวนช่วยพยุงแม่สามีของเธอพร้อมกับร้องไห้ “แม่”
หลินตงซิ่วมองไปรอบๆ “อี้โจวอยู่ที่ไหน?”
เซี่ยชิงหยวนเช็ดน้ำตาของเธอและหันไปด้านข้าง “เขาอยู่ข้างในค่ะ”
หลินตงซิ่วมองไปในทิศทางนั้น
เธอเห็นลูกชายคนโตของเธอ ซึ่งวางใจได้ราวกับภูเขาในอดีตนอนนิ่งอยู่บนเตียง
ลูกชายคนโตของเธอตอนนี้กำลังนอนตาปิดแน่น เขาไม่มีท่าทีเย็นชาและไม่แยแสอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยสายระโยงระยางมากมาย ซึ่งต่อกับเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ เขากลายเป็นดูตัวเล็กไปเลยทั้ง ๆ ที่ความสูงมากกว่า 1.8 เมตร
หลินตงซิ่วเพียงแค่มองไปที่ฉากนั้น หัวใจของเธอก็เจ็บปวดอย่างหนักจนหายใจไม่ออก
หญิงวัยกลางคนอย่างเธอที่ทำงานหนักในชนบทมาตลอดชีวิต ในสายตาของเธอ หลังจากที่สามีเสียชีวิต ลูกชายคือทุกสิ่งสำหรับเธอ
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี เสิ่นอี้โจวกลับต้องมาทนทุกข์ทรมานกับสิ่งนี้
ระหว่างทางเธอเฝ้าภาวนาอ้อนวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยอวยพรให้เสิ่นอี้โจวไม่เป็นอะไร
ตราบใดที่ลูกชายของเธอสามารถฟื้นตัวได้ แม้ว่าจะต้องเอาชีวิตของเธอเข้าแลกตนก็เต็มใจ
เซี่ยชิงหยวนเดินมาหาเธอ พยุงไหล่ที่สั่นเทาของแม่สามีแล้วร้องว่า “แม่คะ”
หลินตงซิ่วจับแขนของเซี่ยชิงหยวนแล้วถามว่า “ชิงหยวน บอกความจริงกับแม่มาสิ หมอพูดว่าอะไรบ้าง?”
เซี่ยชิงหยวนหลั่งน้ำตาไปแล้วตลอดบ่ายก่อนที่หลินตงซิ่วจะมา
และตอนนี้เธอยังคงเจ็บปวดใจอยู่
แต่เธอก็รู้ว่าครอบครัวนี้ต้องมีใครสักคนคอยสนับสนุน
เซี่ยชิงหยวนเช็ดน้ำตา ช่วยพยุงหลินตงซิ่วออกไป และบอกหลินตงซิ่วว่าหมอหมิ่นพูดอะไรบ้าง
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวน สีหน้าของหลินตงซิ่วก็ซีดและเธอก็พูดไม่ออก
ในสายตาของคนรุ่นพวกเธอ เฉพาะผู้ที่ป่วยหนักเท่านั้นที่จะไปโรงพยาบาล และการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้นเป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร ขอแค่ไปโรงพยาบาลก็สามารถรักษาให้หายได้
เมื่อหมอบอกว่ามีโอกาสมากที่เสิ่นอี้โจวจะไม่สามารถลุกจากเตียงผ่าตัดได้…นี่มันร้ายแรงแค่ไหนกัน?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลินตงซิ่วก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว และอดไม่ได้ที่จะร้องไห้
เธอบีบมือของเซี่ยชิงหยวนแน่น และมือที่หยาบกร้านของเซี่ยชิงหยวนก็เจ็บปวดมาก
เธอพูดว่า “ชิงหยวนไม่ว่าลูกจะพูดอะไร แม่จะทำตามมันทั้งหมด”
เมื่อมองไปยังสีหน้าที่สงบของเซี่ยชิงหยวน หลินตงซิ่วก็มองว่าเซี่ยชิงหยวนเป็นดั่งกระดูกสันหลังโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยชิงหยวนจับมือแม่สามีของเธอแทน และพึมพำ “แม่คะ หนูอยากให้อี้โจวผ่าตัดค่ะ”
เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ตลอดทั้งบ่าย
เธอต้องการที่จะต่อสู้ แต่เธอก็กลัวว่าจะไม่สามารถทนต่อผลที่ตามมาได้
ทันใดนั้นเธอก็คิดว่าถ้าตัวเองเป็นเสิ่นอี้โจว เธอจะเลือกอะไร
เมื่อคิดเช่นนี้ คำตอบทั้งหมดก็ชัดเจนในทันที
แม้จะมีโอกาสเพียง 1% เธอก็จะสู้เพื่อมัน
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน หลินตงซิ่วก็ไม่แปลกใจเลย
หลินตงซิ่วพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “ตกลง แม่สนับสนุนการตัดสินใจของลูก”
เธอไร้ประโยชน์และอ่อนแอมาตลอดชีวิต แต่ในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตและความตายของลูกชาย จู่ ๆ เธอก็เข้มแข็งและตัดสินใจได้
การเป็นแม่คือการเป็นคนที่แข็งแกร่ง ซึ่งบางทีนี่อาจเป็นเหตุผล
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินตงซิ่ว เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง
ตามปกติแล้วไม่มีใครเต็มใจที่จะเสี่ยง และเธอก็เตรียมตัวก่อนแล้วที่จะเกลี้ยกล่อมให้หลินตงซิ่วพยักหน้า
ทว่าหลินตงซิ่วตกลงโดยไม่ลังเล
เซี่ยชิงหยวนจับมืออีกฝ่ายอีกครั้ง “แม่คะ ขอบคุณค่ะ”
หลินตงซิ่วพูดว่า “ลูก แม่เสียใจกับลูกจริง ๆ”
แม่สามีและลูกสะใภ้แนบชิดกัน และทำการตัดสินใจที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
ฉากนี้ทำให้ฉู่ซิงอวี่และเสี่ยวหลิวที่อยู่ข้าง ๆ น้ำตาไหลเช่นกัน
ฉู่ซิงอวี่กล่าวว่า “ผมจะไปหาหมอหมิ่นนะครับ”
* เอาหัวใจกลับคืนสู่ท้อง (便把心落回了肚子里) หมายถึง ทำใจให้สบาย ปราศจากวิตกกังวล