กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 246 ความรักระหว่างสองชีวิตที่คุณตามหาจะเป็นจริงในที่สุด
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 246 ความรักระหว่างสองชีวิตที่คุณตามหาจะเป็นจริงในที่สุด
บทที่ 246 ความรักระหว่างสองชีวิตที่คุณตามหาจะเป็นจริงในที่สุด
บทที่ 246 ความรักระหว่างสองชีวิตที่คุณตามหาจะเป็นจริงในที่สุด
เธอพักและเดินต่อ จนกระทั่งเป็นลมและถูกส่งตัวไปรักษาอีกครั้ง เมื่อได้รับการฉีดยาหรือกินยาแล้ว เธอก็ออกเดินทางต่อไป
หลังจากผ่านไปกว่า 20 วัน ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็ไปถึงหน้าวังอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นจุดหมาย
ในบรรดาผู้ที่เดินทางมาแสวงบุญเหมือนกับเธอ มีหลายคนที่ล้มเลิกกลางคันเพราะไม่มีเรี่ยวแรง และบางคนเช่นเธอที่ยืนหยัดด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
แผ่นรองหัวเข่าและข้อศอกที่เธอเตรียมไว้นั้นเสื่อมสภาพหมดแล้ว ผิวหนังและเนื้อบริเวณหัวเข่ากับข้อศอกของเธอเป็นแผลฉีกขาด และกลายเป็นสะเก็ด เดี๋ยวพวกมันก็คงหลุดลอกในวันรุ่งขึ้น
มันมีอาการแดง บวม อักเสบ ซึ่งเธอใช้ยาทาแผลได้แค่ตอนนอนพักเท่านั้น
หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยรอยเปื้อนและคราบเลือด สภาพของมันก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าแขนขาของเธอมากนัก
เธอเป็นหนึ่งในผู้แสวงบุญหลายพันคน และแทบทุกคนก็สภาพไม่ต่างกัน
เธอก้าวขาออกไป ซึ่งตอนนี้ไร้ความรู้สึกไปแล้ว ก้าวเข้าไปภายในห้องโถง
เธอคุกเข่าต่อหน้าพระพุทธรูป พนมมือแล้วโขกหัวลงอีกครั้ง
เมื่อมองดูพระพักตร์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของพระพุทธเจ้า หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
เธอหมอบลงกับพื้น ปล่อยน้ำตาให้ไหลริน
ราวกับว่าในที่สุดคนพเนจรก็ได้กลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง และตอนนี้ทั้งหัวใจของเธอก็ได้รับการปลอบประโลม
เธอยืดตัวขึ้นมองพระพุทธเจ้า และอธิษฐานตามคำสอนของปี่เหลาซาน
“แด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเซี่ยชิงหยวนหญิงสาวผู้ศรัทธา เกิดในปีหนึ่งเก้าหกสองและอาศัยอยู่ที่…”
“ข้าพเจ้าขออธิษฐานต่อหน้าพระองค์ ขอให้พระองค์อำนวยพรให้เสิ่นอี้โจว สามีของข้าพเจ้าปลอดภัยมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ…”
“ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าขอถวายชีวิตทั้งหมดของข้าพเจ้าเองเป็นการแลกเพื่อให้เขาปลอดภัยและประสบความสำเร็จ”
แต่ทันใดนั้นเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนบทพูดของเธอทันทีและพูดใหม่ว่า “ใช้…ใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งของอายุขัยของข้าพเจ้าดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เขาอยู่ต่อได้อีกครึ่งหนึ่ง ข้าพเจ้าอยู่ได้อีกครึ่งหนึ่ง ข้าพเจ้ายังหวังว่าในอนาคตจะสามารถได้อยู่ร่วมเตียงเดียวกันกับเขาและตายในหลุมเดียวกันกับเขาได้”
เมื่อพูดจบ เสียงระฆังก็ดังขึ้นนอกห้องโถง ราวกับว่าเป็นการตอบรับคำอธิษฐานของเธอ
ระหว่างทางไปสักการะ จู่ ๆ หญิงสาวก็เข้าใจถึงความรักของเสิ่นอี้โจวที่มีต่อเธอ
เช่นเดียวกับที่เธอไม่ต้องการอยู่คนเดียวหลังจากการตายของเขา เขาก็เช่นกัน
ไม่ขอให้เกิดปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน วันเดียวกัน แต่ขอตายในปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน วันเดียวกัน เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว
เธอจำได้ว่ามีคู่สามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งในหมู่บ้านซีสุ่ย
ลูกชายคนเดียวของพวกเขาไปที่สนามรบและไม่อาจกลับมาได้อีกเลย ในที่สุดทั้งคู่ก็ประคับประคองชีวิตกันและกัน
ต่อมาชายชราล้มป่วย
ในวันก่อนที่เขาจะจากไป เขาลากร่างที่ป่วยของเขาขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดฟืนทุกวัน และใส่กองฟืนเอาไว้ในห้องเก็บของที่บ้านจนเต็ม
มีคนถามเขาว่าทำไปเพื่ออะไร? เขาตอบว่า “หญิงชราของฉันไม่แข็งแรง ถ้าฉันไม่อยู่แล้วเธอคงไม่สามารถสับฟืนเองได้”
แต่โดยไม่มีใครคาดคิด ท้ายที่สุดหญิงชราก็ตายตามชายชราหลังจากเขาเสียชีวิตเพียงไม่กี่วัน
ฟืนในห้องนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าใจทันทีบราวนี่ออนไลน์
เธอคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเสิ่นอี้โจวจะต้องเหมือนแบบนั้น
ดังนั้นตราบใดที่เธอสามารถอยู่กับเขาได้ต่อ แม้ว่าเธอและเขาจะเหลือชีวิตอีกไม่กี่ปี เธอก็เต็มใจ
เมื่อเซี่ยชิงหยวนยืนขึ้น เธอหน้ามืดไปชั่วครู่ และเกือบจะล้มลงไป
แต่เป็นพระชราที่เอื้อมมือมาช่วยพยุงเธอไว้
พระชรามีเคราสีขาวยาว มองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่นดูใจดีและดูเฉลียวฉลาด
เซี่ยชิงหยวนถอยหลังหนึ่งก้าว และโค้งคำนับให้พระชราทันที
พระชราพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดเป็นภาษาทิเบต “ความรักระหว่างสองชีวิตที่คุณตามหาจะเป็นจริงในที่สุด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซี่ยชิงหยวนก็ขมวดคิ้ว และอยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามพระชราว่าเขาหมายความว่าอย่างไรตามประโยคนี้..
โดยไม่คาดคิด อยู่ ๆ ศิษย์คนหนึ่งก็เข้ามาพยุงพระชราแล้วพาเดินออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้เองก็มีใครบางคนเดินเข้ามาในห้องโถงพอดี ซึ่งขวางไม่ให้เซี่ยชิงหยวนไล่ตามพระชราไป
เซี่ยชิงหยวนทำได้เพียงจากไปด้วยความผิดหวัง
ในตอนกลางคืน เธอโทรกลับไปที่บ้านเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเสิ่นอี้โจว
หลินตงซิ่วกล่าวว่า “แม่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอะไรเลยน่ะ”
หลินตงซิ่วได้ยินเสียงลมหายใจที่ผิดหวังของเซี่ยชิงหยวน และพูดทันที “อย่าท้อแท้ไปเลยนะ บางทีพรุ่งนี้เขาอาจตื่นขึ้นก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น “หนูเข้าใจค่ะแม่ ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูน่าจะกลับไปถึงในอีกสองวัน ช่วงนี้หนูคงต้องขอรบกวนแม่ต่ออีกหน่อยนะคะ”
เสิ่นอี้โจวเป็นโรคร้ายแรงขนาดนี้ จะเป็นไปได้ด้วยเหรอที่เธอมาอธิษฐานแล้วเขาจะหายดีทันทีเลย?
เซี่ยชิงหยวนวางสายแล้วยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง เธอมองดูท้องฟ้ายามราตรีอันเงียบงันที่เหมือนดวงดาวอยู่ต่ำจนสามารถเอื้อมมือไปคว้าได้
เธอพึมพำแผ่วเบา “เสิ่นอี้โจว ไม่ว่าจะไปที่ไหนฉันก็จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป”
เซี่ยชิงหยวนได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย และหลังจากไปหาหมอท้องถิ่นเพื่อทำความสะอาดและพันผ้าพันแผล เธอถึงจะกล้าเดินทางกลับไปที่มณฑลยูนนาน
ตอนไปเหมือนมีภาระหนักกาย แต่กลับมาใจยังหนักอึ้งอยู่
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร เธอเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันด้วยหัวใจที่ปกติ
เธอลากกระเป๋าเดินทาง และก่อนที่เธอจะเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เธอก็ได้ยินเสียงเชียร์จากข้างใน
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกตื่นเต้นมากจนเธออดไม่ได้ที่จะเร่งความเร็วฝีเท้าของตัวเอง
เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง ทุกคนดูสนุกสนานและไม่มีใครสังเกตเห็นเธอเลย
ทุกคนมารวมตัวกันรอบเตียงตรงกลางนั้น รวมทั้งหมอ พยาบาล และอีกสองสามคนที่เธอไม่รู้จัก
เมื่อเดินเข้าไปข้างในมากขึ้น เธอเห็นเสิ่นอี้โจวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าที่อ่อนล้า แต่ดวงตายังคงชัดเจน
หลินตงซิ่วยืนอยู่ข้าง ๆ พลางเช็ดน้ำตา
เซี่ยจื่ออี้เองก็ยิ้มพลางน้ำตาคลอ ดูมีความสุขมาก
เมื่อเห็นว่าดวงตานกฟีนิกซ์ที่เคยปิดอยู่ตลอดของเสิ่นอี้โจวเปิดขึ้นแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็น้ำตาไหลออกมาทันทีเช่นกัน
เขาฟื้นแล้ว!
ในที่สุดเขาก็ฟื้นแล้ว!
เธอปิดปากของตัวเองกลัวว่าตนจะร้องไห้โฮออกมา
แต่น้ำตาของเธอไม่สามารถหยุดไหลได้ ตอนนี้มันไหลไปทั่วใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ราวกับว่ามีญาณวิเศษบอกเขา เสิ่นอี้โจวหันหน้ามองมาที่เธอ
ใบหน้าที่ดูไร้อารมณ์ในตอนแรก วินาทีต่อมาเมื่อเขาเห็นเธอ มันเหมือนกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่ผลิบาน
เขายื่นมือออกไปหาเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปาก “ชิงหยวน!”
ตามเสียงตะโกนของเสิ่นอี้โจว สายตาของทุกคนก็มองตามทิศทางนั้น และมองไปที่เซี่ยชิงหยวน
เธอสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแต่ขาดวิ่น ใบหน้าของเธอดำและเหลือง ผิวหนังที่ลอกออกมีสีแดงและบวม และมีบาดแผลที่หน้าผากของเธอด้วย
ในขณะที่ทุกคนยังมองไม่ออกว่าเธอเป็นใคร
แต่หลินตงซิ่วไม่ใช่ เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน เธอก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น “ชิงหยวน!”
เซี่ยชิงหยวนเดินไปโดยไม่สนใจสายตาของผู้คน เธอยืนอยู่หน้าเสิ่นอี้โจวพลางสะอื้นและพูดว่า “ทำไมคุณถึงเพิ่งตื่นเอาตอนนี้ล่ะ”
เธอบ่นพึมพำอยู่ในใจ แต่ในอกกลับเต็มไปด้วยความสุขล้นออกมาเต็มหน้า เธอร้องไห้สลับหัวเราะอยู่พักหนึ่ง
เสิ่นอี้โจวจับมือที่หยาบกร้านของภรรยา และดวงตาของเขากลายเป็นสีแดง “ผมขอโทษ ผมขอโทษ”
หลังจากตื่นขึ้น เขาได้รู้จากหลินตงซิ่วว่าเซี่ยชิงหยวนได้ไปแสวงบุญที่ทิเบต
ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เจ็บปวด
หญิงสาวผู้บอบบางที่เขากำลังจับมืออยู่ในขณะนี้ยอมไปยังทิเบตที่ยากลำบากเพื่อเขา และเธอเดินไปตามเส้นทางที่แสนจะทุกข์ทน ซึ่งเขาเคยเผชิญมาก่อน
เขาเป็นผู้ชายตัวโตแข็งแรง แต่เขาแทบจะทนไม่ได้นับประสากับเธอที่บอบบาง?
เมื่อนึกถึงความทรมานที่เธอได้รับ เขารู้สึกเหมือนมีมีดปลายแหลมกรีดหัวใจของตน
เมื่อเห็นเธอกลับมาตอนนี้ หญิงสาวดูซีดเซียวจนเขาแทบจะจำเธอไม่ได้
ทันทีที่คำพูดออกจากปาก เสิ่นอี้โจวก็น้ำตาร่วงหล่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยชิงหยวนเห็นเสิ่นอี้โจวร้องไห้
ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ หญิงสาวก็ถูกเขาดึงไปกอดในอ้อมแขนแน่น
โดยไม่คำนึงถึงสิ่งสกปรกบนร่างกายของเธอ เขากอดเธอแน่นมาก
ฉากนี้ทำเอาหลายคนที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม
พยาบาลที่อยู่ข้าง ๆ มองทั้งสองคนอย่างงงงวย
พวกเธอมาทีหลังและยังไม่เคยเห็นเซี่ยชิงหยวน
ก่อนหน้านี้พวกเธอเห็นแค่เซี่ยจื่ออี้ที่มาเยี่ยมเป็นระยะ ๆ จนพวกเธอคิดว่าเซี่ยจื่ออี้เป็นภรรยาของเสิ่นอี้โจว
ปรากฏว่าคุณนายเสิ่นคือผู้หญิงคนนี้เหรอ?
———————