กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 248 คุยเรื่องเกิดใหม่
บทที่ 248 คุยเรื่องเกิดใหม่
บทที่ 248 คุยเรื่องเกิดใหม่
ดวงตาที่สวยงามของเซี่ยชิงหยวนเบิกกว้างทันที “คุณได้ยินเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ผมได้ยินว่าคุณบอกพระพุทธเจ้าว่าคุณจะให้ชีวิตของคุณแก่ผมครึ่งหนึ่ง และคุณยังบอกว่าคุณจะอยู่และตายไปกับผม”
เซี่ยชิงหยวนเขานั่งลงโดยตรงทันที “คุณรู้เรื่องทั้งหมดได้ยังไงน่ะ?”
เธอรู้สึกว่ากำลังคุยกับเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับบางสิ่งที่ลึกลับมาก
เสิ่นอี้โจวเล่าว่า “เหมือนอยู่ในความฝัน ผมฝันถึงหลายสิ่งหลายอย่างในอดีต ในความฝันผมมีปีกคู่หนึ่งด้วย มองเห็นคุณและผู้คนมากมายเดินไปตามเส้นทางแสวงบุญในดินแดนอันกว้างใหญ่ของทิเบต ผมยังเห็นคุณตั้งจิตอธิษฐานอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าด้วยนะ”
จนกระทั่งตื่นขึ้น จึงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน
เขาฝันว่าเซี่ยชิงหยวนเดินไปตามเส้นทางที่เขาเคยเดิน
แต่ไม่คาดคิดเลยเมื่อเขาตื่นขึ้นมาไม่นาน หลินตงซิ่วก็บอกเขาว่าเซี่ยชิงหยวนเดินทางไปแสวงบุญที่ทิเบตจริง ๆ
จากนั้นเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน
มันเป็นวิญญาณของเขาที่บินไปอยู่ข้าง ๆ ของคนที่เขารัก
ก่อนหน้านั้นเขาเดินอยู่ในความมืดมิด
มีคนบอกให้เขาเดินลึกเข้าไป แต่ในขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าสู่ความมืดสุดลึกลับ เขาก็ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญแห่งทิศตะวันตก
พอมองย้อนกลับไปมันก็เต็มไปด้วยแสงสว่างแล้ว
เซี่ยชิงหยวนอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ
ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลลงมา
เป็นไปได้ไหมว่าพระพุทธเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของเธอจริง ๆ?
เธอรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงโผเข้ากอดเสิ่นอี้โจวทันที
“โชคดีที่ฉันไปจริง ๆ ไม่งั้นฉันคงเสียคุณไปแล้ว”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอกลับเช่นกัน “ขอบคุณที่ให้ผมอยู่เคียงข้างคุณนะ”
หลังจากประสบกับช่วงเวลาที่ผ่าน พวกเขาต่างรู้สึกถึงความสำคัญต่อกันมากขึ้น
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเสิ่นอี้โจว ดวงตาของเธอดูจริงจัง “ครั้งนี้ฉันไปทิเบต ฉันพูดกับตัวเองว่า ถ้าฉันสามารถรอดกลับได้ และถ้าคุณตื่น ฉันจะบอกคุณเกี่ยวกับความลับของฉัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวยังคงสงบและเลิกคิ้ว “คุณยังมีความลับที่ผมไม่รู้อีกเหรอ?”
ในวังโปตาลา เซี่ยชิงหยวนจำสิ่งที่พระชราพูดได้เสมอ
เธอรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก
ความรักของสองชาติที่เขากล่าวถึง เธอสามารถเข้าใจได้ว่าสองชาตินั้นคือการได้อยู่กับเสิ่นอี้โจว ซึ่งเธอยังไม่สมหวังตามปรารถนาเสียที
ด้วยความทรงจำในชาติที่แล้วเป็นของเธอ หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะถามเสิ่นอี้โจว เขาเองก็เคยขอพระพุทธเจ้าในชาติที่แล้วว่าให้พวกเขาสานต่อความสัมพันธ์ในชาติหน้าได้ใช่ไหม?
ทันใดนั้น เธอก็จำทัศนคติที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงของเสิ่นอี้โจวที่มีต่อเธอในชีวิตนี้ได้ และคำพูดที่เธอกำลังจะสารภาพก็กลับก้องอยู่ในลำคอ
เธอดูเหมือนจะค้นพบความลับที่น่าตกใจบราวนี่ออนไลน์
เธอระงับความตื่นเต้นในอกแล้วถามเขาว่า “เมื่อฉันอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า มีพระชราบอกฉันว่าฉันหลงรักคุณมาสองชาติแล้ว ในที่สุดความปรารถนาของฉันก็จะเป็นจริง”
เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา “จากคำพูดของพระชรารูปนั้น ฉันและคุณน่าจะอยู่ในชีวิตที่สองของเราแล้ว และเรายังคงมีความปรารถนาเช่นเดิม คุณบอกฉันที เขาหมายความว่ายังไงกันแน่?”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวแข็งค้าง จากนั้นเขาก็ยิ้ม
แทนที่จะตอบ เขากลับถามว่า “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
เธอยืดตัวขึ้นจากอ้อมแขนของเขา “เสิ่นอี้โจว นี่คุณเคยได้ยินเรื่องความรักสองชีวิตเหมือนที่พระชราคนนั้นพูดด้วยเหรอ?”
หลังจากพูดจบก็เธอเงียบไปครู่หนึ่ง
ทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเซี่ยชิงหยวนคิดว่าเสิ่นอี้โจวจะหัวเราะกับเรื่องไร้สาระของเธอ เขาก็จับมือเธอแล้วยิ้ม “ใช่ เมื่อชาติที่แล้วตั้งแต่คุณจากผมไป ผมไปอธิษฐานอยู่สิบปีเต็มเพื่อให้คุณกลับมาหาผมอีกครั้ง”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธออดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
ไม่เพียงตกใจกับการเกิดใหม่ แต่ยังตกใจกับสิบปีที่เขาพูดด้วย
รูขุมขนทั่วร่างกายของเธอพลันลุกขึ้น “คุณไปแสวงบุญที่ลาซาเหมือนกันเหรอ?”
คิ้วและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก และเขาวางมือของเธอไว้ข้างแก้มของตนเอง “เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือในที่สุดเราก็อยู่ด้วยกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากพูดจบ เขาก็จูบลงบนมือของเธอราวกับสารภาพอย่างเงียบ ๆ
ในวินาทีต่อมา เขาประสานนิ้วกับเธอ “ผมเคยคิดที่จะปล่อยคุณไปนับครั้งไม่ถ้วน ตอนที่ผมล้มลง ผมคิดว่าถ้าปล่อยคุณไปคุณจะอยู่คนเดียวยังไง แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวอีกแล้ว ถึงคุณจะไม่ต้องการ ผมก็จะไม่ปล่อยคุณไป”
หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงเธอเข้ามากอดและจูบ
สีหน้าตกใจของเซี่ยชิงหยวนยังไม่จางหายไป และดวงตาของเธอยังคงเบิกกว้าง
แต่เธอยังจำได้ว่าเขาเพิ่งผ่านการผ่าตัดมา และเธอไม่กล้าดิ้นขัดขืน
ริมฝีปากที่แตกของเธอยังไม่หายสนิท และเมื่อเขาใช้ปลายลิ้นชิมไล้บนริมฝีปากของเธอ ความเจ็บปวดก็พลันระเบิดออกมาอีกครั้ง
แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้จิตใจของเธอปลอดโปร่งเช่นกัน หญิงสาววางมือบนไหล่ของเขา และผลักออกจากกันชั่วครู่
ลมหายใจของเธอไม่คงที่ “คุณยังไม่ได้ … ยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเกิดอะไรขึ้น และฉันก็ยังไม่ได้บอกความลับของฉันเลย”
เสิ่นอี้โจวขบกัดมุมปากของเธอเบา ๆ “คุณอยู่ข้างหน้าผมแล้ว คุณจะมีความลับกับผมได้ยังไง หรือคุณยังต้องการคุยกับผมเรื่องที่คุณเกิดใหม่ได้ยังไงงั้นเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนลิ้นของเธอกำลังจะพันกัน
ชายหนุ่มที่ยังไม่หายดีใช้ประโยชน์จากการเผลอเปิดปากของเธอ เสิ่นอี้โจวรีบสอดลิ้นเข้าไปอย่างว่องไว
สมองของเซี่ยชิงหยวนพลันเกิดสับสนมากในขณะนี้
เสิ่นอี้โจวหมายถึงอะไรในคำพูดของเขา ไม่เพียงแต่เขาเกิดใหม่เท่านั้น แต่เขายังรู้ว่าเธอเกิดใหม่ด้วย?
ความคิดยุ่งเหยิงเต็มหัวของเธอ ในที่สุดเธอก็ทนไม่ได้และผละออกจากอ้อมแขนของเขา
เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว รักษาระยะห่างจากเขามากกว่าหนึ่งเมตร “ฉันคิดว่าคุณต้องอธิบายนะ”
เขาได้เห็นแล้วผ่านความจริงที่เธอพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนและยังคงเก็บเป็นความลับ
นี่มันคืออะไร?
เพื่อแกล้งเธองั้นเหรอ?
ถ้าเธอไม่เห็นว่าเขายังคงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล และความรักระหว่างสองชาติที่พระชราบอกว่าเธอปรารถนา เธอคงเขวี้ยงรองเท้าใส่เขาไปแล้ว
เธอโกรธ แต่เสิ่นอี้โจวดูไม่เดือดร้อนเลย
เขาเอนหลังเลือกตำแหน่งที่สบาย พลางมองเธออย่างสบาย ๆ “ผมจะบอกคุณในสิ่งที่คุณต้องการจะฟัง”
ขณะที่เขาพูด เขาเอื้อมมือหมายตั้งใจจะดึงเธอมานั่งลง
เซี่ยชิงหยวนตีมือของเขาออกและพูดอย่างเคร่งขรึม “อย่าเพิ่งมาล้อเล่นกับฉันนะ บอกฉันก่อน คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเกิดใหม่”
เสิ่นอี้โจวเหลือบมองมือตัวเองที่ถูกตี แต่หลังมือไม่แดง และพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างแรก นับประสาอะไรกับการทำอาหาร แค่คุณไม่ทำครัวไหม้เมื่อเข้าไปในครัวก็ถือว่าโชคดีแล้ว ดูตอนนี้สิ คุณสามารถทำอาหารจัดเลี้ยงเต็มรูปแบบได้ และมันก็ไม่เลวเลย”
“ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารของมณฑลตะวันตกและทางใต้เป็นพิเศษ ซึ่งทั้งสองที่นั้นคุณไม่เคยไปมาก่อนตั้งแต่เกิด”
“อย่างที่สอง คุณเคยหน้าซีดด้วยความตกใจเมื่อเห็นแมลง แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่คุณพาอี้หลินต่อสู้กับแมลงทั้งวัน แต่คุณยังฆ่าไก่และปลาโดยไม่กะพริบตาอีก”
“ประการที่สาม คุณไม่เพียงแต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างและเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังสามารถพูดภาษากวางตุ้งได้อีกด้วย…”
“พอแล้ว” เซี่ยชิงหยวนขัดจังหวะเขาเสียงดัง
เธอจ้องไปที่เขาทั้งหงุดหงิดและรำคาญ “คนเลว ในเมื่อรู้แล้ว ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนหน้านี้”
เสิ่นอี้โจวมองเธอด้วยท่าทางขบขัน “ผมแค่สงสัยแต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดและสำหรับผม มันไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นเซี่ยชิงหยวนของชาตินี้หรือเซี่ยชิงหยวนของชาติที่แล้ว ผมแค่ต้องรู้ว่าคุณก็รักผมเช่นกัน และนั่นก็เพียงพอแล้ว”
ในตอนเริ่มต้น เขาคิดว่าเธอไม่ใช่เธออีกต่อไป
เซี่ยชิงหยวนยังคงจ้องที่เขา “ฉันไม่ได้รักคุณ”
เสิ่นอี้โจวหัวเราะและเกลี้ยกล่อมต่อไป “ตกลง คุณไม่จำเป็นต้องรักผมก็ได้ แค่ให้ผมรักคุณก็พอ”
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนต้องการถามเสิ่นอี้โจวว่าทำไมเขาถึงไม่บอกตัวเธอว่าเขาเกิดใหม่อีกครั้ง
แต่เมื่อเธอคิดว่าตัวเธอเองก็ไม่บอกเขาทันทีเช่นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงคลายปมนี้ในใจ
แต่สิบปีที่เขาไปแสวงบุญอย่างทุกข์ทรมานเฝ้าอธิษฐานให้เธอกลับมา มันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกประหนึ่งมีมีดกรีด
เพราะเธอเข้าใจความทนทุกข์ทรมานของเขาแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเป็นทุกข์และหวงแหนเขามากขึ้นอีก
———————