กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 249 ตาเฒ่าตัวเหม็น
บทที่ 249 ตาเฒ่าตัวเหม็น
บทที่ 249 ตาเฒ่าตัวเหม็น
ทั้งคู่กอดกันและคุยกันสักพัก จากนั้นหลินตงซิ่วก็เข้ามา
ดวงตาของเธอแดงก่ำ และเมื่อเห็นลูกสะใภ้ผู้บอบบางของเธอกลายเป็นสภาพเหมือนหญิงชราเช่นนี้ แม่สามีอย่างเธอก็รู้สึกเป็นทุกข์มากทันที “โธ่ลูก ลูกคงทนทุกข์มามากสินะ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “แม่คะ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ”
เสิ่นอี้โจวตื่นขึ้นได้คือสิ่งที่สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว
เสิ่นอี้โจวก็น้ำตาไหลเช่นกัน
เขาจับมือผู้หญิงสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา และพูดด้วยเสียงสะอื้น
“ทั้งสองคนเหนื่อยเพราะผมมากเหลือเกิน แต่หลังจากนี้เราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันและยิ้ม ไม่มีใครพูดอะไรอีก
หลังจากเวลานี้ บางสิ่งที่ไม่สามารถพูดได้ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะหายไปแล้ว
เมื่อหมอหมิ่นมาตรวจอีกครั้งในบ่ายวันนั้น เขาดูข้อมูลการตรวจล่าสุดของเสิ่นอี้โจวพลางพยักหน้าและพูดว่า “ร่างกายในตอนนี้ คุณสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ภายในเวลาไม่เกินสองวันนะครับ”
แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้เซี่ยชิงหยวนเป็นกังวล
เธอพูดว่า “แต่หมอหมิ่นคะ อี้โจวเพิ่งตื่นวันนี้เองนะคะ”
ยิ่งกว่านั้น เขายังดูอ่อนแอมากด้วย
หมอหมิ่นยิ้มและพูดว่า “คนไข้คนอื่น ๆ อยากจะออกจากโรงพยาบาลทันที แต่คุณยังต้องการให้เขาอยู่ต่ออีกหลาย ๆ วันเหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการออกจากโรงพยาบาล ถ้าคุณขอให้เขาลุกจากเตียงแล้ววิ่งไปหา ผมเกรงว่าเขาก็ทำได้นะ”
หลังจากการผ่าตัดของเสิ่นอี้โจว โอกาสรอดของเขานั้นต่ำมากและหมอหมิ่นคิดอยู่พักหนึ่งว่าเสิ่นอี้โจวจะไม่สามารถตื่นขึ้นได้
แต่ความมุ่งมั่นในการเอาชีวิตรอดของเสิ่นอี้โจวนั้นแข็งแกร่งมาก และจังหวะการเต้นของหัวใจของชายหนุ่มก็ยังเต้นต่อไปเรื่อย ๆ
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เซี่ยชิงหยวนออกไปได้ระยะหนึ่ง ร่างกายของเสิ่นอี้โจวก็ค่อย ๆ แสดงสัญญาณของการฟื้นตัว และทุกอย่างก็ค่อย ๆ ดีขึ้น
จนกระทั่งเช้าวันนี้ก็ตื่นขึ้นจริง ๆ
ในโรงพยาบาล หมอหมิ่นเคยชินกับการเห็นชีวิตและความตายปรากฏการณ์เช่นนี้ ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก
เขาต้องถอนหายใจ บางทีนี่อาจเป็นพลังแห่งความรัก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไป
แต่พอมองดูสีหน้าของหมอหมิ่นก็เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงแค่ล้อเล่น
หมอหมิ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดกับเสิ่นอี้โจว “ผมไม่ได้พูดอย่างไร้เหตุผลนะ แผลผ่าตัดของคุณดีขึ้นแล้ว คุณควรลุกจากเตียงไปเดินเล่นสักหน่อยถ้าไม่มีอะไรทำ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย”
คนไข้บางคนนอนบนเตียงนานเกินไป และเมื่อจู่ ๆ ต้องลุกจากเตียงกลับเหมือนลืมวิธีเดินโดยสิ้นเชิง
สีหน้าที่ผิดธรรมชาติปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจว
เขาดึงผ้านวมคลุมแล้วตอบเสียงเบา “ครับ ขอบคุณครับหมอหมิ่น”
ทันทีที่หมอหมิ่นออกไป เซี่ยชิงหยวนก็เอื้อมมือไปดึงหูของเขา “ตอนนี้คุณฟื้นแล้วใช่ไหม? คุณเดินได้ คุณเต้นได้ ทำไมคุณยังแสร้งทำเป็นอ่อนแออีกหะ?”
เสิ่นอี้โจวปิดหูและร้องขอความเมตตา “ภรรยาจ๋า ผมผิดไปแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนจ้องที่เขาเขม็ง “ก่อนหน้านี้คุณก็ทำตัวไม่ดีปิดบังเรื่องสำคัญ แถมวันนี้คุณยังโกหกฉันอีก คุณนี่มันเป็นนักเลงหัวไม้จริง ๆ!”
หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนกลับมา เธอก็ขอให้หลินตงซิ่วไปพักผ่อนก่อน และเธอจะดูแลเสิ่นอี้โจวด้วยตัวเองที่เตียงคนไข้
ในความเป็นจริงทั้งสองกอดกันและพูดคุยเกี่ยวกับการบ้านต่างหาก…
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อหลินตงซิ่วออกไป เสิ่นอี้โจวก็ขอให้เซี่ยชิงหยวนช่วยเขาไปห้องน้ำ และโดยไม่ต้องพูดถึง เขาขอให้เธอดึงกางเกงของเขาด้วย
ก่อนที่เธอจะทันได้ปฏิเสธ เขาเอนร่างครึ่งหนึ่งของเขาซบบนร่างของเธอแล้ว และพูดอย่างอ่อนแรง “พอยืนนานๆ แบบนี้ ผมรู้สึกเวียนหัวจัง”
เซี่ยชิงหยวนจึงต้องถอดกางเกงของเขาออกให้อย่างช่วยไม่ได้
แต่มันยังไม่จบ
เขาพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ใส่มันให้ผมทีสิ ไม่งั้นผมจะใส่เองได้ยังไง?”
เซี่ยชิงหยวนหน้าแดงไปถึงคอของเธอทันที
โดยไม่คาดคิด เขายังคงแสร้งทำตัวน่าสงสาร “มือของผมเจ็บและอ่อนแรงมาก ผมไม่มีแรงแล้ววว”
เซี่ยชิงหยวนทำได้เพียงจ้องไปที่ชุดโรงพยาบาลสีน้ำเงินและสีขาวที่หน้าอกของเขาพลางปลดกระดุมให้ แต่เธอไม่ได้ควบคุมพละกำลังของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้เขาก็ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ออกมา
ลมหายใจร้อนชื้นรดที่คอและไหล่ของเธอ และก็ได้ยินเสียงที่ดูท่าแล้วกำลังยิ้มกริ่มอยู่ “ภรรยาจ๋า ผมยังไม่หายดีเลย แต่ผมจะทำให้คุณพอใจเมื่อเรากลับไปที่เตียนเฉิงแน่นอน อดทนกับมันหน่อยนะ”
เซี่ยชิงหยวนเกือบจะวิ่งหนีไปแล้วในตอนนี้
เมื่อคิดถึงสัมผัสที่มือของเขาในตอนนั้น เจ้าคนบ้านี่กล้าโกหกเธอเชียวนะ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอายและหงุดหงิดขึ้นมา
เธอบิดหูของเขาทันที มองเขาอย่างแข็งกร้าวและยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไร
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจว เขายื่นมือไปจับมือของเธอ “ผมจะปล่อยให้คุณลวนลามผมไปแล้วกัน เพราะงั้นยกโทษให้ผมด้วยนะ ตกลงไหม?”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ ความร้อนอีกระลอกหนึ่งก็พุ่งไปที่หน้าของเธอ “ฉันไม่ได้ลวนลามสักหน่อย ฉันกำลังช่วยคุณอยู่นะ!”
รอยยิ้มที่มุมปากของเสิ่นอี้โจวลึกขึ้น “ใช่ คุณไม่ได้แตะต้องหรือลวนลามเลย”
เขาดึงเธอมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้นบนใบหน้า “คุณก็แค่ทำมันอยู่เสมอเอง จริงไหม?”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอชี้นิ้วไปที่ไหล่ของเขาก่อนจะผลักเขาออกไป “ไอ้คนตัวเหม็น!”
เมื่อจำได้ว่าเขาเกิดใหม่ และมีอายุยืนกว่าตัวเองไม่กี่ปี เธอก็สาปแช่งขึ้นมา “ตาเฒ่า!”
เสิ่นอี้โจวมองไปที่เซี่ยชิงหยวนที่หนีไปและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ที่ตำแหน่งท้อง สำหรับเขาแล้วการยอมควักท้องส่วนเล็ก ๆ ของเขาเพื่อแลกกับการอยู่พร้อมหน้าเธอถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเขา
เนื่องจากเขากำลังจะกลับไปเตียนเฉิงในอีกสองวัน
เซี่ยชิงหยวนจึงแวะไปหาหมอฮวงเพื่อพูดคุย เธอไม่ได้ทำตามวิธีที่คุณหมอฮวงพูดมาหนึ่งเดือนแล้ว และเธอก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงหรือเปล่า
เสิ่นอี้โจวดึงเธอไว้ “คุณไม่ต้องการให้ผมไปกับคุณจริง ๆ เหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะไม่เจอใครนะ แบบนั้นจะยิ่งทำให้อธิบายยากเข้าไปอีก”
ทุกครั้งที่เธอไปหาหมอฮวง การวินิจฉัยและการรักษา ทั้งสองขั้นตอนใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง
มันใช้เวลานาน ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้เสิ่นอี้โจวไปรออยู่ข้าง ๆ
เมื่อเซี่ยชิงหยวนไปหาหมอฮวง หมอฮวงเงยหน้าขึ้นจากเวชระเบียน เหลือบมองเธอและลุกขึ้นยืนทันที
เธอปิดประตูและถามว่า “นี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? สามีคุณทุบตีคุณหรือเปล่า?”
บาดแผลของเซี่ยชิงหยวนถูกรักษาใหม่ที่โรงพยาบาลและพันผ้าพันแผลใหม่
เป็นเพียงว่าในระหว่างการแสวงบุญใบหน้าของเธอโทรมมาก นอกจากนี้ผิวของเธอตอนนี้ยังเป็นสีดำคล้ำและสีเหลืองซีด รูปร่างของเธอก็ผอมด้วย ทำให้ดูเหมือนถูกทำร้ายและเฆี่ยนตีมากจริงๆ นั่นแหละ
หมอฮวงเคยพบกับเสิ่นอี้โจวเมื่อเขามาโรงพยาบาลครั้งแรก
ในเวลานั้นเธอยังคร่ำครวญอยู่เลยว่าที่ผู้หญิงสะสวยแบบนี้มีพรสวรรค์มากจริง ๆ เป็นภรรยาที่ยิ่งใหญ่อยู่เหนือสามีแบบนั้น
แต่เธอพลาดแล้วจริง ๆ!
เมื่อเห็นใบหน้ากังวลของหมอฮวง หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็อบอุ่นขึ้นมา
หญิงสาวส่ายหัว “หมอฮวง ฉันสบายดีค่ะ สามัของฉันไม่ได้ทุบตีหรือข่มเหงฉันหรอกค่ะ”
เธอพูดสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งทำให้หมอฮวงถอนหายใจ
หมอฮวงตบมือของเซี่ยชิงหยวนอย่างให้กำลังใจ “เด็กดี ในที่สุดมันก็จบลงแล้วนะ”
เธอต้องบอกว่าเซี่ยชิงหยวนมีปัญหามากมายจริง ๆ
เธอพูดต่อ “ยกมือขึ้นนะ แล้วฉันจะตรวจคุณให้อย่างละเอียดเอง คุณเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมา และฉันไม่รู้ว่ามันเป็นส่งผลกระทบทางร่างกายขนาดไหน”
ขณะที่เธอพูด หมอฮวงก็รู้สึกว่าชีพจรของเซี่ยชิงหยวนปั่นป่วน
ทันใดนั้นเธอก็หยุดพูดไป
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกประหม่าอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของหมอฮวง และขมวดคิ้ว
เธอถามว่า “หมอฮวง ฉันเป็นอะไรไปเหรอคะ?”