กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 250 ใครไม่รู้บ้างว่าผมรักคุณ
บทที่ 250 ใครไม่รู้บ้างว่าผมรักคุณ
บทที่ 250 ใครไม่รู้บ้างว่าผมรักคุณ
หมอฮวงขมวดคิ้วมากขึ้น “ช่วงนี้คุณกินอะไรที่แตกต่างจากปกติหรือเปล่าคะ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ถ้าต่างจากเดิม อาจเป็นเพราะฉันกินยาแก้อาการแพ้ที่สูง และหมอที่นั่นก็ใช้ยาสมุนไพรในท้องถิ่นของพวกเขาให้ฉันน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอฮวงก็ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “มันผิดหลักวิทยาศาสตร์ไปหน่อย”
เธอปล่อยข้อมือของเซี่ยชิงหยวน “ตอนคุณไปแสวงบุญ คุณเดินและทำท่ายังไง ช่วยทำให้ฉันดูอีกทีได้ไหมคะ?”
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมอฮวง แต่เธอก็ทำตาม
หมอฮวงสังเกตการเคลื่อนไหวของเซี่ยชิงหยวนอย่างระมัดระวัง ลดศีรษะลง และเขียนแผ่นกระดาษสองสามแผ่น “ฉันจะขอตรวจอย่างละเอียดก่อนนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนอยู่ในความงุนงงจนกระทั่งเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องตรวจ
เมื่อเครื่องมือแสนเย็นเฉียบเข้าไปในร่างกาย เธอก็เผลอเกร็งตัวโดยไม่รู้ตัว
ความเจ็บปวดในความทรงจำของเธอไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว ยกเว้นความรู้สึกไม่สบายและความเจ็บปวดในตอนนี้ ซึ่งทั้งหมดเธอยังอดทนมันได้อยู่
หลังจากการตรวจเสร็จสิ้น หมอฮวงก็ถือรายการตรวจด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดกับเธอว่า “มาดูสิคะ”
เซี่ยชิงหยวนเดินไป
เธอไม่เข้าใจคำศัพท์ทางเทคนิคบางคำด้านบน ดังนั้นเธอจึงลงมองดูที่คำวินิจฉัยโรคของแพทย์
มันอ่านว่า : ท่อนำไข่ด้านซ้ายอุดตันเล็กน้อย และท่อนำไข่ด้านขวาขรุขระเล็กน้อย
คำเหล่านี้อยู่ห่างจากรายงานการวินิจฉัยเดิมเพียงไม่กี่คำ แต่เธอตระหนักว่าความหมายเบื้องหลังคำเหล่านี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เซี่ยชิงหยวนควบคุมน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นในดวงตาของเธอ เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณหมอฮวง นี่มันอะไรคะ?”
หมอฮวงยิ้มและพูดว่า “อาการของคุณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย! แม้ว่าท่อนำไข่ด้านซ้ายจะยังคงอุดตันอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากการรักษาไประยะหนึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาแล้วค่ะ”
“และท่อนำไข่ข้างขวาของคุณดีขึ้นกว่าเดิมมาก ถ้าคุณและสามีของคุณการบ้านกันมากกว่านี้ บางทีคุณอาจจะท้องก็ได้นะคะ!”
ท้ายประโยคหมอฮวงก็เร่งเสียงขึ้น
สิ่งที่เธอมีความสุขมากที่สุดในการรักษา คือการได้เห็นผู้ป่วยสามารถมีบุตรได้อีกครั้ง
เธอก้มศีรษะลงอีกครั้ง และให้ใบสั่งยาแก่เซี่ยชิงหยวนสำหรับการรักษาที่เกี่ยวข้อง “ฉันต้องปรับใบสั่งยาก่อนหน้าของคุณ และการกายภาพบำบัดนั้นก็ต้องเปลี่ยน…”
หมอฮวงยังสั่งอะไรอีกบางอย่างในภายหลัง แต่เซี่ยชิงหยวนได้ยินไม่ชัดเจนเท่าไหร่เพราะสมองอื้ออึงไปหมด
เธอรู้แค่ว่าการมีลูกเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
สุดท้ายหมอฮวงกล่าวว่า “ไม่เพียงแค่ท่อนำไข่เท่านั้น แต่ฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อในผู้หญิงจะส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ด้วย นอกจากนี้สุขภาพของสามีคุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
หมอฮวงเปลี่ยนคำพูดเล็กน้อย “ในแง่ของการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยา ความสามารถในเรื่องนั้นของเขาลดลงบ้างไหมคะ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างเขินอาย “เขาไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
ไม่เพียงไม่มีปัญหา แต่ยังแข็งขันอย่างไม่น่าเชื่อเลย
เมื่อเห็นการแสดงออกของเซี่ยชิงหยวน หมอฮวงก็รู้ว่าปัญหาทุกอย่างจะดีขึ้น
เธอยิ้มและพูดว่า “แบบนั้นก็ดีแล้วค่ะ หลังจากกลับบ้านก็กินยาและออกกำลังกายต่อไปนะคะ รักษาอารมณ์ให้มีความสุข ออกกำลังกาย ปรับปรุงคุณภาพและความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยา ถ้าทำทุกอย่างได้ถูกต้องสม่ำเสมอ การมีลูกก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนมีความสุขมากเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้จากหมอฮวง
เพียงแต่ว่าถ้าถี่ขึ้นเธออาจจะทนไม่ไหวเสียเอง
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับหมอฮวงอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงขอบคุณอีกฝ่ายอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะหมอฮวง!”
หมอฮวงยิ้มอย่างยินดี “เมื่อคุณตั้งท้องเด็กตัวอ้วน อย่าลืมบอกฉันด้วยนะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย เธอก็เหมือนกับกำลังเดินอยู่บนอากาศ
มันบังเอิญมากที่หลินตงซิ่วไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหาร ดังนั้นเธอจึงต้องระงับความสุขในใจที่เต็มไปด้วยความต้องการแบ่งปันไว้ชั่วคราว
แต่เสิ่นอี้โจวเห็นความผิดแปลกในตัวเธอ
ขณะที่หลินตงซิ่วกำลังล้างจานอยู่ที่ประตู เขาก็ดึงเซี่ยชิงหยวนเข้ามาและถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนแดงเรื่อ
เธอระงับความสุขไว้ และส่งใบรับรองแพทย์ให้เสิ่นอี้โจว
สายตาของเสิ่นอี้โจวมองไปที่มัน เขาสแกนคำศัพท์อย่างรวดเร็ว มุมปากของเขาค่อย ๆ ยกขึ้นเกือบถึงหลังหู
เขาหัวเราะเบา ๆ “ภรรยาของผมยอดเยี่ยมมาก”
เขาไม่สนว่าเขาจะมีลูกหรือไม่ แค่เธอคนเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
เหตุผลที่เขาคิดคำนึงเรื่องลูกก็เพราะว่าเธออยากจะมี
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เอาละ ในที่สุดเราก็มีลูกได้แล้ว”
ขณะที่พูด เธอก็สะอื้น เสิ่นอี้โจวจึงเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยนพลางปลอบโยนไปในเวลาเดียวกัน “ยัยโง่ นี่เป็นสิ่งที่ดีนะ คุณควรจะมีความสุขสิ”
เขาโน้มตัวไปพรมจูบดวงเนตรที่สั่นเทาของเธอ “หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
ในขณะเดียวกันหลินตงซิ่วที่เพิ่งล้างจานเสร็จก็เข้ามาพอดี
เมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังจูบลูกสะใภ้ เธอก็ตกใจจนทำตะเกียบในมือตกลงพื้น
เซี่ยชิงหยวนได้ยินเสียงและผลักเสิ่นอี้โจวออกไปอย่างรวดเร็ว
หลินตงซิ่วตระหนักว่าเธอเพิ่งขัดจังหวะที่ดีของพวกเขาเลยรีบพูดว่า “พวกลูกทำกันต่อไปเถอะ แม่จะออกไปล้างตะเกียบก่อนนะ”
ความเร็วในการหนีของหลินตงซิ่วนั้นเร็วมากจนเซี่ยชิงหยวนไม่มีเวลาตะโกน
เธอมองเสิ่นอี้โจวด้วยความโกรธ “ดูคุณสิ”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ตอนนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าผมรักคุณ”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าเธอมักจะถูกเขาแกล้งตลอดทั้งวัน เพื่อให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ
เธอดึงมือออก “เราเป็นคู่สามีภรรยาสูงวัยแล้ว คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
เสิ่นอี้โจวคว้ามือเล็ก ๆ ของเธอกลับมาทันทีที่เธอดึงมันออก และโอบกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขนของเขา
เขาโน้มคอเธอเข้ามาแล้วกระซิบว่า “คู่สูงวัยที่ไหน? คุณอายุยี่สิบในใจผมเสมอ”
อายุ 20 ปีคืออายุที่เธอแต่งงานกับเขา เซี่ยชิงหยวนซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาและสะกิดโดนหน้าอกของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ “ฉันอยากรู้จริง ๆ เลยว่าคุณไปเอาคำพูดไร้สาระพวกนี้มาจากไหนมากมาย”
เสิ่นอี้โจวจับนิ้วของเธอ ก่อนจะเอาไปแตะริมฝีปากของเขา จากนั้นก็เอานิ้วชี้เข้าไปในปากพลางไล้เลียเบา ๆ ดวงตาของเขาดูลุ่มลึกและเย้ายวน “ทันทีที่ผมเห็นคุณ ก็รู้ได้โดยไม่ต้องมีครูบอก ผมหวังว่าผมจะได้ผูกคุณไว้ข้าง ๆ ผมเพื่อที่เราจะได้ชดเชยปีที่เราขาดหายไป”
ปลายลิ้นสัมผัสนุ่มลึกและชื้นแฉะ ชวนยั่วยวนใจเกินต้านทาน
เซี่ยชิงหยวนไม่เคยถูกกระตุ้นมากขนาดนี้มาก่อน เธอขืนดึงมือออก พลางผลักเขา แล้วหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
เธอเช็ดนิ้วบนกางเกงขณะที่เธอเดินไป
แต่สถานที่นั้นกลับร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ
เธอวิ่งไปที่ก๊อกน้ำในห้องน้ำแล้วสาดน้ำใส่หน้าเพื่อบรรเทาความร้อนรุ่ม
เซี่ยชิงหยวนวางมือบนหน้าอกของเธอโดยที่ใจยังคงเต้นอยู่
มีรอยยิ้มปรากฏที่ตาของเธอ
เธอยังจำคำพูดของหมอฮวงที่ให้เพิ่มความถี่ได้ ขาของเธอแทบจะอ่อนแรงลง
เธอรู้สึกว่าหมอฮวงต้องเข้าใจผิดเกี่ยวกับเสิ่นอี้โจวแน่ ๆ
…
ผ่านไปไม่นานนักก็ได้เวลาออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ในวันนี้เซี่ยจื่ออี้และหยวนหงหลี่มาหาด้วยเช่นกัน
แถมเซี่ยเจิ้งยังมากับพวกเขาด้วย
เซี่ยชิงหยวนได้พบกับเซี่ยเจิ้งและหยวนหงหลี่เป็นครั้งแรก
เธอทักทายพวกเขาอย่างใจเย็นด้วยใบหน้าที่ยังคงมีบาดแผล
หลินตงซิ่วไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงขนาดนี้มาก่อน ด้วยความประหม่าเธอจึงไม่สามารถพูดได้มากนัก
เธอเดินตามเซี่ยชิงหยวนและยืนเคียงข้างราวกับว่าสิ่งนี้จะทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น
เซี่ยเจิ้งและหยวนหงหลี่จ้องมองไปที่ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน ภายนอกพวกเขาดูสงบ แต่ในใจพวกเขามีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับเสิ่นอี้โจวที่หาลูกสะใภ้ที่มีรูปลักษณ์เช่นนี้
ไม่ใช่ว่าพวกเขาตัดสินคนจากรูปลักษณ์ แต่พวกเขารู้สึกว่าจากมุมมองของเงื่อนไขต่าง ๆ ของเสิ่นอี้โจว ทั้งสองไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมนัก
บางทีเซี่ยชิงหยวนอาจมีความงามภายในที่ทำให้ผู้คนหลงใหลมากหรือเปล่า?
เซี่ยจื่ออี้มองไปที่เซี่ยชิงหยวนด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยทักว่า “น้องสาวเซี่ย”
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที
ต่อหน้าเซี่ยเจิ้งและหยวนหงหลี่ ผู้หญิงคนนี้กลับเรียกเธออย่างสนิทสนมเนี่ยนะ?
เซี่ยชิงหยวนไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้กำลังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก แต่การบอกปัดอีกฝ่ายต่อหน้าผู้คนจำนวนมากนั้นก็ไม่ดีเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนจึงยิ้มที่มุมปากและพูดว่า “ฉันเป็นแค่ผู้หญิงจากชนบทเองค่ะ ฉันละอายใจที่จะถูกเรียกว่าน้องสาวจากคุณหนู ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่นางฟ้าเหมือนคุณหนู และคุณหนูก็อายุมากกว่าฉันสองปี ถ้าไม่รังเกียจเรียกฉันว่าชิงหยวนก็พอค่ะ”
อยากเล่นเล่ห์ใส่เธองั้นเหรอ?
ฉันสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมน่าขยะแขยงได้มากกว่าย่ะ!
ยังไงซะ เธอก็ไปทิเบตมาครั้งหนึ่งแล้ว และผิวหนังของเธอก็หนาขึ้นมาอีกตั้งเยอะ!