กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 255 โรงเรียนประถมหยวนหมาน
บทที่ 255 โรงเรียนประถมหยวนหมาน
บทที่ 255 โรงเรียนประถมหยวนหมาน
ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนเพิ่งจำได้ว่าเธอไม่ได้บอกเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับการได้พบกับอาจารย์
หญิงสาวจึงพูดเรื่องสำคัญระหว่างเธอกับอาจารย์ให้เขาฟัง
เธอถอนหายใจ “เมื่อฉันออกจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ฉันก็ไม่มีที่ไป เลยต้องเร่ร่อนไปทั่วประเทศ ถ้าฉันไม่ได้พบอาจารย์ ฉันก็คงไม่รู้ว่าชีวิตของฉันไปจบอยู่ไหนเหมือนกัน”
เธอได้เรียนรู้จากอาจารย์ปี่เหลาซาน แม้จะทะเลาะกันบ่อย ๆ หรือชีวิตค่อนข้างขมขื่น แต่มันก็สบายใจและมีความสุขเช่นกัน
ในชีวิตที่แล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต
เธอพูดว่า “หลังจากที่ฉันตายไป ฉันก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์บ้าง”
อันที่จริงเธอต้องการถามเสิ่นอี้โจวว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างกับการที่มาเยี่ยมหลุมศพทุกปีหลังจากการตายของเธอ
รวมถึงว่าสาเหตุที่เขาเสียชีวิตเร็วเกินไปนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอหรือไม่
เมื่อคิดดูก็รู้สึกว่ารักครั้งนี้หนักหนานัก จึงไม่กล้าเอ่ยถามออกไป
เสิ่นอี้โจวพึมพำ “อาจารย์คนนั้นของคุณนามสกุลปี่ใช่ไหม?”
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนประกายขึ้นทันที “คุณรู้จักเขาเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ผมได้ยินจากอี้หลินว่าเขาเก็บขี้เถ้าของคุณ และแจ้งให้คนนำกลับไป”
ในยุคนี้ ผู้คนเชื่อว่าการถูกฝังลงสู่พื้นดินจะได้พบกับความสงบสุข แต่ผู้ที่เสียชีวิตในต่างแดนเช่นเซี่ยชิงหยวนจะต้องถูกเผาร่างให้กลายเป็นขี้เถ้าก่อนที่จะถูกนำกลับไปยังบ้านเกิด
แต่ในกรณีส่วนใหญ่ คนที่ตายต่างแดนจะถูกฝังไว้ในพื้นที่นั้นไปเลย และพวกเขาจะไม่สามารถกลับไปยังบ้านเกิดได้อีกตลอดชีวิต
เซี่ยชิงหยวนเป็นลูกสาวที่แต่งงานแล้วและหย่าร้าง ซึ่งเสียชีวิตในต่างแดน จริง ๆ แล้วตามประเพณีท้องถิ่นเธอมักจะไม่ถูกพากลับไปที่บ้านเกิด ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นโชคร้าย
แต่ในเวลานั้น เซี่ยโยว่หมิงพ่อของเธอพร้อมกับพี่ใหญ่เซี่ยจิ่งเยว่ยืนยันที่จะพาเธอกลับมา
เซี่ยจิ่งเฉินถึงกับปะทะกับเจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านที่ต่อต้านพวกเขาและกระทั่งลงมือต่อสู้อย่างรุนแรง
เซี่ยจิ่งเฉินกล่าวว่า “น้องสาวของฉันต้องได้ฝังในทุกที่ที่ฉันต้องการ! ไม่ว่าจะยังไงมันเป็นที่ดินของครอบครัวฉัน พวกแกทุกคนไม่มีสิทธิ์มาเสนอหน้าออกความเห็น!”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลังจากได้ยินเรื่องนี้ที่เกิดหลังจากการตายของเธอ
ว่ากันว่าคนบางคนจะเพิ่งตื่นรู้ก็หลังจากสูญเสียสิ่งสำคัญไปแล้ว แต่บางคนยังคงไม่ถนอม แม้ว่าจะสูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม
เซี่ยจิ่งเฉินเป็นอย่างแรก
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าทำไมเสิ่นอี้โจวถึงอดทนต่อเซี่ยจิ่งเฉินในชีวิตนี้มากขึ้น
เสิ่นอี้โจวหยุดชั่วคราวและพูดต่อ “สองปีต่อมา อาจารย์ชราของคุณเสียชีวิต เขาบริจาคสมบัติทั้งหมดในชีวิตของเขาให้กับประเทศและในทิเบต เขาได้ทำการบริจาคและสร้างโรงเรียน ชื่อโรงเรียนประถมหยวนหมาน”
เสิ่นอี้โจวให้ความสนใจกับปี่เหลาซาน ประการแรกเพราะอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ของเซี่ยชิงหยวน และประการที่สองเนื่องจากพฤติกรรมของอีกฝ่ายน่าตกใจอย่างยิ่งในเวลานั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอึดอัดอยู่พักหนึ่ง
โรงเรียนประถมหยวนหมาน มันเป็นการตั้งชื่อเพื่อระลึกถึงเธอและปี่ฟู่หมานไม่ใช่เหรอ?
อาจารย์ของเธอรับศิษย์อยู่สามคนในชีวิตของเขา คนหนึ่งจากไปและหายสาบสูญเขาไม่เคยกล่าวถึง ส่วนอีกสองคนนั้นทำให้ผมเขาขาวไปทั้งหัว เขาเศร้าโศกเพียงใดใครจะนึกออก?
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฉันทิ้งที่อยู่ของเราไว้ให้อาจารย์แล้ว และเดือนนี้ก็ผ่านไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะมาหาฉันไหมนะ”
เสิ่นอี้โจวลูบไหล่ของเธอ “ในเมื่อคุณได้จะพบเขาอีกครั้งในชาตินี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณจะได้พบเขาอีกแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันจะบอกยามที่ประตูไว้อีกทีแล้วกัน และขอให้พวกเขาช่วยให้ความสนใจหน่อย”บราวนี่ออนไลน์
เสิ่นอี้โจวจ้องมองที่กำไลของเซี่ยชิงหยวน และคร่ำครวญว่า “กำไลนี้ คุณควรสวมมันไว้บนร่างกายของคุณตลอดเวลานะ”
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้วทันที “คุณเชื่อเรื่องผู้พิทักษ์หยก*[1] ด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เสิ่นอี้โจวก็ยิ้ม “ผมรู้สึกอย่างนั้นเสมอ บางสิ่งก็ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์”
แต่สิ่งที่เขาจำได้ไม่เคยลืมเลือนเลยต่อกำไลหยกนี้คือ การที่เห็นมันแตกออกเสี่ยงๆ โดยมีเลือดแห้งของเซี่ยชิงหยวนติดอยู่
เขาคิดว่าถ้าเซี่ยชิงหยวนไม่มีกำไลหยกนี้บนร่างกายของเธอในระหว่างการแสวงบุญ อาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปแล้วก็ได้
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
เมื่อกำไลหยกเคลื่อนผ่านนิ้วของเธอไป จนในที่สุดมันก็ไปรั้งอยู่บนข้อมือ
ผิวของเธอตอนนี้ยังมีแผลอยู่ แต่เมื่อสวมกำไลนี้เข้าไป มันราวกับว่าทำให้แผลจางลงไปเหมือนมีพลังพิเศษ
หน่วยงานอนุญาตให้เสิ่นอี้โจวลางานได้อีกสามวัน เพื่อให้เขาพักฟื้นที่บ้านได้
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “สามวันนี้คุณอยู่บ้านนะ ฉันจะได้ดูแลร่างกายของคุณได้อย่างใกล้ชิดด้วย”
อันที่จริงเธอรู้สึกว่าสามวันสั้นเกินไป
เสิ่นอี้โจวตอบด้วยรอยยิ้ม “ตกลง ตกลง ผมเข้าใจแล้ว”
เสิ่นอี้หลินได้รับคำสั่งให้กลับบ้านเพื่อรับประทานอาหารกลางวันในตอนเที่ยง และเซี่ยชิงหยวนก็วางแผนที่จะไปที่ร้านตรอกเก่ากับหลินตงซิ่ว และซื้อผักระหว่างทางกลับ
โดยไม่คาดคิดเลยว่า ก่อนที่จะได้ออกไปฉู่ซิงอวี่ก็มาถึงที่นี่แล้ว
ดวงตาของเขาเป็นสีน้ำเงินดำที่หายาก และเขาถือกองเอกสารไว้ในมือด้วย
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน ฉู่ซิงอวี่พยักหน้าและกล่าวสวัสดี “สวัสดีครับคุณนาย ผมมาที่นี่เพื่อส่งเอกสารให้กับท่านเลขาธิการน่ะครับ”
เซี่ยชิงหยวนหลบไปด้านข้าง พยักหน้าและพูดว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เธอพบว่าดวงตาของเขาดูเหมือนอดหลับอดนอน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ช่วงนี้คุณทำงานหนักไปรึเปล่าคะ?”
ตามคำพูดของเซี่ยชิงหยวน ฉู่ซิงอวี่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เขาตื่นขึ้นในตอนเช้าตรู่ และพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของหลิงเยี่ย จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจกลัว
หลังจากเจอกับฉากเช่นนั้น เขาจะนอนต่อได้ยังไง? เขารีบปลุกหลิงเยี่ยให้ตื่นทันที
หลิงเยี่ยเกาผมที่ยุ่งเหยิงแล้วพึมพำ “ทำไมเหมือนฉันยังไม่ได้นอนเลยเนี่ย”
หลังจากพูดจบ หลิงเยี่ยก็กลับไปที่ห้องของเขาโดยไม่ได้พูดอะไรอีกกับฉู่ซิงอวี่
ฉู่ซิงอวี่กลับมารู้สึกตัว และส่ายหัว “ผมไม่เป็นไรครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็พยักหน้าและเข้าไปในห้องหนังสือ
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ตามไป เธอยืนอยู่ข้างประตูฟังเสิ่นอี้โจวกระซิบเรื่องงานกับฉู่ซิงอวี่
หลังจากส่งฉู่ซิงอวี่ออกไปแล้วเธอก็หันมาถามทันที “คุณพักฟื้นที่บ้านหรือคุณแค่เปลี่ยนที่ทำงานกันแน่?”
เสิ่นอี้โจวรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเขา
เขาดึงเธอมานั่งบนตัก “ผมทำงานที่บ้าน แต่คุณก็สามารถดูแลผมให้กินและพักผ่อนเพียงพอได้นะ”
เมื่อรู้ว่าเขากังวลเรื่องงาน เซี่ยชิงหยวนก็ถอนหายใจ
“เอาละ คุณพูดขนาดนี้แล้วฉันจะพูดอะไรได้อีก”
หญิงสาวบีบใบหน้าของเขา “ฉันจะออกไปก่อนแล้วจะรีบกลับมานะ”
แต่เสิ่นอี้โจวไม่ยอมให้เธอลุกขึ้นง่ายๆ
เขากดเธอลงกับโต๊ะ พร้อมจูบเธอแรง ๆ แล้วค่อยปล่อยเธอไป
เซี่ยชิงหยวนแตะริมฝีปากที่แดงและบวม พลางจ้องมองที่เขาเขม็ง
แต่แค่แววตาของเขาที่เคลื่อนไหวตอบกลับมาเท่านั้น มันก็เพิ่มเสน่ห์แล้วทำให้ถึงตายได้แล้ว!
เซี่ยชิงหยวนรีบออกมา เดิมทีเธอวางแผนที่จะไปและกลับอย่างเร็ว แต่ไม่คาดคิดก่อนที่เธอจะเดินไปถึงร้าน เธอเห็นผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ข้างนอกร้านและมีเสียงโหยหวนของผู้หญิง
เซี่ยชิงหยวนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงรีบลากหลินตงซิ่วผ่านฝูงชนและเข้าไปด้านใน
ที่ประตูร้าน เจียงเพ่ยหลานกำลังร้องเสียงหลงโดยมีหญิงชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นโดยจับต้นขาของเธอไว้
หญิงชราตะโกนร้องสุดเสียง ตราบใดที่เจียงเพ่ยหลานพูด หญิงชรากลบเสียงของเจียงเพ่ยหลานด้วยเสียงที่ดังกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เธอพูดอะไรสักคำเลย
คิ้วของเจียงเพ่ยหลานขมวดคิ้วลึกขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
อาเซียงและอาจ้วงพยายามดึงหญิงชราออกไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะแตะต้องหญิงชรา หญิงชราก็เริ่มกรีดร้องพลางร้องบอกว่าพวกเขากำลังรวมหัวกันรังแกเธอ
เป็นผลให้อาเซียงและอาจ้วงไม่กล้าทำอะไรอีก พวกเขาได้แต่รอและกังวล
หญิงชรามีผมกระเซิง และผู้คนก็ไม่แน่ใจว่าเธอร้องไห้จริงหรือปลอม แต่สภาพของเธอก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกสมเพชได้แล้ว
เซี่ยชิงหยวนจำหญิงชราคนนี้ได้ เธอคือติงเหม่ยเซียน อดีตแม่สามีของเจียงเพ่ยหลาน
ติงเหม่ยเซียนจับต้นขาของเจียงเพ่ยหลานโดยไม่ยอมปล่อยพร้อมกับร้องไห้
“ทุกคนมาดูเร็ว ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายจริงๆ! ลูกชายของฉันขาหัก เธอเลยไม่สนใจเขา! ฉันอายุปูนนี้แล้วจะไปดูแลลูกชายได้ยังไง ถ้าเธอไม่ดูแลเขาแล้วใครจะดูแลเขา?”
หญิงชราชี้ไปที่เจียงเพ่ยหลาน “ผู้คนพูดว่าเป็นสามีภรรยากันวันเดียวก็เหมือนกับเป็นทั้งชีวิต เธอกับจื้อเฉียงเป็นคู่สามีภรรยากันมานานหลายปี แล้วเธอปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ได้ยังไง?”
เซี่ยชิงหยวนจะไม่เข้าใจสถานการณ์ได้ยังไงล่ะ?
เธอก้าวเข้าไปแล้วตะคอกอย่างเย็นชา “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินว่าผู้ชายที่หย่าร้างแล้ว ซึ่งไม่เคยสนใจอดีตภรรยาและลูกสาวมาก่อน พอขาหักขึ้นมากลับต้องการให้อดีตภรรยากลับไปดูแลเนี่ย!”
* ผู้พิทักษ์หยก (玉能护主) เนื่องจากในประเทศจีน เชื่อกันว่า หยก เป็นสิ่งที่มีจิตวิญญาณหรือพลังงานที่สามารถปกป้องเจ้าของหรือผู้สวมใส่ได้
———————