กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 256 เผชิญหน้า
บทที่ 256 เผชิญหน้า
บทที่ 256 เผชิญหน้า
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามา อาเซียงและคนอื่น ๆ ก็ราวกับได้เจอผู้ช่วยชีวิต
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน อาเซียงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและทักทายเธอทันที
อาเซียงพูดด้วยความโกรธ “ถูกต้อง พี่สาวเพ่ยหลานหย่าร้างแล้ว แล้วเธอยังมาก่อปัญหาที่นี่ทุกวันอีก ไร้ยางอายจริง ๆ!”
ติงเหม่ยเซียนยังจำเซี่ยชิงหยวนได้
เธอรู้ว่าตอนนี้เซี่ยชิงหยวนเป็นภรรยาของเลขาธิการ ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
แต่ว่าตอนนี้หญิงชรากำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอจึงจำใจมาที่นี่
เธอยังคงจับขาของเจียงเพ่ยหลานและพูดว่า “เธอจะรังแกหญิงชราที่ไม่มีใครให้พึ่งพาอย่างฉันเชียวเหรอ? ถึงจะหย่าร้างไปแล้วแต่ทำไมเธอถึงช่วยฉันไม่ได้ล่ะ?”
“ลูกชายของฉันกระดูกขาหัก และเส้นเอ็นก็ยังไม่สมานดีเลยนะ”
“ไม่ว่าจะยังไงจื้อเฉียงก็เป็นพ่อของอี้ตั่ว เขาได้รับบาดเจ็บเพราะไปดับไฟ เธอจะเพิกเฉยต่อเขาได้เชียวเหรอ? เธอมันใจร้ายมากจริงๆ!”
“ในอนาคตเธอเองก็จะถูกแทงข้างหลังเหมือนกัน!”
เซี่ยชิงหยวนเดิมทีต้องการสั่งสอนบทเรียนให้แก่ติงเหม่ยเซียน แต่เมื่อดวงตาของเธอมองไปที่เจียงเพ่ยหลาน ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าไม่พอใจและอดกลั้น เธอรั้งตัวเองไว้ก่อน
เธอสามารถช่วยเจียงเพ่ยหลานได้ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ตลอดไป
ไม่อย่างนั้นตามนิสัยของติงเหม่ยเซียน หญิงชราก็จะมารบกวนเจียงเพ่ยหลานเรื่อย ๆ ในอนาคต
เช่นเดียวกับตอนที่หย่าร้าง ถ้าเจียงเพ่ยหลานไม่ตาสว่างด้วยตัวเอง มันก็ไม่มีใครทำอะไรได้
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เจียงเพ่ยหลาน “เพ่ยหลาน เธอจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ อาเซียงก็พูดทันที “แน่นอนว่าปล่อยให้เธอไปเผชิญกับความยากลำบากเอาเองเลย! ลูกชายของเธอเป็นอัมพาตแล้วยังไง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่สาวเพ่ยหลานเลยสักนิดเดียว”
“พี่สาวเพ่ยหลาน พี่ต้องไม่สับสนนะ!”
หญิงชราใช้ประโยชน์จากการที่เซี่ยชิงหยวนไม่อยู่ มาที่นี่ทุกวันเพื่อสร้างความวุ่นวาย และธุรกิจของร้านตรอกเก่าก็ได้รับผลกระทบจากเธอด้วย
อาเซียงยังรู้ความจริงข้อนี้แล้วเจียงเพ่ยหลานจะไม่เข้าใจได้ยังไง
หลังจากได้รับการจ้องมองที่ให้กำลังใจจากเซี่ยชิงหยวนแล้ว เจียงเพ่ยหลานก็เข้าใจว่าเซี่ยชิงหยวนหมายถึงอะไร
ก่อนหน้านี้ ติงเม่ยเซียนและลูกชายปฏิบัติต่อเธอกับลูกสาวของเธอยังไง เธอจำได้ไม่ลืม เธอไม่ควรสนใจชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป
แต่บางความคิดเธอก็เกลี้ยกล่อมตัวเองว่า ไม่ว่ายังไงหลินจื้อเฉียงก็เป็นพ่อของลูก
แต่แล้วฉากจากอดีตก็ฉายซ้ำในใจ และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้
เจียงเพ่ยหลานพูดด้วยดวงตาสีแดงก่ำ “ฉันกับหลินจื้อเฉียงหย่ากันแล้ว และเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันอีก คุณไปได้แล้ว!”
ขณะที่พูด เธอก็กำลังจะดึงขาออกมา
ติงเหม่ยเซียนจะคาดคิดได้ยังไงว่าทัศนคติของเจียงเพ่ยหลานจะเปลี่ยนไปทันทีที่เซี่ยชิงหยวนมา
หญิงชรากอดขาของเจียงเพ่ยหลานแน่นขึ้น และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง “นังหญิงเลว เธอมันไม่มีมโนธรรม! เธอจำไม่ได้เหรอว่าตอนอยู่บ้านของฉัน ฉันปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง!”
“ไม่ว่าเธอจะกินอะไรใช้อะไร สำหรับเธอสองแม่ลูกแล้วฉันเคยหวงไหม?”
“แต่พอมาตอนนี้ เธอปฏิบัติกับฉันยังไง?”
“ฉันแก่ขนาดนี้แล้วจะดูแลจื้อเฉียงได้ยังไง ไม่สงสารหญิงชราอย่างฉันบ้างเหรอ? ฉันต้องการเช็ดตัวเขา แต่ฉันก็อุ้มเขาไม่ไหว!”
หญิงชราพูดอย่างเศร้ามากและร้องไห้อีกครั้ง
บางคนอดไม่ได้ที่จะเห็นใจหลังจากได้ยินคำพูดของติงเหม่ยเซียน
ปรากฏการณ์ที่น่าขันคือผู้ที่ดูอ่อนแอโดยผิวเผินมักจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากผู้คน
มีคนพูดว่า “ใช่ ยังไงก็ต้องดูแล”
“ยังไงซะพวกเขาก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน แถมยังเป็นพ่อของลูกด้วยนะ”
……
ติงเหม่ยเซียนได้ยินคนรอบข้างพูดอย่างนี้แล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ใจ
เพราะก่อนหน้านี้ที่เจียงเพ่ยหลานและหลินจื้อเฉียงจะหย่าร้างกัน ทุกครั้งที่มีความขัดแย้ง เธอก็ใช้กลอุบายนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อบังคับเจียงเพ่ยหลาน
อาเซียงและอาจ้วงโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
พวกเขาต้องการพูดแทนเจียงเพ่ยหลาน แต่ถูกเซี่ยชิงหยวนหยุดไว้
การจ้องมองของเซี่ยชิงหยวนสงบราวกับน้ำในทะเลสาบ เธอมองไปที่เจียงเพ่ยหลานที่แก้มแดงก่ำรอการต่อต้านของอีกฝ่าย
ตราบใดที่เจียงเพ่ยหลานมีความแน่วแน่ เธอก็จะช่วยเหลือ
เจียงเพ่ยหลานรู้ว่าเธออ่อนแอไม่ได้อีกต่อไป
ในที่สุดหลังจากรวบรวมความกล้าที่จะหย่าร้างและมีรายได้ที่มั่นคงแล้ว เธอจะไม่ย้อนกลับไปเป็นเหมือนในอดีตอีก
คิ้วและดวงตาของเจียงเพ่ยหลานเย็นชาและเธอก็ตะคอกเสียงดัง “ถามจริง ๆ เถอะ ขณะที่คุณพูดคำเหล่านี้ คุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยเหรอ?”
“ฮืออ! เธอมันผู้หญิงใจร้าย! เธอ…”
ติงเหม่ยเซียนยังเหมือนเดิม พยายามที่จะร้องไห้กลบเสียงของเจียงเพ่ยหลาน
แน่นอนว่าคราวนี้ติงเหม่ยเซียนก็ยังไม่สามารถปล่อยให้เจียงเพ่ยหลานพูดบางอย่างได้
โดยไม่คาดคิด เจียงเพ่ยหลานหยิบฝาหม้อเหล็กที่วางไว้ด้านข้างและเขวี้ยงมันลงพื้นอย่างแรง
เคร้ง!! เสียงดังขัดจังหวะคำพูดของติงเหม่ยเซียนอย่างกะทันหัน
เจียงเพ่ยหลานมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ฉันกำลังพูด! คุณจะกรีดร้องทำไม? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ฉันก็ต้องพูดไม่ใช่เหรอ? คุณขัดจังหวะทุกครั้งที่ฉันจะพูด เพราะกลัวว่าฉันจะพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับคุณใช่ไหม?”
ติงเหม่ยเซียนไม่เคยคิดว่าเจียงเพ่ยหลานจะพูดแบบนี้
เธอจ้องไปที่เจียงเพ่ยหลานอย่างว่างเปล่า ลืมที่จะพูดไปชั่วขณะ
คนข้าง ๆ ก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน
มันมีแต่ติงเหม่ยเซียนที่ร้องไห้อยู่เสมอ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินเจียงเพ่ยหลานแสดงความคิดเห็นด้านของตัวเองเลย
ผู้คนจำนวนมากในตอนนี้เป็นลูกค้าประจำของร้านตรอกเก่า และพวกเขามักจะมีความประทับใจที่ดีต่อเจียงเพ่ยหลาน เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วเจียงเพ่ยหลานไม่ควรเป็นคนแบบนั้น
ทันใดนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดแทนเจียงเพ่ยหลาน
ติงเหม่ยเซียนโกรธจัดและตะโกนออกมา “ฉันไม่ปล่อยให้เธอพูดตอนไหน? ถ้าเธอต้องการพูดอะไรก็พูดมันออกมาเลย ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะแก้ตัวอะไรได้!”
เซี่ยชิงหยวนตะคอกและพูดว่า “งั้นปัญหาคือคุณหุบปากก่อนแล้วฟังกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดซะ ถูกหรือผิด ค่อยว่ากันหลังจากฟังจบ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาหลายคู่ ติงเหม่ยเซียนแข็งทื่อทันที
หญิงชราจ้องไปที่เจียงเพ่ยหลานด้วยความโกรธ แต่พอคิดอีกครั้งว่าทำไมตนถึงต้องหงุดหงิดด้วยก็ไม่สามารถอธิบายได้
เจียงเพ่ยหลานชำเลืองมองเซี่ยชิงหยวนอย่างซาบซึ้ง และใช้โอกาสนี้พูดต่อ “ตอนที่ฉันเพิ่งคลอดลูกใหม่ ๆ คุณไม่เคยดูแลฉัน ไม่มีแม้แต่ช่วยทำข้าวสักมื้อเดียว ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวของฉัน คุณเอาแต่บอกว่าเธอเป็นเด็กผลาญเงิน ไม่อยากจะเลี้ยงดู”
“ตอนนั้นฉันเดินไม่ไหวออกไปข้างนอกเองไม่ได้ ฉันจึงขอให้คุณช่วยฉันออกไปซื้อผักให้หน่อย แต่แล้วคุณกลับไปร้องไห้กับหลินจื้อเฉียง บอกว่าฉันเอาแต่ใช้คุณไม่ยอมใช้คนอื่น เงินทั้งหมดคุณก็เก็บไว้คนเดียว ฉันได้กินแต่ผักดอง เกลือ น้ำข้าวอยู่ทุกวัน และคุณก็เอาแต่โทษว่าฉันไม่มีน้ำนม!”
“ครอบครัวฝั่งของฉันรู้สึกสงสารฉันมาก พวกเขาจึงนำสิ่งของต่าง ๆ มาให้ฉัน แต่คุณก็ฉกเอาของทั้งหมดไปที่บ้านลูกสาวของคุณในพริบตา โดยบอกว่าลูกสาวของคุณต้องการของเหล่านั้นไปบำรุงสุขภาพ”
“คุณไม่เคยซื้อเสื้อผ้าให้ลูกของฉันตั้งแต่เด็กจนโต และคุณยังไม่อนุญาตให้ซื้อโดยบอกว่าเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ แต่คุณกลับใช้เงินเดือนของหลินจื้อเฉียงซื้อของให้หลานชายของคุณมากมาย”
“ลูกสาวของฉันน่าสงสารมาก เสื้อผ้าแต่ละตัวที่ลูกสาวฉันใส่ทั้งหมดมันมาจากหลานชายของคุณทั้งนั้นที่ใส่จนขาดแล้วจึงโยนมาให้”
“นอกจากนี้ คุณยังสนับสนุนให้หลินจื้อเฉียงทุบตีฉัน และคุณยังทุบตีฉันร่วมกับเขาด้วย!”
“หลังจากการหย่าร้าง พวกคุณยังใช้เรื่องลูกบังคับให้ฉันออกจากบ้าน แม้ว่าฉันจะไม่มีเงินและไม่มีที่อยู่อาศัย ฉันกับลูกก็ถูกบังคับให้ออกเขตที่พักอาศัยเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ฉันพาลูกไปสถานรับเลี้ยงเด็กฟรีในหอพักของเขา…!”
เจียงเพ่ยหลานมองไปที่ติงเหม่ยเซียน “คุณคิดว่าทั้งหมดนี้มันดีสำหรับฉันงั้นเหรอ!?”
ติงเหม่ยเซียนจะคาดคิดได้ยังไงว่าการปล่อยโอกาสให้เจียงเพ่ยหลานพูด มันกลับทำให้อีกฝ่ายขุดเอาอดีตที่เน่าเฟะของตัวเองออกมาประกาศต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
เธอตะโกนกลับไป “ไร้สาระ! ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องไร้สาระของเธอทั้งนั้น เธอจงใจใส่ร้ายฉัน!”
เจียงเพ่ยหลานไม่สนใจกับการพูดกลับขาวเป็นดำของอีกฝ่าย และพูดว่า “คุณและลูกชายของคุณทุบตีฉันในตอนนั้น พวกคุณถูกพาไปสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ”
“หรือคุณต้องการให้ฉันไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะเพื่อหาพยานไหมล่ะ?”