กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 258 ไม่อาจยอมได้
บทที่ 258 ไม่อาจยอมได้
บทที่ 258 ไม่อาจยอมได้
เสิ่นอี้โจวไม่ได้รั้งชายหนุ่มทั้งสองไว้และยืนขึ้น “วันนี้พวกคุณทำงานอย่างหนักเพื่อผมมามากแล้ว วันหน้าพอคุณสองคนมาอีกครั้งก็อยู่ร่วมกินข้าวกับเราก่อนนะ ให้เราดูแลพวกคุณอย่างดีสักหน่อยเถอะ”
จากนั้นทั้งสองจึงจากไปพร้อมกัน โดยไม่รั้งอยู่อีกต่อไป
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เสิ่นอี้โจว “ฉันซื้อปลามาและฉันจะทำซุปปลาให้คุณตอนเที่ยงนี้นะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “อืม แบบนั้นก็ดีมากเลย”
เขาสังเกตการแสดงออกของเซี่ยชิงหยวน ดูเหมือนทุกอย่างจะปกติมากสำหรับเธอ
ไม่ใช่ว่าเขากังวลว่าเธอมีความคิดอื่น แต่เขากลัวว่าเธอจะรังเกียจ
ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็รู้ว่าฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยคือคนที่เขาต้องการแนะนำให้เธอรู้จัก
สำหรับสิ่งที่เซี่ยจื่ออี้พูดงั้นเหรอ?
เขาไม่ได้โง่ ถึงขนาดจะไม่เข้าใจความหมายของการลดความขัดแย้งของผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง?
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังและพูดว่า “ฉันต้องรีบแล้วล่ะ อี้หลินใกล้จะกลับมาแล้ว”
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “งั้นให้ผมช่วยคุณนะ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวทันที “คุณแค่นั่งรออยู่ที่นี่ก็พอ”
หลังจากพูดจบ เธอไม่สนใจเสิ่นอี้โจวอีกต่อไป หันหลังกลับและไปที่ครัวเพื่อทำอาหาร
เสิ่นอี้โจวมองหลังของภรรยา แตะจมูกแล้วกลับเข้าไปในห้อง
หลิงเยี่ยและฉู่ซิงอวี่เดินเคียงข้างกันระหว่างทางออกจากบริเวณเขตที่อยู่อาศัยเจ้าหน้าที่
หลังจากคิดทบทวนในหัว หลิงเยี่ยพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงที่ทำให้นายตกหลุมรักก่อนหน้านี้คือภรรยาของเลขาธิการใช่ไหม?”
คำถามที่กะทันหันของหลิงเยี่ยทำให้ฉู่ซิงอวี่ตกใจทันที
เขามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็วและเมื่อพบว่าไม่มีใครก็โล่งอก บวกกับเสียงของหลิงเยี่ยที่เบามากเช่นกันคงจะไม่มีใครได้ยิน
เขาชกหน้าอกของหลิงเยี่ย “นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระบ้าบออะไรกัน?”
สีหน้าของหลิงเยี่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเขาพูดว่า “ซิงอวี่ นายรู้อยู่ใช่ไหมว่าเธอแต่งงานแล้ว”
และสามีของเธอก็เป็นคนที่พวกเขาไม่อาจจะเหนือกว่าได้ อย่างน้อย ๆ ก็ในช่วงชีวิตนี้
เมื่อหัวข้อนี้ถูกพูดถึง ฉู่ซิงอวี่ก็ไม่หลีกเลี่ยงอีกต่อไป
เขาพูดว่า “นายไม่จำเป็นต้องย้ำเตือนหรอก ฉันจะค่อย ๆ ทำใจได้เองนั่นแหละ”
“ในความเป็นจริง ทุกคนย่อมมีความคิดชื่นชอบและโหยหาสิ่งที่สวยงาม และตัวฉันเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
“ตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรก ฉันรู้สึกถูกดึงดูดจากรูปร่างหน้าตาของเธอเป็นอย่างแรก แล้วค่อย ๆ ตระหนักว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยงามมากในทุกด้านจริง ๆ อย่างที่ตัวฉันเองคิด”
“แต่นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดกับเธอ”
“ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความรู้สึก ไม่มีความรักที่ฝังรากลึก มีเพียงเสียใจบ้าง ก็แค่นั้น”
“ไม่มีข้อห้ามทางกฎหมายในการชื่นชมผู้หญิงที่แต่งงานแล้วใช่ไหมล่ะ?”
ในตอนท้ายฉู่ซิงอวี่ก็หัวเราะบราวนี่ออนไลน์
หลิงเยี่ยมองไปยังฉู่ซิงอวี่ ซึ่งในขณะที่ฉู่ซิงอวี่พูดคำเหล่านี้ แสงในดวงตาของฉู่ซิงอวี่นั้นชัดเจนและสดใส
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเช่นกัน
เขารู้สึกเสมอว่าตัวเองดีกว่าฉู่ซิงอวี่ในด้านความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง อีกทั้งเขามีความคิดในด้านเหตุและผลมากกว่าอีกฝ่ายในการจัดการกับปัญหา แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉู่ซิงอวี่จะละเอียดรอบคอบกว่าเขาที่คิดในเรื่องนี้
เขาเองก็ยังหัวเราะ “ใช่ นายพูดถูก”
เฝ้ามองจากระยะไกล ชื่นชมอย่างเงียบ ๆ ไม่ละเมิดกฎหมายหรือละเมิดศีลธรรม
…
ขณะที่กินข้าวอยู่นั้น เสิ่นอี้โจวจำสิ่งที่หลิงเยี่ยบอกได้ เลยพูดว่า “อันที่จริง พี่รองของคุณก็มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือฝูเถียนในครั้งนี้ด้วยนะ เขาได้รับบาดเจ็บและได้กลับบ้านไปพักผ่อนได้สักสองสามวันแล้วล่ะ”
“ก่อนหน้านี้ผมโทรหาแต่ไม่มีใครอยู่บ้าน ดังนั้นผมจึงโทรไปที่สำนักงานอีกหลายครั้ง และตอนนี้เขาก็น่าจะออกไปทำงานแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนที่กำลังกินข้าวก็ตัวแข็งค้าง
เธอวางชามและตะเกียบลง “พี่รองของฉันเป็นอะไรไป? เขาได้ไปโรงพยาบาลไหม?”
เซี่ยชิงหยวนกังวลว่าพี่รองจะหายามาทาเองเพราะเขาลังเลที่จะจ่ายเงินค่าหมอ
เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอ “ผมได้ยินมาว่าเขาถูกต้นไม้ที่ลุกไหม้ล้มใส่ แต่โชคดีที่มีคนอยู่ใกล้ ๆ และช่วยเขาไว้ทัน ผิวหนังบนแผ่นหลังของเขาถูกไฟไหม้ รัฐบาลจัดให้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาแล้ว และพวกเขาจะออกจากโรงพยาบาลได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาหายดีเท่านั้น ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขาเลย ศาลากลางเลื่อนสถานะให้เขาเป็นพนักงานประจำและให้เงินพิเศษแก่เขาด้วย”
จากคำพูดของเสิ่นอี้โจวเพียงอย่างเดียว เซี่ยชิงหยวนสามารถเข้าใจได้เลยว่าสถานการณ์ตอนนั้นอันตรายเพียงใด
เธอพูดว่า “งั้นฉันจะโทรกลับไปถามอีกทีแล้วกัน”
ตั้งแต่กลับมาจากการแสวงบุญครั้งนี้ และเสิ่นอี้โจวเล่าเรื่องของเซี่ยจิ่งเฉินให้เธอฟังถึงเหตุการณ์หลังการตายของตัวเอง แม้ความบาดหมางระหว่างเธอกับเซี่ยจิ่งเฉินยังคงมีอยู่ แต่ก็ไม่ลึกเท่าเมื่อก่อน
ในความเป็นจริง พวกเขาทั้งคู่มีกันและกันอยู่ในใจ แต่ทั้งสองถูกกดดันจากชีวิต ทำให้พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติต่ออีกฝ่ายได้ดีเท่าที่ควร
เธอเชื่อว่าถ้าเซี่ยจิ่งเฉินยังคงเป็นชายหนุ่มที่มีจิตใจสูงแบบในอดีต เธอก็ยังคงเป็นน้องสาวที่เขารักเช่นกัน แต่ทำตัวน่ารังเกียจ
ตอนนี้เธอไม่สามารถไปหาเซี่ยจิ่งเฉินได้อย่างแน่นอน จึงทำได้เพียงโทรกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์
กงเหลียนซินเป็นคนรับสาย
แต่กงเหลียนซินถามเกี่ยวกับอาการของเสิ่นอี้โจวก่อน
หมู่บ้านซิ่งฮวาตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลและไม่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับฝูเถียน แต่เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินกลับไป เขาก็เล่าเรื่องราวที่เสิ่นอี้โจวได้เข้าโรงพยาบาลด้วย
พวกเขาโทรหาเซี่ยชิงหยวนก่อนหน้านี้ด้วย แต่ไม่มีใครรับสายเลย
เซี่ยจิ่งเฉินโทรกลับไปในภายหลัง โดยบอกว่าเสิ่นอี้โจวออกจากโรงพยาบาลแล้ว และพวกเขาก็โล่งใจ
เซี่ยชิงหยวนกังวลว่าครอบครัวของเธอเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับอาการป่วยของเสิ่นอี้โจว แต่เพียงพูดคุยสิ่งที่ไม่มีนัยสำคัญเท่านั้น
ในตอนท้ายเธอถามว่า “พี่สะใภ้ ตอนที่พี่รองกลับบ้านไป ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรบ้างรึเปล่าคะ?”
คนพูดปลายสายหยุดชั่วคราวแล้วลดเสียงลงก่อนจะพูดว่า “อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย ล่าสุดท้ายที่พี่รองของเธอกลับมา เขาทะเลาะกับภรรยาในคืนนั้นเลย หลังจากทะเลาะกัน เขาก็ไม่ได้พักผ่อนและออกเดินทางไปแต่เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นทันที”
ถ้าเป็นเซี่ยจิงเยว่ เขาอาจจะช่วยปกปิดเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นกงเหลียนซิน เธอจะไม่ปิดบังเรื่องของจางอวี้เจียวแน่นอน
กงเหลียนซินพูดต่อว่า “เธอคงไม่รู้ ทันทีที่น้องรองกลับมา จางอวี้เจียวไม่ได้พูดสักคำที่แสดงถึงความเป็นห่วง คำแรกที่หลุดออกจากปากคือขอเอาเงินทันที”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ก็เพิ่งขอเงินไปจากพี่รองไม่ใช่เหรอ? ยังจะขอเงินอะไรอีก?”
เพราะเหตุการณ์คราวนั้นพ่อของเธออย่างเซี่ยโยว่หมิงถึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลากสังขารชราออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อช่วยเหลือครอบครัว
แน่นอนกงเหลียนซินรู้ทุกอย่าง “เธอก็น่าจะรู้ ผู้หญิงคนนั้นเคยพอเสียที่ไหน คราวที่แล้วที่เธอให้เงินเรามาปรับปรุงบ้าน เพียงไม่กี่วันผู้หญิงคนนั้นก็ไปบ้านแม่ของตัวเอง และหลังจากกลับมาก็มาร้องห่มร้องไห้ บอกว่าพ่อแม่ของหล่อนอยู่ลำบากในบ้านอิฐหลังเก่า”
“แต่คราวนี้แม่ไม่สนใจหล่อนเลย และคิดว่าไม่นานหล่อนคงจะสงบไปเอง”
“แต่ไม่คาดคิดว่าพอน้องรองมา ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้งโดยตรงเลย”
“เพราะเรื่องนี้ทำให้พ่อโกรธมากจนนอนบนเตียงไปสองวันกว่าจะลุกขึ้นได้เชียว”
เมื่อนึกถึงฉากในวันนั้น กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ยังไงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนพูดอะไรหลาย ๆ อย่างจากขาวให้กลายเป็นดำอยู่แล้ว”
ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยจิงเยว่รั้งไว้ เธอคงก้าวเข้าไปสั่งสอนจางอวี้เจียวคนนั้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ไม่พูด กงเหลียนซินก็หยุดพูดเรื่องของจางอวี้เจียว “ฉันคิดว่าครั้งนี้พี่รองของเธออ้วนขึ้นกว่าตอนที่กลับมาครั้งที่แล้วนะ น่าจะเป็นเพราะงานไม่หนักเหมือนเมื่อก่อนสินะ”
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เสิ่นอี้โจวจะแนะนำงานที่ไม่ดีให้กับเซี่ยจิ่งเฉิน
ขอเพียงไม่โลภจะมองเห็นได้ชัดเจน
หากสถานการณ์ของครอบครัวของพวกเขาและครอบครัวของเซี่ยจิ่งเฉินเปลี่ยนไป เซี่ยชิงหยวนก็จะไม่เพิกเฉยเช่นกัน
หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนได้ยินคำพูดของกงเหลียนซิน มันก็เหมือนมีไฟเผาไหม้ในใจของเธอ
แม้ว่าลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพี่ชาย แต่สิ่งที่จางอวี้เจียวทำนั้นเกินขีดจำกัดความอดทนของเธอแล้ว
เซี่ยโยว่หมิงมีนิสัยที่สงบอยู่เสมอ แต่คราวนี้ถึงกับนอนล้มอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวัน มันยากที่จะจินตนาการว่าปัญหาจะน่าเกลียดแค่ไหน
เธอสามารถเมินเรื่องระหว่างจางอวี้เจียวและเซี่ยจิ่งเฉินได้ แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำร้ายพ่อแม่ของเธอ เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด!
———————