กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 266 ใช้เวลากับฉันให้มากขึ้น
บทที่ 266 ใช้เวลากับฉันให้มากขึ้น
บทที่ 266 ใช้เวลากับฉันให้มากขึ้น
อาเซียงผงะไปเล็กน้อย จากนั้นยิ้มและพูดว่า “พี่เฮ่อเขายอดเยี่ยมมากเลยค่ะ”
ดวงตาของอาเซียงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยชิงหยวนถึงถามคำถามเช่นนี้
เห็นอย่างนั้นแล้วเซี่ยชิงหยวนก็พลันเหนื่อยใจ
หญิงสาวตบหน้าผากตัวเองแล้วถอนหายใจ “เธอ…”
อาเซียงงงงวย “พี่เซี่ย พี่เฮ่อเป็นคนไม่ดีเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเรียบเรียงคำพูดของเธอแล้วจึงพูดว่า “การตัดสินว่าคนนั้นดีหรือไม่ ต้องดูจากหลายแง่มุมนะ”
จากการวิเคราะห์ของเซี่ยชิงหยวน ความรู้สึกคลุมเครือของอาเซียงที่มีต่อเฮ่ออวี้เฟิงจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดค้าส่งแน่นอน
การชื่นชมวีรบุรุษเป็นความฝันของเด็กผู้หญิงหลายคน
เธอหยุดพูดไปชั่วขณะ เมื่อเห็นอาเซียงมองมาอย่างจริงจัง จึงเริ่มพูดต่อ “เช่นในมุมของเราอาจมองว่าเขาเป็นคนดี แต่สำหรับคนอื่นอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะนิสัยของเขาอาจจะไม่ได้ถูกใจหรือเข้ากับผู้หญิงทุกคน”
อาเซียงดูเหมือนจะเข้าใจ จึงพยักหน้า “อ่อ”
เซี่ยชิงหยวนเห็นการแสดงออกของอาเซียงก็รู้ว่าเด็กสาวไม่เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังสื่อเลยสักนิด…
ด้วยสมมติฐานที่ว่าอาเซียงน่าอาจจะยังไม่ได้พัฒนาความรู้สึกต่อเฮ่ออวี้เฟิงมากนัก ในฐานะคนนอก เธอคงไม่สามารถพูดอะไรได้มากเกินไป ไม่เช่นนั้นมันอาจส่งผลเสียได้
นอกจากนี้ เธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?
เซี่ยชิงจึงหยวนหยุดพูดหัวนี้ และเปลี่ยนไปชวนอาเซียงคุยเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเธอซื้อมาแทน
…
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเธอกลับมาถึงเมืองเตียนเฉิงในพริบตา
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับถึงบ้าน เธอรีบจัดการสิ่งต่าง ๆ รุ่งเช้าวันต่อมาก็ไปยังสถานีรถไฟกับเสี่ยวหลิว เพื่อรอรับกงเหลียนซินและเซี่ยไป่เหิง
เมื่อรถไฟหยุดลง เซี่ยชิงหยวนเห็นผู้หญิงร่างสูงกับเด็กตัวเล็กลงมาจากตู้รถไฟ หญิงคนนั้นแบกกระเป๋าใบใหญ่ไว้บนหลัง นั่นไม่ใช่กงเหลียนซินกับเซี่ยไป่เหิงหรอกเหรอ?
เซี่ยชิงหยวนโบกมือให้พวกเขา “พี่สะใภ้! ไป่เหิง!”
ได้ยินเสียงเรียก กงเหลียนซินก็เห็นเซี่ยชิงหยวนทันที
กงเหลียนซินตอบรับเสียงดัง พร้อมกับดึงเซี่ยไป่เหิงเดินมาด้วยกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้ามาใกล้จนห่างไม่กี่ก้าว เซี่ยไป่เหิงจึงปล่อยมือกงเหลียนซินและพุ่งไปหาเซี่ยชิงหยวนด้วยความตื่นเต้น
“คุณอา!”
“ว่ายังไง!”
เซี่ยชิงหยวนก้มลงกอดเซี่ยไป่เหิงไว้แน่น
ส่วนเสี่ยวหลิวรีบเข้าไปช่วยถือกระเป๋าของกงเหลียนซิน
ตอนที่กงเหลียนซินให้กำเนิดเซี่ยไป่เหิงนั้น เซี่ยชิงหยวนยังอยู่มัธยมต้นอยู่เลยบราวนี่ออนไลน์
เซี่ยไป่เหิงเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลเซี่ย และเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกงเหลียนซิน เธอจึงมักจะช่วยดูแลเด็ก ๆ เสมอ
กงเหลียนซินไม่เหมือนกับจางอวี้เจียวที่มักทำตัวยิ่งใหญ่ ชอบเอาเปรียบคนอื่น และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง โดยไม่สนคนอื่น
สำหรับกงเหลียนซินหากเป็นเรื่องที่พอทำได้ด้วยตัวเอง เธอจะพยายามไม่รบกวนเซี่ยชิงหยวน หรือหากต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เธอก็จะไหว้วานด้วยความเกรงใจ
ดังนั้นเมื่อเทียบกับหลานสาวสองคนของครอบครัวเซี่ยจิ่งเฉิน เซี่ยชิงหยวนจึงเต็มใจและสบายใจมากกว่า เมื่อได้ดูแลหลานชายสองคนของกงเหลียนซิน
เซี่ยชิงหยวนมองเซี่ยไป่เหิงที่อ้วนขึ้นกว่าครั้งล่าสุดตอนเธอกลับไปบ้าน เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “โห อาแทบอุ้มไม่ไหวแล้วเนี่ย น้ำหนักขึ้นเยอะเลยนะ”
ขณะที่พูด หญิงสาวก็กอดเซี่ยไป่เหิงด้วยความเอ็นดู
กงเหลียนซินรีบพูดว่า “วางเขาลงเร็วเข้า ขนาดพี่ยังเจ็บหลังตอนที่อุ้มเขานานๆ เลย ตอนนี้เด็กทั้งสี่คนดื่มนมผงที่เธอเอาไปให้ทุกวัน พวกเขาโตขึ้น ใบหน้ามีน้ำมีนวลเยอะกว่าเดิมมาก”
เซี่ยไป่อวิ๋นไม่ได้ตามมาด้วย หากเทียบระหว่างเด็กสองคน เซี่ยไป่เหิงรู้ความมากกว่า แต่ปากของเซี่ยไป่อวิ๋นหวานกว่า แถมยังชอบและเกาะติดเซี่ยชองหยวานมากกว่าด้วย
นอกจากนี้ยังมีเซี่ยซือถงและเซี่ยซือเหยียน แม้ว่าแม่ของเด็กหญิงทั้งสองจะเลวร้าย แต่พวกเธอก็เป็นหลานสาวของเซี่ยชิงหยวน
กงเหลียนซินรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนต้องคิดถึงพวกเด็ก ๆ แน่ จึงเริ่มเล่าถึงเด็ก ๆ
เมื่อไม่นานมานี้จางอวี้เจียวเกลี้ยกล่อมหวังผิงให้มอบนมผงให้เธอเพื่อเอาไปดูแลลูกสาวของเธอ หลังจากสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะเลี้ยงลูกด้วยนมผง หวังผิงจึงยอมมอบนมผงให้ไป ท้ายที่สุดจางอวี้เจียวก็นำกระป๋องนมผงกลับไปที่บ้านฝั่งแม่ของเธอเงียบ ๆ
เซี่ยชิงหยวนไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องแย่ ๆ ของจางอวี้เจียวมากนัก และเธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้เพราะไม่อยากเสียอารมณ์
พอเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ รอยย่นบนคิ้วของเธอจึงลึกลงไปอีก
เซี่ยชิงหยวนเตรียมอาหารพิเศษหลายรายการในตอนเย็น รวมถึงปลาต้มหั่นชิ้น ไก่ฉีก ซี่โครงหมูตุ๋น ซุปไข่มะเขือเทศ และพวกยำทั้งหลาย
เซี่ยชิงหยวนอธิบาย “คืนนี้หน่วยของอี้โจวมีงานบางอย่างที่ต้องทำ เขาจึงยังไม่สามารถกลับมาได้ แต่เขาขอให้ฉันดูแลพี่สะใภ้อย่างดีแล้ว เพราะงั้นอย่าเกรงใจเชียวนะ พี่สะใภ้กินให้เต็มที่ไปเลยค่ะ”
เซี่ยไป่เหิงอายุน้อยกว่าเสิ่นอี้หลินหนึ่งปี พูดได้ว่าพวกเขาอายุไล่เลี่ยกัน ดังนั้นเด็กทั้งสองจึงสนิทกันอย่างรวดเร็วหลังจากพบกัน
เด็กชายทั้งสองนั่งด้วยกัน พลางมองจานอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ แล้วแอบลอบกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง
เซี่ยไป่เหิงถามเสิ่นอี้หลิน “อาของฉันยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหม?”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว เธอคือพี่สะใภ้ของฉันเอง”
เซี่ยไป่เหิงขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเสิ่นอี้หลิน “แต่นั่นคืออาของฉันนะ”
เสิ่นอี้หลิน “เป็นพี่สะใภ้ของฉันด้วยไง”
เซี่ยไป่เหิง “อาของฉันเป็นของฉัน!”
เสิ่นอี้หลินเริ่มขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้ของฉันเป็นของฉัน!”
เด็กชายไม่เข้าใจ เซี่ยชิงหยวนอาจเป็นอาของเซี่ยไป่เหิง แต่ทำไมเธอจะเป็นพี่สะใภ้ของเขาในเวลาเดียวกันไม่ได้ล่ะ?
เซี่ยไป่เหิงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยชิงหยวนแล้วชี้ไปที่เสิ่นอี้หลินด้วยนิ้วก้อยของเขา น้ำตาเริ่มไหลพลางพูดว่า “คุณอา เขาบอกว่าคุณอาเป็นพี่สะใภ้ของเขา และเป็นของเขาด้วย!”
เสิ่นอี้หลินพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจแล้วนั่งเงียบ
เซี่ยชิงหยวนอดขำออกมาไม่ได้
กงเหลียนซินเองก็ยิ้มและพูดว่า “เธอสองคนเพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ? แต่พวกเธอกลับขัดแย้งกันแล้วเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ?”
เด็กน้อยทั้งสองจ้องมองกัน แต่ไม่ยอมพูดอะไร
เซี่ยชิงหยวนลูบหัวเด็กทั้งสองและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเป็นอาของเซี่ยไป่เหิง และฉันก็เป็นพี่สะใภ้ของเสิ่นอี้หลินด้วยเหมือนกัน ทั้งสองอย่างสามารถเป็นได้พร้อมกัน ไม่มีความขัดแย้งกันแน่นอนจ้ะ”
เธอมองเด็กที่ไร้เดียงสาทั้งสองด้วยดวงตาอ่อนโยน “ฉันรักพวกเธอทั้งสองคนเหมือนกันนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจดวงน้อย ๆ ของเสิ่นอี้หลินก็รู้สึกอบอุ่น เขาจึงครางรับ ‘อืม’ เบา ๆ แล้วมองเซี่ยไป่เหิงพลางแสดงออกว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดเมื่อกี้นี้
เซี่ยไป่เหิงเข้าใจสิ่งที่ได้ยินเกือบทั้งหมด และไม่ได้เศร้าอีกต่อไป
เขายื่นมือไปหาเสิ่นอี้หลิน และพูดว่า “เอาละฉันจะแบ่งอาของฉันให้นายครึ่งหนึ่งก็ได้”
เสิ่นอี้หลินรู้สึกว่าน้องชายคนนี้ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
เขาจึงมองเซี่ยชิงหยวนเพื่อขอความช่วยเหลือ
เซี่ยชิงหยวนเพียงยิ้มกลับมาอย่างอ่อนโยน
เสิ่นอี้หลินถอนหายใจอย่างเป็นผู้ใหญ่ และจับมือของอีกฝ่าย “ก็ได้”
จากนั้นเซี่ยไป่เหิงก็ชูชามขึ้น “เราสองคนมาแข่งขันกัน ใครก็ตามที่กินเสร็จก่อนจะได้ถูกคุณอากอด!”
เสิ่นอี้หลิน “…”
พี่สะใภ้และน้องสามี ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มพลางส่ายหัวเราะ
เวลาอาหารเย็นผ่านไป เสิ่นอี้โจวกลับบ้านมาก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
กงเหลียนซินและเซี่ยไป่เหิงนอนในห้องทำงานของเซี่ยชิงหยวน ทั้งสองหลับไปแล้ว คงเพราะเหนื่อยหลังจากเดินทางมาทั้งวัน
ส่วนเซี่ยชิงหยวนก็ออกมารับเสิ่นอี้โจว เขาดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว พลางกระซิบถาม
“คุณคิดถึงผมไหม?”
เซี่ยชิงหยวนมองเห็นดวงจันทร์สว่างไสวนอกประตูผ่านลาดไหล่ของชายตรงหน้า เธอได้กลิ่นจาง ๆ ของเหล้ากับบุหรี่จากตัวเขา
หญิงสาวยื่นมือออกไปหยิกเอวเขาทันที “คืนนี้คุณได้ดื่มรึเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวคว้ามือเธอไว้ แล้วโอบเอวภรรยา พลันมองเข้าไปในดวงตาของเธอ พลางพูดว่า “คุณตอบผมก่อนสิ คุณคิดถึงผมไหม?”
เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถหลีกเลี่ยงดวงตาจดจ่อและร้อนแรงของเขาได้
เธอกัดริมฝีปากและพยักหน้า
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
แต่แทนที่จะปล่อยเธอไป เขากลับกอดหญิงสาวแน่นขึ้น “ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
น้ำเสียงเอ้อระเหยนั่น มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าซ่อนอยู่
หลังจากได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่สามารถผลักไสเขาออกไปได้
เธอโอบแขนรอบเอวของสามีด้วยมือทั้งสองข้าง พลางซบหน้าลงบนอกของเขา “ถ้าอย่างนั้นเวลาที่ฉันอยู่บ้าน คุณใช้เวลากับฉันให้มากขึ้นได้ไหม?”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของเสิ่นอี้โจว “ได้เลย”
เขาใช้นิ้วเชยคางเธอ ก่อนจะก้มศีรษะลงจูบอย่างนุ่มนวล